Arthdal Chronicles: The Sword of Aramun ภาคต่อของซีรีส์ฟอร์มยักษ์ Arthdal Chronicles กำลังจะฉายในเดือนกันยายน 2023 ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ทิ้งห่างมา 4 ปีนับจากซีซั่นแรก เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินการถ่ายทำภาคต่อล่าช้า คอซีรีส์หลายคนที่รอคอยผลงานนี้อาจจะมีหลงลืมเกี่ยวกับเรื่องกันไปบ้าง ดังนั้นในบทความนี้เราขอมาสรุปเรื่องราว ใน Arthdal Chronicles ซีซั่นแรก ให้ได้ทำความเข้าใจโลกอาธดัลอย่างง่าย และเห็นภาพรวมที่มาที่ไป ตลอดจนลำดับเรื่องราวความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของตัวละครที่สำคัญ เพื่อจะได้ไปชมกันอย่างไร้รอยต่อและสนุกยิ่งขึ้นครับ
โลกอันแสนลึกลับ
โลกของ Arthdal Chronicles นั้นเรียกว่า “อาธ” แดนเถื่อนลึกลับในโลกเกินจินตนาการอันกว้างไกล มีเมืองใหญ่ที่เชื่อกันว่าเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางความยิ่งใหญ่ชื่อว่า “อาธดัล” และยังเป็นที่ตั้งของป้อมปราการแห่งไฟอันเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองที่สุดของยุคสำริด เป็นศูนย์รวมความเจริญของศิลปวัฒนธรรม และการค้า ทุกอย่างในอาธดัลนั้นช่างงดงามและเกรียงไกร
การปกครองของอาธดัลคล้ายกับการปกครองสมัยโชซอนโบราณของคาบสมุทรเกาหลีคือมีการแบ่งเป็นชนเผ่ามากมายและมีชนเผ่าใหญ่ที่มีความสำคัญมากมากอยู่ 3 เผ่า และผู้นำของเผ่าก็จะคอยกำหนดทิศทางของอาณาจักร คอยคะคานแย่งชิงอำนาจกัน
แผ่นดินอาธอันกว้างใหญ่นั้น แบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ส่วนที่มีเรื่องราวที่สำคัญอันปรากฏในเรื่องมีสองส่วนคือ อาธส่วนบน ซึ่งเป็นที่ราบสูงเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงที่ได้กล่าวมา แต่อีกส่วนที่ถูกแยกออกจากกันด้วยผาทมิฬเป็นปราการธรรมชาติเรียกว่า อาธส่วนล่าง หรือ อิอาร์ค ซึ่งก็มีลักษณะตามชื่อคือเป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่ามาก และมีคำกล่าวว่า
“ท่านต้องข้ามผ่านทะเลแห่งน้ำตาที่อยู่ถัดจากผาทมิฬออกไป จึงจะเข้าสู่อิอาร์ค”
อิอาร์ค เป็นดินแดนลี้ลับในลี้ลับอีกที เป็นพื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์เผ่าที่ล้าหลัง มีภาษาพูดแบบชาวป่า เป็นชนเผ่าหลงสำรวจและรักสงบ แยกตัวกันเป็นชนกลุ่มน้อยมากมาย พวกเขาพึ่งพิงธรรมชาติและเชื่อผีสางอะไรแบบนั้น จึงถูกชาวอาธดัลเรียกเหมารวมอย่างด้อยค่าว่า “ทูจึมเซง” คือเป็นสัตว์เดินสองเท้ากลุ่มเดียวกับไก่ไม่นับว่าเป็นมนุษย์ แต่ด้วยความเป็นแดนลึกลับจึงมีทรัพยากรหลายอย่างที่ชนชั้นผู้แข็งแกร่งกว่านั้นต้องการ รวมถึงแรงงานทาสของชนเผ่าอันต่ำต้อยเหล่านั้น
ชาติพันธุ์
นอกจากมนุษย์ทั่วไปแล้ว ดินแดนอาธนั้น ยังมีมนุษย์ยุคโบราณที่เร้นกายอยู่อีก 2 พวกด้วยกัน
นีแอนทัล มีเลือดและปากสีน้ำเงิน เป็นพวกเร่ร่อน ใช้ชีวิตคล้ายสัตว์ป่า มีความสามารถแบบสัตว์คือมองเห็นในที่มืดและมีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุด มีภาษาเป็นของตัวเอง ที่สำคัญที่สุดพวกเขามีกันอยู่น้อยมาก แม้พวกเขาจะแข็งแรงแต่พวกเขาก็ไม่เก่งในเรื่องการใช้เครื่องมือเครื่องใช้ซับซ้อนแบบมนุษย์
อีกึต เป็นลูกครึ่งของมนุษย์กับนีแอนทัล เลือดและปากสีม่วง แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไป และฉลาดกว่านีแอนทัล ด้วยความแตกต่างไม่เข้าพวกเลยถูกมองว่าเป็นลางร้าย อีกึตจึงถูกไล่ล่าและต้องหลบหนีตั้งแต่เกิด ทำให้ถูกเชื่อว่าเมื่อเหยียบย่างเข้าไปที่ไหนก็สร้างความเดือดร้อนให้กับที่นั่น
การมีอยู่ของอีกึตนี่เองที่เป็นต้นตอเรื่องราวทั้งหมดของ Arthdal Chronicles เพราะว่า มีอีกึตคนหนึ่งได้แทรกซึมเข้ามาเป็นราชาแห่งอาธดัล
มนุษย์ มีเลือดสีแดงคล้ายกับเราในปัจจุบัน ใช้ชีวิตอยู่รวมกันเป็นสังคม มีหลากหลายวัฒนธรรมหลายเผ่า พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ สร้างสังคมชนชั้น แก่งแย่งชิงดีกัน ต่อสู้เพื่อปกครอง และรบราฆ่าฟันกันมายาวนาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกออกไปคือพวกเขานั้นไร้ความฝันในยามหลับ
เรื่องราวระหว่างชนเผ่า
อาธดัลนั้นมีเผ่าที่หลากหลายมากตัวเอกจะพาเราไปพบเจอและผจญภัยตามเผ่าต่าง ๆ ตลอดเรื่อง และเผ่าที่สำคัญในเรื่องมีดังนี้
- เผ่าแซนยอก และ ทัพแทคาน เป็นเผ่าที่มีกำลังรบเข้มแข็งโหดเหี้ยม และเก่งด้านการปกครอง เน้นการขยายอำนาจรบราฆ่าฟัน “ทากน” ผู้แข็งแกร่งและเก่งกาจ หลังจากที่นีร์ฮา(ผู้นำเผ่า)คนเก่าจากไป ทากนก็กลายเป็นนีร์ฮาของแซนยอกและรั้งตำแหน่งราชาผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งอาณาจักรอาธดัลอันเกรียงไกร สิ่งเดียวที่ทำให้เขาต้องหวาดกลัวหาใช่ศัตรูไม่แต่นั้นคือชาติกำเนิดของเขาเอง
- เผ่าคีรีขาว เป็นนักบวช เป็นกลุ่มศาสนา ศูนย์รวมความศรัทธาและเทพธิดาพยากรณ์ นีร์ฮาของเผ่ามีตำแหน่งคล้ายสันตะปาปา คือ เป็นคนที่พระราชายังต้องยำเกรง และเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งในสามชนเผ่าที่มีอำนาจใหญ่ที่จะมาคานกับ แซนยอก และ แฮ
- เผ่าแฮ ผู้ควบคุมป้อมปราการแห่งไฟ เป็นกลุ่มผู้มีมันสมองที่เก่งเรื่องการคิดค้นวิทยาการและจดบันทึก สร้างเตาและหลอมโลหะ การก่อสร้าง รวมถึงศิลปะ มักจะขัดแย้งผลประโยชน์กับเผ่าแซนยอกอยู่เสมอ นีร์ฮาของเผ่าแฮได้ส่งบุตรสาว “แทอารา” เข้าไปเป็นภรรยาของ ทากน เพื่อสอดแนมเรื่องภายในของแซนยอก แต่ด้วยความรักเธอจึงกลายเป็นสายลับสองหน้านำเรื่องราวความเคลี่อนไหวภายในของเผ่าตัวเองไปบอกทากนเช่นกัน แต่ในที่สุด จากการเสียชีวิตของผู้เป็นบิดาด้วยมือของแทอาราเอง ทำให้เธอมองเห็นความจริงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและทากนนั้นไม่ใช่ความรัก เยื่อใยสุดท้ายที่เธอและทากนยังเกี่ยวพันกันอยู่อย่างไม่อาจจะห้ำหั่นกันได้ คือความลับในการหลอมโลหะ และลูกของทากนในครรภ์ของเธอ
- เผ่าวาฮัน เป็นพวกที่มีบรรพบุรุษเป็นเผ่าครีขาวอาศัยอยู่ที่อาธดัล แท้จริงพวกเขาเคยเป็นทายาทสายตรงที่ถูกแย่งชิงอำนาจและถูกหักหลังจึงต้องลี้หนีภัยการเมืองมาตั้งเผ่าอยู่ที่ไออาร์ค จึงเป็นเผ่าเดียวในไออาร์คที่พูดภาษาเดียวกับอาธดัล และยังสืบทอดความเป็นนักบวชของคีรีขาวอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่าหมาป่าขาวมาอย่างเต็มเปี่ยม “ทันยา” หนึ่งในสามของเด็กที่เกิดมาพร้อมคำทำนายการปรากฏของดาวหางสีฟ้า เธอได้กลายเป็น “ทายาทสายตรงของ อาซาซิน” นักบวชในตำนานที่หายไปของเผ่าคีรีขาว ตอนนี้เธอกลายเป็นผู้มีพลังพยากรณ์สูงสุดเป็นนีร์ฮาของครีขาว และเป็นศูนย์รวมความศรัทธาประชาชน และนั่นเป็นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้ทากน แต่เขาก็ยังทำอะไรไม่ได้
- เผ่าอาโก ชนเผ่าใหญ่ที่อยู่ทางตะวันออกของอาธดัล ถึงจะถูกเรียกว่าเป็นคนที่อยู่บนพื้นสูงเหมือนอาธดัลและพูดภาษาเดียวกัน แต่ชาวอาโกก็ยังคล้ายชาวป่าอยู่มาก มักจะถูกจับไปเป็นทาสที่ดลดัมบุลคล้ายกับชาวไออาร์ค แม้เป็นเผ่าใหญ่มีถึง30ตระกูล แต่การทะเลาะเบาะแว้งกันเองภายในทำให้พวกเขาแตกแยกกันไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อปกป้องการรังแกจากชาวอาธดัลได้ ตำนานของชาวอาโกนั้นมีอยู่ว่า เมื่อ200 ปีก่อนมีวีรบุรุษคนหนึ่งสามารถรวมเผ่าอาโกให้เป็นหนึ่งได้ เขาผู้นั้นคือ อีไนชินกิ
ตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่องราวของ Arthdal Chronicles ที่เรายังไม่ได้พูดถึงเลยนั่นคือ “อึนซอม” เด็กแห่งคำทำนายจากการปรากฏของดาวหางสีฟ้า ที่มีชาติกำเนิดเป็นอีกูตูเหมือนกับทากนและซายา เขาถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาอย่างไม่รู้ชาติกำเนิดท่ามกลางเผ่าวาฮันในไออาร์ค ในตอนที่เผ่าวาฮันถูกทหารอาธดัลรุกรานเขาได้พยายามช่วยชาวเผ่าด้วยการต่อสู้กับพวกแทคานโดยลำพัง ถึงแม้เข้าจะไม่สามารถสู้ทากนได้จนต้องหนีออกจากอาธดัลอย่างสะบักสะบอม แต่เขาก็คือศัตรูผู้ที่รู้ความลับอันยิ่งใหญ่ของทากน
อึนซอมได้เข้าไปช่วยเหลือเผ่าอาโกจนกระทั่งถูกขนานนามว่าเป็น อีไนชินกิ ที่กลับชาติมาเกิดในรอบ 200 ปี เขาสามารถรวบรวมกำลังจากเผ่าอาโกทั้ง 30 ตระกูลได้ และกำลังเตรียมรับมือการรุกรานครั้งใหญ่จากอาธดัล
เบเนตบอท(คนที่เกิดมาหน้าตาเหมือนกันแบบฝาแฝด) ผู้ที่เกิดมาพร้อมดาวหางสีฟ้าเช่นเดียวกับ อึนซอม และ ทันยา ก็คือ ซายา เขาถูกทากนเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เกิดและได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างลับๆ ได้เรียนรู้เรื่องศิลปะวิทยาการด้วยตนเองมาตลอดชีวิตภายในส่วนลึกของอาธดัล มีเพียงทากนและแทอาราเท่านั้นที่เขารู้จัก ในช่วงท้ายของเรื่องราวในซีซั่นแรกเขาก้าวออกมาสู่แสงสว่างได้รับการเปิดเผยตัวตนว่าเป็นลูกชายของทากน ด้วยความฉลาดโดดเด่นเขามีบทบาทอย่างมากในการปกครองบ้านเมือง แต่ก็แฝงไว้ด้วยเจตนาอันตรายมากมายที่คาดเดาได้ยาก ท้ายที่สุดเขาจะเป็นตัวแปรที่พลิกผันคนสำคัญของเรื่องราวเลยทีเดียว
ดาบแห่งอารามุน
“ใครผู้ได้ครอบครองดาบแห่งอารามุน ผู้นั้นจะได้ครอบครองอาธดัล”
ในตอนจบของซีซั่น อาซาทันยา ได้ แต่งตั้ง ทากน ให้เป็นราชาคนแรกของอาธดัล มีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเสมือนวีรบุรุษตามตำนาน 200 ปีของอาธดัลที่ชื่อว่า อารามุน แฮซึลลา พร้อมประกาศการสิ้นสุดยุคของชนเผ่าหลายเผ่า และเรียกประชาชนทั้งหมดว่า “แบคซอง” ที่หมายถึงราษฎร ไม่มีการแบ่งเป็นเผ่าต่างๆอีกต่อไป ทันทีที่มงกุฎถูกสวมลงไปบนศีรษะของทากน เขาก็ประกาศกร้าวว่าจะแผ่ขยายความยิ่งใหญ่ของอาธดัลออกไป โดยเริ่มจากฝั่งตะวันออก นั่นคือ ดินแดนของเผ่าอาโก นั่นเอง
*คำว่า "แบคซอง" เป็นการพ้องคำว่า "ราษฎร" (백성) กับคำว่า แบค(백 แปลว่า100)และ ซอง(-성 ในภาษา Sino Korean เกี่ยวกับดวงดาว) หมายถึง "ดาวนับร้อย" เหตุการณ์ตอนนี้คล้ายๆกับประวัติศาสตร์เกาหลีช่วง การรวมชนเผ่าต่างๆเป็น อาณาจักรโคกูรยอ ซึ่งถ้าใครสนใจก็ไปตามอ่านประวัติศาสตร์เพิ่มเติมได้
ท่ามกลางความซับซ้อนของความสัมพันธ์ ณ ดินแดนในตำนานโบราณ อันเต็มไปด้วยความวุ่นวายและกดขี่แย่งชิงผลอำนาจ ตำนานเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ที่จะถูกดำเนินต่อไป รับชม The Sword of Aramun พร้อมกันในวันที่ 9 กันยายน 2023 นี้ ได้ที่ Disney+ Hotstar
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡