หากพูดถึงชื่อ วอนบิน เชื่อว่าคอซีรีส์ยุค 2000 ไม่มีใครไม่รู้จักพระเอกหนุ่มหล่อมากฝีมือคนนี้ที่แม้จะห่างหายจากวงการบันเทิงไปนาน แต่ชื่อของเขายังคงถูกพูดถึงเสมอ นอกจากทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้ว เขายังได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเอกตัวจริงทั้งในและนอกจออีกด้วย วันนี้ Korseries จะพาทุกคนมารู้จักกับเขาคนนี้พร้อมย้อนรอยเส้นทางและผลงานมาสเตอร์พีซที่ทำให้ใครหลายคนตกหลุมรัก
วอนบิน (Won Bin) ปัจจุบันอยู่ภายใต้สังกัด eden9 เขาคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 1977 ลูกคนเล็กจากครอบครัวหนึ่งในจังหวัดคังวอน ผู้มีความฝันอยากเป็น ‘ช่างซ่อมรถ’ แต่โชคชะตาก็นำพาให้เขาได้มีโอกาสไปออดิชันกับบริษัทเคเบิ้ลทีวีและคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองได้สำเร็จ ก่อนจะเปิดตัวครั้งแรกในรายการวาไรตี้ ‘Our Story’ (우리들의 이야기) ในปี 1996 ทางช่อง KBS
หลังจากนั้น 1 ปี วอนบินก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักแสดงอย่างแท้จริงด้วยผลงานเดบิวต์ในซีรีส์เรื่อง Propose ในปี 1997แม้จะเป็นผลงานแรก แต่เขาก็ฉายแววความสามารถ จนได้ร่วมแสดงในซีรีส์วัยรุ่น Ready, Go! ในปีเดียวกัน ซึ่งทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
กระทั่งปี 1999 วอนบินก็ได้แสดงในซีรีส์ Kwangki ในบทบาทที่มีมิติและทำให้เขาได้พัฒนาทักษะการแสดงเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่ในปี 2000 เขาจะได้แสดงในซีรีส์เรื่อง Tough Guy’s Love และตามมาติด ๆ กับการรับบท ฮันแทซอก พระรองผู้ตกหลุมรัก อึนโซ รับบทโดย ซงฮเยคโย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ในซีรีส์สุดคลาสสิก Autumn in My Heart ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วเอเชีย ความโด่งดังครั้งนี้ส่งให้เขากลายเป็นพระเอกแถวหน้าทันที พร้อมคว้ารางวัล Best New Actor จากงาน 37th Baeksang Arts Awards และ KBS Drama Awards ในปีเดียวกัน
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างท้วมท้นแล้ว วอนบิน ก็ได้รับโอกาสเริ่มเส้นทางภาพยนตร์ในปี 2001 กับ Guns and Talks ภาพยนตร์แนวแอ็กชันคอมเมดี้บอกเล่าเรื่องราวแก๊งนักฆ่าบ้าดีเดือดซึ่งผลงานนี้ก็ทำให้เขาได้แสดงด้านใหม่ ๆ ที่แตกต่างออกไป และในปีถัดมา พระเอกหนุ่มก็กลับมารับงานซีรีส์อีกครั้งกับ Friends (2002) เป็นโปรเจกต์ร่วมระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมจากทั้งสองประเทศ ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของเขาในระดับเอเชียได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ต่อมาในปี 2004 เขาได้ท้าทายบทบาทใน Taegukgi ภาพยนตร์สงครามฟอร์มยักษ์ที่เล่าเรื่องราวของสองพี่น้องท่ามกลางสงครามเกาหลี วอนบินถ่ายทอดบทบาทน้องชายที่ไร้เดียงสาที่ต้องต่อสู้กับทั้งศัตรูและความขัดแย้งระหว่างครอบครัวท่ามกลางสมรภูมรบได้อย่างสมจริง จนได้รับรางวัล Best New Actor จาก Golden Cinematography Awards และ Chunsa Film Art Awards และภาพยนตร์ Taegukgi นี้ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของเกาหลีใต้ด้วย
ในปีเดียวกัน เขายังแสดงใน My Brother ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวที่เผยอีกมุมของวอนบินในบทน้องชายหัวแข็งที่หลงรักผู้หญิงคนเดียวกันกับพี่ชาย ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามในแง่ของการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์ โดยหลังจากผลงานนี้เขาก็ได้ตัดสินใจเข้ากรมทหารรับใช้ชาติ ก่อนจะปลดประจำการในปี 2006 ซึ่งหลังเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติเขาได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่าทำให้ต้องพักรักษาตัวเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
หลังจากพักไปนาน วอนบินกลับมาอีกครั้งในปี 2009 กับ Mother ภาพยนตร์ดราม่าระทึกขวัญของผู้กำกับชื่อดัง บงจุนโฮ เขารับบทเป็นชายหนุ่มที่มีพัฒนาการช้าและถูกกล่าวหาว่าก่อคดีฆาตกรรม ทำให้แม่ของเขาทำทุกวิถีทางเพื่อทวงคืนความบริสุทธิ์ให้ลูกชายของเธอ โดยบทบาทที่ลึกซึ้งนี้ทำให้เขาได้รับคำชมอย่างล้นหลามในฐานะนักแสดงคุณภาพ
กระทั่งในปี 2010 วอนบินสร้างตำนานบทใหม่กับ The Man From Nowhere ภาพยนตร์แอ็กชัน-ดราม่าสุดเข้มข้นที่กลายเป็นผลงานมาสเตอร์พีซของเขา ขณะเดียวกันยังเป็นผลสุดท้ายก่อนห่างหายจากวงการ เขารับบท ชาแทชิก ชายปริศนาผู้มีอดีตอันขมขื่นที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยเด็กสาวที่ถูกลักพาตัว ซึ่งรับบทโดย คิมแซรน ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จถล่มทลายทั้งรายได้และคำวิจารณ์ ส่งผลให้วอนบินและคิมแซรนได้เดินสายรับรางวัลและได้ไปไกลถึงงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ คว้ารางวัล Best Actor จาก KOFRA Film Awards, Korean Film Awards, Daejong Film Awards รวมถึง Most Popular Stars จาก Blue Dragon Film Awards ในปีเดียวกัน
หลังจาก The Man From Nowhere วอนบินเลือกที่จะพักจากงานแสดงอย่างเงียบ ๆ แม้แฟน ๆ จะเฝ้ารอการกลับมาของเขา แต่พระเอกคนนี้ยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นหลักหลังเขาลั่นระฆังวิวาห์กับนักแสดงอีนายองในปี 2015 แต่ระหว่างที่เขาพักงานไป 10 ปีนั้น ก็มีรายงานว่า ได้รับข้อเสนอให้รับบทนำจากซีรีส์ดังถึง 6 เรื่อง แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธไป
อย่างไรก็ตาม ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ชื่อของ วอนบิน กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งหลังข่าวการจากไปของนักแสดง คิมแซรน โดยมีการปรากฎภาพของพระเอกหนุ่มในงานศพของคิมแซรน ซึ่งเป็นการปรากฏตัวต่อหน้าสื่อครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนาน สะท้อนถึงความผูกพันของทั้งคู่ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์นั้นเหนียวแน่นเป็นอย่างมาก โดยมีการเปิดเผยว่า วอนบิน ถึงขั้นเลิกบุหรี่เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับนักแสดงเด็กตัวน้อยคิมแซรน
ล่าสุด ยังมีข่าวลือว่า วอนบิน พยายามจะช่วยคิมแซรน จ่ายหนี้จำนวน 700 ล้านวอน จากกรณีเมาแล้วขับที่นักแสดงสาวต้องชำระให้กับต้นสังกัดเก่า Gold Medalist และแม้ว่าข่าวลือนี้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ชื่อของวอนบินก็ถูกยกให้เป็นพระเอกตัวจริงทั้งในและนอกจอ และเป็นนักแสดงมากฝีมืออีกคนที่คอซีรีส์หลายคนรอคอยให้เขาหวนกลับมามีผลงานการแสดงอีกครั้ง
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡