แม้ในวันที่ชีวิตไม่เป็นดั่งใจ แต่ทุกฤดูที่ผันเปลี่ยนล้วนฝากบทเรียนที่ทำให้เราโตขึ้นเสมอ ซีรีส์โรแมนติกดราม่าเรื่องใหม่ทาง Netflix ที่ออนแอร์เสิร์ฟเดือนมีนาคมนี้ อย่าง “When Life Gives You Tangerines” ถ่ายทอดเรื่องราวของ แอซุน (รับบทโดย ไอยู) หญิงสาวหัวขบฏผู้มีฝันอยากเป็นนักแต่งบทกวี และ กวานชิก (รับบทโดย พัคโบกอม) หนุ่มผู้มีความอบอุ่น และมุ่งมั่น ที่พวกเขาต้องเผชิญเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรค และความเจ็บปวด ผ่านฤดูกาลที่เปลี่ยนผันนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นบนเกาะเชจูในทศวรรษ 1960 ไปจนถึงกรุงโซลในปี 2025
“When Life Gives You Tangerines” กำกับการแสดงโดย ผู้กำกับคิมวอนซอก (ผลงานก่อนหน้า My Mister) พร้อมกับได้ นักเขียนบทอิมซังชุน (ผลงานก่อนหน้า When The Camellia Blooms) มาจับปากกาวาดเรื่องราวที่เต็มไปด้วยรสชาติของชีวิตในครั้งนี้ไปด้วยกัน ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดได้เริ่มต้นบนเกาะเชจู กับอาชีพดั้งเดิมที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น “แฮนยอ (해녀)” ผู้หญิงที่ดำน้ำเก็บหอย และสาหร่าย กับเส้นเรื่องที่นอกจากจะสะท้อนวิถีชีวิต และความงดงามของธรรมชาติ ยังเผยให้เห็นความเหลื่อมล้ำรวมถึงการต่อสู้ของผู้หญิงที่ต้องดิ้นรนทั้งในทะเล และบนบกอีกด้วย
จากผู้หญิงหลังบ้าน สู่ ผู้หญิงแห่งท้องทะเล
กลางผืนน้ำสีครามของเกาะเชจู มีเหล่านักดำน้ำหญิงที่ได้รับการขนานนามว่า “แฮนยอ (해녀)” หรือ “นางเงือกแห่งเชจู” พวกเธอเป็นหญิงแกร่งที่ดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจมีอาวุธคู่กายเพียงหน้ากากดำน้ำ, ตะขอโลหะ และตาข่ายเก็บของทะเล เพื่อเก็บหอย, สาหร่ายและสัตว์ทะเลมาขาย วิถีชีวิตนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาชีพ แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
บนเกาะเชจูมีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ ทำให้การเพาะปลูกยากลำบาก การประมงจึงกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวบ้าน เดิมทีผู้ชายเป็นคนออกเรือจับปลา ส่วนผู้หญิงอยู่บนฝั่ง แต่หลังจากที่จักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองเกาหลีในต้นศตวรรษที่ 20 การเกณฑ์แรงงาน และการทหาร ทำให้ผู้ชายจำนวนมากต้องออกจากบ้าน ผู้หญิงจึงต้องออกไปทำงานแทนแฮนยอ จึงถือกำเนิดขึ้นจากจุดนั้น
แฮนยอ: ตำนานที่ยังมีลมหายใจ
ความสามารถของ แฮนยอ นั้นสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง และอดทน ไม่ว่าจะเป็นการกลั้นหายใจได้นาน 1-2 นาที ใต้น้ำ หรือการดำน้ำได้ลึกถึง 10-20 เมตร แบบไม่ใช้ถังออกซิเจน จนเกาหลีได้ขึ้นทะเบียน Haenyeo Culture เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ และ UNESCO ก็ยกย่องให้เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของโลก อีกด้วย ปัจจุบันผู้คนประกอบอาชีพ แฮนยอ น้อยลง เพราะคนรุ่นใหม่ไม่นิยมทำงานที่เสี่ยงอันตรายนี้แล้ว แต่กลุ่ม แฮนยอ ที่เหลืออยู่ยังคงเป็น “สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ” ในประวัติศาสตร์ของผู้หญิงเกาหลีเสมอ
แม่ผู้กล้าท้าคลื่นลมเพื่อครอบครัว
สำหรับบทบาทแฮนยอผู้สู้ชีวิตเพื่อครอบครัว จอนกวังรเย หรือแม่ของ แอซุน (รับบทโดย ยอมฮเยรัน) เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงลูก ใช้เวลาทั้งวันไปกับการดำน้ำหาวัตถุดิบล้ำค่าจากทะเลมาขาย ด้วยความโลภและไม่ยอมใครของเธอ ทำให้เธอดำน้ำเสร็จเป็นคนสุดท้ายเสมอ จนลูกสาวอย่าง แอซุน (รับบทโดย ไอยู) ต้องแต่งกลอน “เจ้าหอยเป๋าฮื้อ” และได้รับรางวัลเป็นอันดับ 2 ของห้อง ในตอนแรก จอนกวังรเย ไม่ได้ใส่ใจในกลอนที่ลูกของเธอแต่งมากนัก แต่เมื่อมาเปิดอ่านทีหลัง เนื้อความในนั้นกลับเรียกน้ำตาของผู้เป็นแม่ได้เป็นอย่างดี และซีนนี้คงทำให้ผู้ชมน้ำตาไหลกันไปตาม ๆ กันกับความน่ารักกตัญญูของแอซุนน้อย แต่เบื้องหลังของรางวัลที่ได้กลับมี ความอยุติธรรม ซ่อนอยู่
คะแนนโหวต 37 ต่อ 28 ในการเลือกหัวหน้าห้อง แอซุน ได้เป็นรองหัวหน้าทั้งที่เธอได้คะแนนมากกว่า ทำให้ จอนกวังรเย ต้องออกตัวไปคุยกับคุณครูประจำชั้น และเธอก็พบว่าเรื่องที่ลูกเธอได้เป็นรองหัวหน้ารวมถึงการแต่งกลอน “เจ้าหอยเป๋าฮื้อ” ได้ที่ 2 ไม่ใช่เพราะ แอซุน ไม่มีความสามารถมากพอ หากแต่ครอบครัวของเด็กนักเรียนอีกคนมีพ่อเป็นนายพล ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ยอมแพ้เดินหน้าสู้สุดกำลังเพื่อลูก ทั้งทำงานหนักขึ้นเพื่อขอยืมชุดสวย ๆ มาใส่ไปพบคุณครูไม่ให้ลูกต้องอายใคร ยอมนำเงินจากการเสี่ยงชีวิตใต้ทะเลมาร้องขอความยุติธรรม นี่คือ แฮนยอ ชีวิตที่ต้องดิ้นรนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะในน้ำหรือบนบก
“โรคน้ำหนีบ” จากนักล่าสู่เหยื่อของทะเล
ภายใต้ความแข็งแกร่ง และความสง่างามของอาชีพ แฮนยอ กลับมีภัยเงียบที่คอยคุกคามพวกเธออยู่เสมอ นั่นคือ “โรคน้ำหนีบ” หรือ Decompression Sickness (DCS) เกิดจากการที่ร่างกายปรับตัวไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของแรงกดดันใต้น้ำ เมื่อ แฮนยอ ดำน้ำลงไปในระดับลึก ร่างกายจะรับไนโตรเจนมากขึ้น และหากพวกเธอขึ้นสู่ผิวน้ำเร็วเกินไป ก๊าซไนโตรเจนจะเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วภายในร่างกาย ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดรุนแรง และอาจส่งผลต่อระบบประสาท หัวใจ และกล้ามเนื้อ โดยอาการของโรคน้ำหนีบมีตั้งแต่ปวดข้อ เวียนศีรษะ ไปจนถึงอัมพาต และในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
จอนกวังรเย จึงเป็น แฮนยอ อีกรายที่ต้องเจอกับ โรคน้ำหนีบ จากความเสื่อมของร่างกายที่มากขึ้นตามอายุ ยิ่งไปกว่านั้น เพราะไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำที่ทันสมัยเหมือนนักดำน้ำทั่วไป จึงต้องอาศัยประสบการณ์ และสัญชาตญาณเป็นหลัก อีกทั้งแรงกดดันจากการทำงานเพื่อเลี้ยงครอบครัวก็ทำให้ จอนกวังรเย ไม่มีทางเลือก มีแต่จะต้องดำน้ำซ้ำ ๆ ต่อเนื่องไม่ให้ลูก ๆ ต้องอดตาย สุดท้ายวันเวลาที่ผ่านไปไวชั่วพริบตาจึงได้พัดพา จอนกวังรเย ให้จากไปในวัยเพียง 29 ปี กับคำขอสุดท้ายที่ไม่อยากให้ แอซุน ใช้ชีวิตที่เหลืออย่าง “คนรับใช้”
แม้ร่างของ จอนกวังรเย จะหายไปในที่สุด แต่เรื่องราวความทุ่มเทในอาชีพ แฮนยอ ไม่ได้จมหายไปกับกระแสน้ำ หากแต่ยังคงอยู่ในสายลมที่พัดผ่านเกาะเชจู และในหัวใจของลูกที่เติบโตขึ้นจากหยาดเหงื่อของผู้เป็นแม่ เพื่อให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีกว่า ไม่ต้องเผชิญกับความเหน็บหนาวจากแรงกดดันของน้ำทะเล สุดท้ายแล้วนี่คือบทกวีของความรัก และการเสียสละที่ถูกเขียนขึ้นด้วยเกลียวคลื่นของกาลเวลา
“ลูกอยู่ได้อยู่แล้ว
จอนกวังรเย
วันเวลาจะผ่านไป เหมือนเล็บลูกที่ยาวขึ้นเรื่อย ๆ
สักวันลูกจะลืมมันได้”
ไม่ว่าจะเป็นวัยเยาว์หรือฤดูกาลที่ผ่านพ้นไป ก็ไม่อาจมีสิ่งใดที่จะหยุดหมุนได้ไปตามกาลเวลา When Life Gives You Tangerines มีจำนวนทั้งสิ้น 16 ตอน และแฟน ๆ สามารถรับชมสตรีมมิ่งทั้งซับไทยและพากย์ไทยพร้อมกันได้ทาง Netflix ที่เดียวเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
เรื่องย่อซีรีส์ : When Life Gives You Tangerines | ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน (2025)
โมเมนต์ที่รอคอย! ‘พัคโบกอม’ คอนเฟิร์มปรากฏตัวร่วมพูดคุยกับ ‘ไอยู’ ในรายการ ‘IU’s Palette’
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
