Voice of Silence เป็นภาพยนตร์เด่นอีกเรื่องของปีนี้ เพราะการมาร่วมงานกันของสอง’ยู’ฝีมือเยี่ยม ยูอาอิน และ ยูแจมยอง ย่อมเรียกความสนใจได้ตั้งแต่ข่าวแคสนักแสดงละ สร้างความตั้งตาคอยกันมาก แต่ต้องขอบอกกันไว้ก่อนว่า เรื่องนี้เป็นหนังอินดี้ที่เล่นพลอตอาชญากรรมผสมดราม่า ต้องอาศัยการเปิดใจชมระดับหนึ่ง เพื่อให้เข้าถึงแก่นเนื้อหาที่ผู้กำกับอยากสื่อ อยากสะท้อน แม้จะเสพย์ได้ไม่ค่อยคล่องคอนัก ความตลกร้ายที่พ่วงความหดหู่ ปวดตับ หน่วงจิตมาด้วย แต่ก็รู้ๆอยู่ สไตล์ยูอาอินมักรับงานที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ต้องมีความท้าทายที่น่าสนใจแน่นอน
Voice of Silence เล่าถึง ชีวิตการทำงานของชายรากหญ้าสองคนในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง พัคชางบก (รับบทโดย ยูแจมยอง) เป็นพ่อค้าเร่ขายไข่ด้วยรถบรรทุกปุโรทั่ง โดยมี คิมแทอิน (รับบทโดย ยูอาอิน) เป็นลูกน้องช่วยงาน ชางบกเป็นคนดี สุภาพนอบน้อม มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ตั้งใจขยันทำมาหากิน ขนาดว่าขาข้างหนึ่งพิการเดินลากกะเผลกๆ ส่วนแทอินเป็นคนใบ้ทึ่มๆ เชื่อฟังที่ชางบกสั่งและสอนเสมอ แม้บางทีจะไม่ตรงกับที่ใจตัวเองคิดนัก
ทั้งคู่มีไซด์ไลน์รับจ๊อบหารายได้เสริม ด้วยการรับจ้างพวกแก๊งค์นักเลงใส่สูทที่นำเหยื่อมาซ้อมคาดคั้นหรือลงโทษถึงขั้นเอาตาย ชางบกกับแทอินมีหน้าที่ตระเตรียมพื้นที่ในโกดังเปลี่ยวร้างกลางทุ่ง ชักรอกผูกเหยื่อห้อยไว้ในองศาความสูงที่ลงตัวให้ซ้อมให้เชือดโหด ปูพลาสติกรองพื้นไว้เพื่อการเก็บกวาดเศษเนื้อกองเลือดได้ง่าย จัดวางอุปกรณ์สารพัดที่เข้ากับกิจหยิบใช้คล่องมือ และรอจนหลังเสร็จงานของพวกนักเลง ทั้งคู่ก็จะเก็บกวาดพื้นที่และอุปกรณ์ให้กลับสู่สภาพเดิมเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ส่วนศพก็จะจัดการหามไปฝังให้เสร็จสรรพ ครบทั้ง pre & post ของงาน
โอ..นี่มันคือตลกร้ายของการสร้างงานใหม่ งานแปลกที่ไม่มีใครทำ ก็ใครจะไปนึกถึงหละ และเรียกได้ว่าเป็นบริการ turnkey เบ็ดเสร็จ ที่ตอบสนองความต้องการสะดวกสบายของลูกค้า ลงตัวดีเพราะจะไม่มีใครปากมาก เพราะตัดแทอินไปได้เลย ทั้งเพราะพูดไม่ได้และเชื่อฟังชางบกอยู่แล้ว ส่วนชางบกเองก็เป็นคนประเภทที่หาเหตุผลหลอกตัวเองอย่างดีว่า มันคือการทำมาหากินธรรมดาๆอาชีพหนึ่ง ไม่ต้องคิดอะไรมากกว่านั้น ความจิตใจดีของเขา ก็คือช่วยเลือกทิศฝังศพที่เหมาะสม และทำพิธีกรรมกล่าวอำลาศพฉบับง่ายๆให้ OMG!
เรื่องราวพลิกผันเริ่มต้นขึ้นที่ว่า ไหนๆทั้งคู่ก็เป็นมือโปรที่ไว้วางใจได้ ลูกค้าประจำรายหนึ่งจึงจ้างงานพิเศษ ขอฝากคนไว้กับพวกเขา แค่ดูแลกักตัวไว้ชั่วข้ามคืน แต่พอถึงตอนไปรับคน กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงวัยเพียง 11 ขวบที่ถูกลักพาตัวมา และอยู่ระหว่างการยื้อต่อรองเงินค่าไถ่ ชางบกเองอยากขอคืนงาน แต่อารมณ์ผีถึงป่าช้า รวมทั้งเขาเป็นคนปฏิเสธใครไม่เคยสำเร็จ เด็กหญิงตัวประกันจึงต้องไปอยู่กับแทอินชั่วคราว เพราะบ้าน (หรือเรียกว่าเพิงดูจะเข้าท่ากว่า) ของแทอินอยู่ไกลและลับตาผู้คนมากกว่า ตามคำแนะนำปนเกลี้ยกล่อมผสมคำสั่งของชางบก
เมื่อตัวประกันค่าไถ่ แบโชฮี (รับบทโดย มุนซึงอา) มาพักอยู่กับแทอิน ซึ่งมีน้องสาวของแทอินวัย 7-8 ขวบอยู่ด้วยกัน คือ คิมมุนจู (รับบทโดย อีกาอึน) ก็ทำให้มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น บางอย่างผู้ชมก็อาจพอคาดเดาได้ แต่บางเรื่องก็เป็นเหตุบังเอิญเกินคาด และยังนำมาซึ่งเหตุการณ์พัวพันต่อเนื่องที่ชวนบีบอารมณ์ความรู้สึกเป็นระลอกๆ ซึ่งต้องให้ผู้ชมไปสัมผัสรสชาตินั้นด้วยตัวเอง
ความแปลกตาจากการเป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยภาพสว่างสดใส ไม่ทะมึนอึมครึม ไม่โลว์คีย์ แต่ปล่อยให้เนื้อหาดาร์คๆซึมผ่านความบันเทิงตลกร้ายไปเอง และเดินเรื่องชวนติดตามว่าจะลงเอยอย่างไร ในขณะที่ทิ้งประเด็นชวนขบคิดไว้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดความของคนดี vs คนไม่ดี ที่ถ่ายทอดผ่านตัวตน ความคิด การกระทำของสองตัวเอก สัมมาชีพอุปโลกน์ที่แท้จริงก็ไม่ต่างจากการเป็นปลายห่วงโซ่การก่ออาชญากรรม การแซะความเหลื่อมล้ำทางเพศ เด็กชายถูกตีมูลค่าค่าไถ่ได้สูงกว่าเด็กหญิง และการพาดพิงสะท้อนปัญหาอาชญากรรมหลายอย่าง
ความสต็อกโฮล์มซินโดรม (Stockholm Syndrome คืออาการที่ตัวประกันหรือเชลยเกิดรัก ชอบ หรือเห็นใจคนร้าย อาจถึงขั้นย้ายข้างเป็นพวก หรือปกป้องคนร้ายด้วยซ้ำ) ที่เกิดขึ้นกับโชฮีและสองพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแทอินนั้น ทำให้เกิดทั้งซีนน่ารักชูใจ และมุมบีบใจหน่วงจิตน่าดูเลย
ในงานแถลงข่าว ยูอาอินได้เล่าถึงการรับบทบาทเป็นคนใบ้ว่า ‘มองแบบเป็นนักแสดง ตัวละครที่ไม่มีบทพูดก็แสดงง่ายอยู่ แต่ก็จะเป็นความท้าทายด้วย ในหนังแทอินก็มีส่งเสียงออกมานะ ดังนั้นผมจึงคิดว่าเขาพูดได้ แค่ดูเหมือนว่าเขาอาจจะปฏิเสธที่จะสื่อสารกับคนทั้งโลก เพราะมีบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาในอดีต’ นี่คือการตีความตัวละครในมุมของยูอาอิน ผู้เขียนเลยเห็นมุมน่าคิดต่อยอดไปอีกว่า ที่เรื่องราวมาลงเอยแบบนี้ มันเป็นลูปของการเป็นใบ้ไม่มีโอกาสพูดด้วยหรือไม่ โดยมีนัยว่าคนที่ด้อยโอกาสกว่าในสังคมมักถูกกระทำ ถูกเอาเปรียบในสภาพที่มักจะเหมาเอาว่าก็ซวยเองนิ แทอินซึ่งพูดไม่ได้ แต่เขาก็ส่งการสื่อความอะไรบางอย่างออกมาจากใจ นั่นแหละคือ voice ของเขา … Voice of Silence ที่จะมีใครได้ยินเขาไหม?
นอกจากนี้ยูอาอินยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ผู้กำกับได้ชี้แนะบุคลิกของตัวละครแทอินให้เขาด้วยคลิปลิงกอริลล่า! นี่คือสิ่งที่เราจะได้เห็นท่าเดินดุ่มๆของแทอินตัวหนาๆแน่นๆ ที่ลงทุนขุนน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีก 15 กก.จนหมดเค้าความหล่อเลย ก็เหมือนกอริลล่าอยู่นะ 555 อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนฟันธงได้ว่า นี่เป็นผลงานของยูอาอินอีกเรื่องที่เล่นได้ถึงบทบาทมาก สื่อสารผ่านสีหน้าแววตาได้ดีจริงๆ ควรค่าแก่การชมถ้าคุณเป็นแฟนคลับยูอาอิน ก็มีเสนอเข้าชิงรางวัลเหมือนกันนะ แต่ยังไม่รู้ผล มาช่วยกันลุ้นดูค่ะ
Trailer :
ติดตามบทความและงานเขียนอื่นๆของ WARUMANU ได้ที https://www.facebook.com/MoviesAllDay.SeriesAllNight/