นาทีนี้คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ Minari ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน-เกาหลี ที่กำลังมาแรงแซงทุก Box Office ไม่เพียงเนื้อเรื่องที่ส่งสารถึงผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจ เพราะได้เสี้ยวความทรงจำวัยเด็กของผู้กำกับ อี ไอแซก จอง (Lee Isaac Chung) มาเป็นจุดเริ่มเรื่อง แต่อีกส่วนผสมสำคัญที่ส่งให้ Minari ครองใจคอหนังทุกเพศ ทุกวัย ทุกชาติ ทุกภาษา และยังพาผลงานเรื่องนี้ไปโลดแล่นไกลถึงเวทีออสการ์ มาจากฝีมือของทีมนักแสดงที่มีผู้เป็นเบอร์ต้นของวงการ ผสานกำลังกับน้องใหม่วัยเด็กน้อย ซึ่งทุกคนล้วนได้เฉิดฉายและถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมากันอย่างสุดพลัง
และนักแสดงท่านหนึ่งที่เราขอยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้หลาย ๆ หน เพราะประทับใจและหลงใหลสายตาที่เขาส่งผ่านจอเงินมาหาผู้ชมทุกครั้ง นั่นคือ สตีเฟน ยอน (Steven Yeun) หรือ จาค็อบ อี ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวในภาพยนตร์ Minari นั่นเอง จะบอกว่าโปรไฟล์ของเขาคนนี้ไม่ธรรมดา เคยมีผลงานชื่อดัง (มาก) ปรากฏแก่สายตาชาวโลกมาแล้วหลายหน แถมชีวิตครอบครัวก็น่ารักไม่เบา ทำความรู้จักเขาไปพร้อม ๆ กัน
สตีเฟน ยอน หรือ ยอน ซังยอบ (Yeun Sang-yeop) เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1983 ปัจจุบันอายุ 38 ปี เป็นนักแสดงอเมริกัน-เกาหลีที่ครอบครัวย้ายมาใช้ชีวิต ณ ประเทศแคนาดา ตั้งแต่เมื่อเขายังจำความไม่ได้ แม้จะเติบโตมาในครอบครัวคนเกาหลี แต่ด้วยสภาพแวดล้อมรอบตัว ทำให้ สตีเฟน ยอน สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาเกาหลี ในคราวที่เขาต้องกลับแผ่นดินเกิดเพื่อร่วมแสดงภาพยนตร์ทั้ง Okja (2017), Burning (2018) รวมถึงการรับบทนำในภาพยนตร์เกาหลีเรื่องล่าสุดอย่าง Minari (2020) เขาก็ต้องฝึกฝนการสื่อสารด้วยภาษาเกาหลีใหม่ทั้งหมด
ก่อนหน้าที่ สตีเฟน ยอน จะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจากผลงานทีวีซีรีส์เรื่อง The Walking Dead (2010 – 2016) ในปี 2005 เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Kalamazoo College ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ในสาขาจิตวิทยาเกี่ยวกับประสาทวิทยา (Psychology with a Concentration in Neuroscience) และต่อมาในปี 2009 สตีเฟน ยอน ก็เริ่มต้นเส้นทางสายนักแสดงอย่างจริงจัง ด้วยการปรากฏตัวเป็นครั้งแรกผ่านภาพยนตร์สั้นเรื่อง The Kari Files (2009)
ในปีต่อมา นอกจาก สตีเฟน ยอน จะมีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง เขายังกระโดดไปมีผลงานบนจอแก้วอีกด้วย โดยเริ่มเรื่องแรกด้วยบทนักแสดงรับเชิญในซีรีส์เรื่อง The Big Bang Theory (2010) ก่อนจะได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ที่ครองใจแฟน ๆ ทั่วโลกอย่าง The Walking Dead ซึ่งในเรื่องนี้ สตีเฟน ยอน รับบทเป็นเด็กส่งพิซซ่าจอมขโมยซีนที่การปรากฏตัวทั้ง 66 ตอนของเขาได้เผยเสน่ห์และฝีมือทางการแสดงซึ่งไม่เป็นรองใคร จนส่งให้เขากลายเป็นนักแสดงหนุ่มเนื้อหอมที่ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วย
หลังจากผลงานซีรีส์เรื่องแรกประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ก็เหมือนว่า สตีเฟน ยอน จะติดใจวงการจอเงิน เพราะหลังจากนั้นเขามีผลงานทีวีซีรีส์ออกมาให้แฟน ๆ เห็นหน้ากันแบบ Non-stop ทั้ง Law & Order: LA (2011), NTSF:SD:SUV:: (2012), Filthy Preppy Teen$ (2013), Drunk History (2014), American Dad! (2014), Voltron: Legendary Defender (2016), Stretch Armstrong and the Flex Fighters (2017), Final Space (2018), Weird City (2019), The Twilight Zone (2019), Tuca & Bertie (2019), Wizards: Tales of Arcadia (2020)
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายชื่อซีรีส์ที่ สตีเฟน ยอน เคยร่วมแสดงด้วย ซึ่งเขาคนนี้มีผลงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2011 โดยไม่มีปีใดที่หายหน้าไปให้แฟน ๆ คิดถึง และโดยเฉลี่ย เขามีผลงานมากถึงปีละ 3 – 4 เรื่องเลยทีเดียว
แม้จะประสบความสำเร็จในวงการจอแก้วมากเพียงใด แต่ สตีเฟน ยอน ก็ยังไม่ละทิ้งวงการจอเงิน และหมั่นมาเติมโปรไฟล์ด้วยผลงานภาพยนตร์สร้างชื่อและกวาดรางวัลใหญ่ได้อีกหลายเรื่อง สำหรับภาพยนตร์ที่เป็นส่วนสำคัญและเปรียบเสมือนเครื่องนำทางพาเขากลับคืนสู่แผ่นดินแม่ คือเรื่อง Okja (2017) โดยผู้กำกับ บงจุนโฮ ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการภาพยนตร์เกาหลีด้วยการพาภาพยนตร์ Parasite (2019) คว้ารางวัลจากเวทีใหญ่ทั่วโลก
และในเรื่อง Okja (2017) บงจุนโฮก็ได้แสดงความจำนงอยากได้ สตีเฟน ยอน นักแสดงชาวเกาหลีฝีมือดีที่ไปโลดแล่น ณ อเมริกา กลับมาเล่นหนังให้บ้านเกิด ซึ่งนอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ สตีเฟน ยอน เป็นที่รู้จักในหมู่แฟนคลับเอเชียมากขึ้นแล้ว เขายังได้กลับมาปัดฝุ่นฝึกฝนการใช้ภาษาเกาหลี หลังจากที่ห่างหายไปนานอีกด้วย
ต่อเนื่องมาถึงปี 2018 สตีเฟน ยอน ภาพยนตร์เรื่อง Burning (2018) โดยผู้กำกับ อี ชางดง (Lee Chang Dong) ที่หยิบบทประพันธ์ของ ฮารูกิ มูราคามิ (Haruki Mukarami) มาดัดแปลงและแต่งเติมให้เนื้อหากินใจพร้อมสะท้อนแก่นสุดเจ็บแสบ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังส่งให้สตีเฟน ยอน ผู้รับบทเป็น เบน หนุ่มชนชั้นสูงมาดนิ่งผู้แฝงไปด้วยความเหยียดหยามและกำแพงระหว่างชนชั้น กลายเป็นท็อปสตาร์ที่กวาดรางวัลการแสดงในเวทีระดับโลกนับสิบรายการ
มาถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ สตีเฟน ยอน อย่าง Minari (2020) ผลงานการกำกับของ อี ไอแซก จอง (Lee Isaac Chung) อดีตผู้อพยพชาวเกาหลีที่หยิบเอาความทรงจำวัยเด็กมาถ่ายทอดผ่านจอเงิน และประสบความสำเร็จทั้งจากคำวิจารณ์เชิงบวกของคอหนังทั่วโลก มีรายชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ในวงการหนังระดับโลก อีกทั้งยังมีคุณค่าในแง่การสะท้อนแนวคิดและชีวิตให้กับผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย และทุกชนชาติ ให้ตระหนักถึงการวิ่งตามฝันจนกว่ามันจะเป็นจริง
และภาพยนตร์เรื่อง Minari ยังเป็นบันไดก้าวสำคัญที่ส่งให้ สตีเฟน ยอน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่นักแสดงทุกคนต่างใฝ่ฝัน นั่นคือการได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ‘นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม’ จากเวทีออสการ์ในปีนี้
นอกจากประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง ในด้านชีวิตส่วนตัว สตีเฟน ยอน ก็ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวและคุณพ่อลูกสองได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2016 มีรายงานว่าเขาแต่งงานกับ Joana Pak แฟนสาวเชื้อสายอเมริกัน-เกาหลีที่มีอาชีพช่างภาพหลังจากคบหาดูใจกันนานถึง 7 ปี และต่อมาก็มีลูกน้อยด้วยกัน 2 คน
ถ้าใครนึกภาพ สตีเฟน ยอน ตอนอยู่กับเด็ก ๆ ไม่ถนัด เรามีบางส่วนที่เขาไปเป็นแขกรับเชิญในรายการ The Return of Superman เพื่อดูแลน้องวิลเลี่ยมเป็นการชั่วคราวมาฝากด้วย
และในปี 2021 สตีเฟน ยอน ก็ยังคงทำหน้าที่นักแสดงคุณภาพผู้งานหนักอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะเขาอยู่ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Humans (2021) ภาพยนตร์ดราม่าที่เขียนบทและกำกับโดย สตีเฟน คารัม (Stephen Karam) นักแสดงละครเวทีเรื่องดังอย่าง Sons of the Prophet (2012) ซึ่งในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ได้สตีเฟน ยอน มารับบทเป็น ริชาร์ด นักแสดงนำของเรื่องและอยู่ระหว่างเตรียมการถ่ายทำ และแน่นอนว่า นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจับตา และทักษะทางการแสดงของเขาก็จะได้เฉิดฉายอีกครั้งอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡