The Call เป็นภาพยนตร์สายทริลเลอร์เรื่องเด่นเป็นที่เฝ้ารอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแฟนคลับพัคชินฮเย แต่ด้วยสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมซาง่ายๆ The Call ซึ่งต้องเลื่อนรอการฉาย จนในที่สุดก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาฉายผ่าน Netflix แทน เช่นเดียวกับภาพยนตร์ Time to Hunt
ภาพยนตร์ The Call เป็นงานแนวไซไฟทริลเลอร์บนพลอตข้ามมิติเวลา ซึ่งมีปมปริศนาของอาชญากรรมปนจิตวิทยา มีความโดดเด่นด้วยบทที่ตัวนักแสดงอย่างพัคชินฮเยเองยังบอกในงานแถลงข่าวว่า ตอนเธอได้อ่านบท มันช่างน่าขนลุก และมีเรื่องราวปลุกเร้าจินตนาการจนชวนอยากรู้ว่าเมื่อถึงตอนถ่ายจริง มันจะเหมือนหรือต่างจากจินตนาการของเธออย่างไร นอกจากนี้ แม่เหล็กของการแคสสองนักแสดงสาวพัคชินฮเยและจอนจงซอมาร่วมกันรับบทนำ จัดเต็มยาวโลดตลอดเรื่องอย่างน่าจับตามอง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในวันที่ ซอยอน (รับบทโดย พัคชินฮเย) กลับบ้านหลังเก่าที่เคยอาศัยในวัยเด็ก เพื่อไปเยี่ยมแม่ (รับบทโดย คิมซองรยอง) ที่ป่วยรักษาตัวลำพังอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนพ่อ (รับบทโดย พัคโฮซาน) นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ซอนโฮ (รับบทโดย โอจองเซ) ซึ่งเป็นลุงข้างบ้านเจ้าของฟาร์มสตรอเบอร์รี่เป็นคนรับเธอมาส่งบ้าน เธอพบว่าตัวเองทำโทรศัพท์มือถือหาย จึงค้นหาโทรศัพท์บ้านเครื่องเก่าออกมาใช้โทรตามหามือถือ
แต่กลับมีสายเรียกเข้ามา ซึ่งเธอเข้าใจว่าเป็นการโทรผิด และเมื่อโทรมาหลายครั้งเข้า ปลายสายคนเดิมดูจะเป็นผู้หญิงที่อยากขอความช่วยเหลือจากการถูกทำร้าย ทำให้เธอเริ่มสนใจรับฟัง บวกกับเมื่อเธอพบข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมในบ้าน เธอจึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือ โอยองซุก (รับบทโดย จอนจงซอ) เคยอยู่ในบ้านเดียวกันหลังนี้เมื่อ 20 ปีก่อน
สายเรียกเข้าจากโอยองซุกหลังจากนั้น จึงเป็นการเริ่มสานสัมพันธ์ที่ดี ก่อเกิดมิตรภาพต่างมิติ นอกจากได้เพื่อนคุยถูกใจแล้ว โอยองซุกที่ค่อนข้างฉลาด จึงคิดวิธีช่วยพ่อของซอยอนมิให้ตายด้วย แต่ตัวโอยองซุกเองกลับมีความทุกข์ทรมานจากการถูกแม่เลี้ยง (รับบทโดย อีเอล) ซึ่งเป็นหมอผี เอาแต่กักขังหน่วงเหนี่ยวทารุณ เพราะความเชื่อถึงอาการผิดปกติของโอยองซุกและดวงชะตาทำลายล้างของเธอ ซอยอนจึงตัดสินใจช่วยโอยองซุกบ้างด้วยการบอกข้อมูลอนาคตให้โอยองซุกรอดจากฝีมือแม่เลี้ยง
แต่ทว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง เป็นอันตรายหายนะคุกคามชีวิตที่สุดสะเทือนใจ ด้วยสาเหตุสำคัญหนึ่งก็คือผลกระทบตามทฤษฎี Butterfly Effect จากการไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอดีต
แม้ว่าผิวเผินจะดูเหมือนว่า เรื่องราวที่ตั้งต้นจากโครงพลอตของการสื่อสารข้ามมิติเวลา จะเป็นสิ่งคุ้นเคย ก็เพราะดูมากันเยอะละ และตัวหนังก็เริ่มจากโทนเรียบๆปล่อยปริศนาแค่เบาๆ แต่รายละเอียดที่ต่อจากนั้นซึ่งจะทยอยเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าบันเทิงเลย สนุกชวนติดตามใช้ได้ การผูกเรื่องราวที่เชื่อมโยงซ้อนปริศนาผสมการพลิกหักมุมได้น่าสนใจ มีเป็นเพียงบางจุดย่อยๆที่อาจดูไม่สมเหตุผลหรือแปลกๆงงๆไปบ้าง ความพีคที่ค่อยๆไต่ขึ้น จนตื่นเต้น ลุ้นระทึก เขย่าขวัญ ปั่นสติแตก เหมือนเจอทางตัน กดดันสิ้นหวัง สุดปวดร้าวใจ หรือฉากสยอง โหดจิตเชือดเลือดพุ่งก็ทำได้เร้าใจดี คาแรคเตอร์ตัวละครถูกออกแบบไว้อย่างมีเสน่ห์น่าติดตาม ถ่ายทอดผ่านฝีมือพัคชินฮเยและจอนจงซอที่น่าทึ่ง ผลัดกันส่งเรื่องราวและอารมณ์ได้ดีสุดๆ แทบจะเรียกได้ว่าโซโลกันยาว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีงาน Cinematography ที่ดีเยี่ยม ซาวน์เนี๊ยบ มีฉากเด่นซีจีงามๆที่สวยงามทั้งเชิงศิลป์ และเสริมการบดขยี้อารมณ์ ให้จุกอกกันไปเลย
สำหรับผู้เขียน กลับชอบมากเป็นพิเศษกับบางฉากที่ไม่ต้องโหดด้วยภาพจะๆ แต่สื่อความหมายได้แปลกตาดี เช่น ขนมเจลลี่แบร์หลากสีที่ถูกกัดหัวขาดทุกๆตัว กระจายไปทั่วพื้น นี่คือชวนขนลุกแล้วเลย เรื่องนี้ดูจบก็ชวนให้นึกถึงภาษิตไทยที่กล่าวไว้ว่า ‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’ แต่นี่คือรู้แค่เสียง กล้าวางใจได้ไง!!
ถ้าหนังเรื่องนี้ได้เข้าโรงฉายตามปกติ ผู้เขียนเชื่อว่าน่าจะทำรายได้ดี ติด TOP10 ได้ไม่ยากนะ
ติดตามงานเขียนหรือบทความอื่นๆของ warumanu ได้ที่ https://www.facebook.com/MoviesAllDay.SeriesAllNight/
บทความรีวิวอื่น ๆ ของผู้เขียน
รีวิวซีรีส์ School Strange Stories | อาถรรพ์เรื่องเล่าโรงเรียนหลอน
รีวิวภาพยนตร์ Deliver Us From Evil ให้มันจบที่นรก (2020) | ครบความโหด โฉด ดิบ
รีวิวละครชุด SF8 | โลกยุคล้ำๆ จะใช่สังคมสมบูรณ์แบบที่ปรารถนาหรือไม่ (Part 1/2)
รีวิวละครชุด SF8 | โลกยุคล้ำๆ จะใช่สังคมสมบูรณ์แบบที่ปรารถนาหรือไม่ (Part 2/2)
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡