หลังจากที่ ไอรีน Red Velvet ได้ออกมายอมรับความผิด และโพสต์ข้อความขอโทษ ถึงการวางตัวที่ไม่เหมาะสมต่อสไตลิสต์-บรรณาธิการท่านหนึ่งในวงการ พร้อมกับได้มีการพบปะเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงวันที่ 22 ตุลาคม หลังจากนั้นก็ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารออกไปมากมายเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งล่าสุดนี้ บรรณาธิการ-สไตลิสต์ เจ้าของโพสต์ต้นทางได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงรายละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายผ่าน Instagram ส่วนตัว
ในวันที่ 23 ตุลาคม สไตลิสต์ – บรรณาธิการผู้เป็นเจ้าของโพสต์ เกี่ยวกับพฤติกรรมเบื้องหลังที่ไม่เหมาะสมของ ไอรีน Red Velvet ที่กลายเป็นประเด็นร้อนภายในชั่วข้ามคืน ก็ได้ออกมาเขียนข้อความอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับคำขอโทษจากไอดอลสาว ผ่าน Instagram Story ในบัญชีส่วนตัว โดยได้อ้างถึง ไอรีน ด้วยการแทนว่า “C” ในข้อความ และระบุถึง SM Entertainment ต้นสังกัดของไอดอลสาวด้วยคำว่า “บริษัท B” ซึ่งมีเนื้อหาใจความดังต่อไปนี้
“ฉันถูกกระทำให้รู้สึกเจ็บปวด และฉันจะไม่ลืมความเจ็บปวดเหล่านั้น แต่ถึงกระนั้น ฉันยังต้องการได้รับคำขอโทษโดยตรงจาก C เพื่อที่จะปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของฉันเอาไว้ และฉันก็ได้พบกับ C พร้อมกับผู้รับผิดชอบจากบริษัท B ซึ่งมันต้องใช้เวลาและการประสานงานในระดับหนึ่ง เพื่อที่จะทำให้การพบปะเมื่อวานเกิดขึ้น
หลังจากที่ฉันได้อัปโหลดโพสต์ไป ฉันไม่ได้ทำอะไรต่อหลังจากนั้น เพราะฉันต้องการให้แต่ละการกระทำของฉันแสดงออกไปผ่านการไตร่ตรองมาแล้วด้วยเหตุผล และการตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และเหตุผลหลักที่สุดคือ ฉันไม่ต้องการทำให้คนเข้าใจผิดกันไปมากอีก และไม่ได้ต้องการจะใส่ไฟ ให้เกิดการคาดเดาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวใหญ่โตและไม่ได้ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย
ในตอนหลังจากที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ฉันคิดว่าไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้โดยทันที เพราะตอนนั้นฉันได้รับคำขอโทษจากคนในบริษัท B ที่จ้างฉัน และผู้จัดการซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นั้น และคิดว่าการกระทำของเธอนั้นไม่ถูกต้อง
ฉันไม่เคยได้เป็นสไตลิสต์ของวงที่ C อยู่มาก่อน แต่ฉันได้รับการว่าจ้างผ่านเอาท์ซอร์ส (การจัดจ้างคนภายนอก) เป็นเวลา 1 วัน เพื่อที่จะทำงานสไตลิสต์ สำหรับการถ่ายทำในวันอังคารที่ 20 ตุลาคม (ฉันได้รับการว่าจ้างสำหรับงานนี้ครั้งแรกในวันที่ 5 ตุลาคม และได้รับอีเมลการติดต่ออย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ตุลาคม และใช้เวลาเตรียมตัว 15 วัน เพื่อทำงานให้กับบริษัท B และวง C)
ที่ฉันเขียนว่า “คนที่ฉันทำงานด้วยเป็นครั้งแรก” เพราะ C ลืมว่าเธอเคยร่วมงานกับฉันในการถ่ายงานครั้งหนึ่งเมื่อปี 2016 (ฉันได้ยืนยันสิ่งนี้กับเธอเมื่อวานตอนที่เราเจอกัน) และเธอไม่ได้เพียงแสดงออกพฤติกรรมเช่นนั้นแค่กับฉัน แต่ยังปฏิบัติแบบนั้นกับบรรณาธิการรุ่นน้อง ที่ช่วยงานฉันในวันดังกล่าว รวมไปถึงผู้ช่วยอีกคนหนึ่งอีกด้วย ด้วยเหตุผลนั้น ทีมงานทั้งสองคนในเหตุการณ์ก็ได้มาพบปะเธอพร้อมกับฉันเพื่อรับคำขอโทษ โดยพวกเขาได้พูดคุยกับคนจากบริษัท B พร้อมกับ C และทั้งคู่ก็ได้รับคำขอโทษจาก C เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันได้คิดตั้งแต่แรกเเล้วว่ามันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องโต้ตอบกับคอมเมนต์ว่าร้ายที่ไม่ได้ผ่านการยั้งคิดจากแฟนคลับของ C และตอนนี้ฉันก็ยังคิดเช่นนั้น เหตุผลที่ฉันยังไม่ได้ตอบโต้หรือทำอะไรลงไป เพราะตอนที่ฉันได้ตัดสินใจว่าต้องทำอะไรบางอย่างกับเหตุการณ์นี้ ฉันมีเป้าหมายและจุดประสงค์เพียงเพื่อให้ C สัญญาว่าจะไม่ทำพฤติกรรมเช่นนี้กับใครอีก และต้องการจะพบเธอด้วยตนเอง พร้อมกับผู้ช่วยอีกสองคนเพื่อรับคำขอโทษ ซึ่งฉันได้หยุดทุกอย่างลง หลังจากที่ได้รับการขอโทษอย่างเป็นทางการเมื่อวาน
แม้ว่าจะมีคนบางคนคาดเดา คิดจินตนาการไปต่าง ๆ นานา แต่มันไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ เลยที่เป็นประเด็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการเงินในเหตุการณ์นี้ (ล่าสุดนี้ พวกเขากำลังทำการจ่ายเงินค่าจ้างและค่าชดเชยสำหรับงานในวันที่ 20 ตุลาคม อยู่) นอกจากนี้ คำว่า “ค่าชดเชย” ก็ไม่เคยถูกยกประเด็นมาพูดเลยในการพบปะกันเมื่อวาน มันเป็นการพบปะที่ต้องการเพียงแค่คำขอโทษเท่านั้น ไม่ใช่การเรียกร้องค่าชดเชยใด ๆ
ฉันต้องปกป้องตัวเองจนกว่าเรื่องราวจะจบ ในระหว่างการพบปะ ฉันได้ร้องขอจดหมายขอโทษจากทางบริษัท B และ C ซึ่งต้องประกอบไปด้วยข้อความที่พวกเขาตระหนักว่าการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด, คำขอโทษ และคำสัญญา เพื่อรับประกันว่าจะไม่แสดงออกถึงพฤติกรรมเช่นนั้นอีก เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ฉันจะต้องถูกทำร้ายซี้ซั้วตามอำเภอใจต่อไปอีกจากผู้คนที่ไม่ได้ไตร่ตรองความคิดให้รอบคอบก่อน ดังนั้นมันจะไม่มีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นอีกต่อไป และโพสต์นี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะออกมาแสดงท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ตลอดมาฉันทำงานด้วยความเชื่อในจรรยาบรรณของสายวิชาชีพฉัน และทำเต็มที่อย่างดีที่สุดเสมอไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้ทำอะไร ฉันก็มีทำผิดพลาดเหมือนกัน ฉันอาจจะเป็นคนไม่ดีในสายตาบางคน และก็อาจจะเป็นคนดีในสายตาของคนบางคนเช่นกัน ซึ่งไม่ต่างอะไรจาก C แต่ฉันก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากตัวของฉันเอง ฉันจึงมีท่าทีออกมาแบบนี้ เพื่อได้รับการเยียวยาจากการถูกหมิ่นประมาท และเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของฉัน ของคนที่เกี่ยวข้อง และเพื่อนร่วมงานที่เคยเจอประสบการณ์เช่นเดียวกับฉัน
ฉันจะทำงานอย่างหนักต่อไป เพื่อสักวันหนึ่งฉันจะได้เอาชนะจากความเจ็บปวดนี้ได้ และกลับมาอยู่กับร่องกับรอยเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป ฉันจะไม่ออกมาตอบโต้หรือมีปฏิกิริยาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อีก ซึ่งมันไม่ใช่การตัดสินใจเพื่อตัวฉัน แต่เป็นการกระทำเพื่อ C หลังจากที่เราได้พบปะกันเมื่อวาน และถ้าหากคุณเป็นแฟนคลับตัวจริงของ C ที่เป็นห่วง รักเธอจากใจจริง ฉันหวังว่าคุณจะหยุดการกระทำและไม่ล้ำเส้นมากไปกว่านี้อีก โพสต์เหล่านั้นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย แถมมันยังจะไม่ส่งผลดีสักทางต่อ C อีกด้วย
ท้ายที่สุดนี้ เนื่องจากสถานการณ์ได้แพร่ขยายไปใหญ่โต รวมไปถึงมีการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของฉัน มีการปล่อยข่าวลือไปต่าง ๆ ซึ่งถึงแม้ว่าฉันจะรู้ตัวว่าตัวเองแทบจะไม่มีทางไปหยุดสิ่งเหล่านี้ได้ แต่มันจะเป็นการดี หากพวกคุณหยุดตั้งแต่ตอนนี้ เพราะฉันก็ได้เตรียมตัวไว้ส่วนหนึ่งเหมือนกันในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้
โพสต์นี้ได้เขียนมายาวมากพอแล้ว แต่จากจุดยืนของฉัน ฉันต้องเขียนมันขึ้นมา และฉันต้องขอทำการขอโทษเป็นการส่วนตัวสำหรับเหล่าทีมงานจากบริษัท B ที่ทำเรื่องให้พวกเขาต้องเหนื่อยกันมาก
สุดท้ายนี้ ด้วยความหวังส่วนตัว ฉันอยากจะใคร่ขอให้ทุกคนที่ได้อ่านโพสต์นี้ หยุดเขียนข้อความคาดเดาแบบไม่มีมูลไปต่าง ๆ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและความเสียหายให้กับทุกคนไปมากกว่านี้ ขอบคุณค่ะ”
บทความที่เกี่ยวข้อง
ไอรีน Red Velvet โพสต์ข้อความขอโทษ ถึงการวางตัวที่ไม่เหมาะสมต่อสไตลิสต์
ไอรีน Red Velvet – ชินซึงโฮ เผยความในใจหลังปิดกล้องผลงานภาพยนตร์ใหม่ Double Patty
ไอรีน Red Velvet – ชินซึงโฮ นำทีมนักแสดงอ่านบท ภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘Double Patty’
ไอรีน Red Velvet เผยถึงการร่วมโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ ‘Double Patty’
ชานยอล EXO – ไอรีน Red Velvet ได้รับเลือกให้เป็นแอมบาสเดอร์ของแบรนด์ Prada
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
Source (1)