ซึงรี ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่ออีกครั้ง กับสำนักข่าว Chosun Ilbo เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ซึ่งได้มีการเผยแพร่ในวันที่ 23 มีนาคม โดยเขาได้เผยถึงประเด็นต่างๆของเขา ไม่ว่าจะเป็น Burning Sun ข้อสงสัยการค้าประเวณี และ ความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ผู้กำกับอาวุโสยุน
เมื่อถามว่าเขาอยากจะให้สัมภาษณ์สื่อทำไม ซึงรี ตอบว่า “จริงๆแล้ว ผมไม่คิดว่าผมอยู่ในจุดที่จะสามารถออกมาด้วยท่าทีที่หนักแน่น หรือ บอกว่าผมกำลังได้รับความเจ็บปวดจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้ครับ ผมได้แสดงแนวทางที่ไม่เหมาะสมในฐานะบุคคลสาธารณะ และได้เข้าไปเกี่ยวพันในธุรกิจที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่ถูกรายงานตอนนี้มันมาไกลเกินกว่าความจริงแล้วครับ ผมอยากที่จะพูดความจริงที่ผมรู้ และแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นครับ”
นักข่าวได้ถามว่าการที่พูดว่า “ธุรกิจผิดกฎหมาย” นั่นหมายถึง Burning Sun ใช่หรือไม่ ซึงรี ตอบว่า ใช่ พร้อมกับอธิบายถึงความเข้าใจผิดที่เขาเป็นเจ้าของ ว่า “ผมคิดว่ามันเป็นเพราะผมเคยบอกในรายการ ‘I Live Alone’ และในรายการอื่นๆว่าผมทำธุรกิจต่างๆเองทั้งหมด คลับและโรงแรมต่างต้องการที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น รวมไปถึงชาวต่างชาติ ฉะนั้นชื่อและภาพลักษณ์ของผมจึงถูกใช้ในการโปรโมต ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดครับ ผมมีความสุขกับการเป็นดีเจ ฉะนั้นผมจึงไม่คิดว่าเป็นความคิดที่แย่อะไรในเวลานั้น และเพราะว่าเป็นคลับที่เปิดในโรงแรม ผมจึงไม่คิดว่าจะมีสิ่งแย่ๆเกิดขึ้นครับ”
ซึงรี ได้อธิบายถึงการที่เขาได้พบกับ CEO ของ คลับ Burning Sun ว่า “CEO อีซองฮยอน และ อีมุนโฮ มีหน้าที่ในการทำทุกอย่างตั้งแต่การจัดการดูแล ไปจนถึงด้านการเงิน และ พนักงาน ผมไม่เคยเข้าร่วมการประชุมของ Burning Sun และไม่เคยได้รับลิสต์รายชื่อพนักงานหรือคำนวณรายได้ของพวกเขาเลยครับ ผมเป็นเพียงแค่หน้าตาของคลับเท่านั้นจริงๆ ทุกอย่างที่ผมทำคือแค่ให้ยืมชื่อและลงทุน 10 ล้านวอน ผ่าน Yuri Holdings ครับ”
เขาเผยว่าเขาไม่เคยติดสินบนในการกระทำที่ผิดกฎหมายภายในคลับ เช่น การอนุญาตให้เยาวชนเข้าคลับ หรือ ให้คนเสพยา และเขาเผยว่าเขารู้สึกสับสนเมื่อพบว่ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาเพื่อข่มขืนผู้หญิงและมีคลิปวิดีโอทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นเช่นกัน
ในส่วนกรณีข้อสงสัยการเลี่ยงภาษีของ Burning Sun ซึงรี ก็ได้บอกว่า “ถ้าหากพวกเขาทำเช่นนั้น ผมก็คงจะเป็นเหยื่อในฐานะผู้ถือหุ้น ผมไม่รู้อะไรเลย ทุกอย่างที่ผมทำคือโปรโมตให้พวกเขาเท่านั้นครับ”
เข้าสู่ประเด็นร้อนอย่างกรณีข้อความในห้องแชทฉาว ซึ่งนักข่าวได้ถามว่าทำไมเขาถึงพูดว่าข้อความในกรุ๊ปแชทที่มีจองจุนยอง เป็นสิ่งที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา ซึงรี ตอบว่า “มันเป็นข้อความเมื่อปี 2015 เราจะสามารถจดจำข้อความเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้อย่างไรล่ะครับ? ผมจำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ ผมไม่อยากเชื่อว่าผมพูดในสิ่งที่ได้มีการรายงานออกมา ผมเชื่อจริงๆว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมาครับ”
ส่วนกรณีการค้าประเวณี ซึงรี ได้อธิบายว่า “ในกรณีของ Club Arena มีผู้หญิงคนหนึ่งจากสิงคโปร์ชื่อ Kimmy เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียง เธอได้ขอให้ผมช่วยเหลือในหลายๆเรื่อง ฉะนั้นผมแค่อยากจะช่วยเหลือเฉยๆครับ” ซึงรี ได้ปฏิเสธว่าผู้หญิงที่เขาชวนไม่ได้เป็นหญิงค้าบริการ เช่นเดียวกับที่ทนายของเขาได้กล่าวก่อนหน้านี้
มาถึงกรณีเป็นตัวกลางในการจัดหาหญิงค้าบริการสำหรับทริปที่อินโดนีเซีย ซึงรี เผยว่า “ผมได้ลงทุนกับเขาไป 2,000 ล้านวอนและก็ยังไม่ได้รับเงินคืนเลยครับ ผมจึงต้องทำดีกับเขา เขาถามผมให้ผมช่วยแนะนำใครสักคนไปด้วยกันกับเขาตอนที่จะไปอินโดนีเซีย เขาบอกว่าเขาต้องการสำรองเงินไว้สำหรับคนที่จะไปกับเขาจำนวนหนึ่ง และถามว่า 10 ล้านวอนพอหรือเปล่า ผมได้ทวนจำนวนเงินกับเขาเพื่อความถูกต้อง เท่านั้นเลยครับ แต่ต่อมาเขาบอกผมว่าหาได้เองแล้วจึงได้ยกเลิกไป” ซึงรี บอกเพิ่มเติมว่า “สุดท้ายผมก็ไม่ได้เงินคืน ผมได้ฟ้องร้องเขาเมื่อปี 2015 แต่เขาขู่ผมว่าจะนำเรื่องไปบอกสื่อ ฉะนั้นผมจึงถอนฟ้องไปครับ”
ในส่วนการรู้จักกับผู้กำกับอาวุโสยุน ซึ่งต้องสงสัยว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการปกปิดความผิดที่คนได้ห้องแชทได้กระทำ ซึงรี ตอบว่า “ยูอินซอก แนะนำกับผมว่าเขาเป็นคนดี ผมรู้แค่ว่าเขาเคยทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ฉะนั้นเราเลยเคยทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งครับ เราพบกันทั้งหมด 4 ครั้งหลังจากนั้นจนถึงช่วงหน้าหนาวที่แล้ว เราไม่เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับคลับเลย เขาชอบที่จะเล่าถึงเรื่องประวัติศาสตร์ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาไม่รู้จัก BIGBANG แต่เขาบอกว่าเขาเริ่มฟังเพลงของ BIGBANG หลังจากที่รู้จักผม ชเวจงฮุนเคยไปตีกอล์ฟด้วยกันกับเขาแต่ผมไม่เคยครับ ไม่มีเรื่องการติดสินบนใดๆเกิดขึ้น แม้กระทั่งตอนที่ยูอินซอกพยายามจะเลี้ยงข้าวเขา เขายังโมโหและบอกว่าเขาอาจจะมีปัญหาได้ฉะนั้นเขาจึงจ่ายเงินทุกอย่างเองหมดเลยครับ”
ซึงรี ยังได้ตอบคำถามว่าทำไมเขาหรือคนอื่นๆในห้องแชทไม่เคยห้ามปรามการกระทำของจองจุนยองที่เขาได้แชร์คลิปแอบถ่ายอย่างผิดกฎหมาย ว่า “ข้อความเหล่านั้นมันไม่ใช่ชีวิตทั้งหมดของผมนะครับ แน่นอนว่าผมเคยบอกให้เขาหยุดทำแล้ว ตอนที่เราเจอกันเอง(ออฟไลน์) ผมเคยบอกให้เขาหยุดทำและบอกเขาว่าอาจจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นกับเขาได้ ผมได้บอกกับพวกเขาทั้งหมด ไม่ใช่แค่จองจุนยอง เพียงแค่ว่ามันไม่ได้มีอยู่ในบทข้อความบทสนทนาเท่านั้นเองครับ”
สุดท้ายนี้ ซึงรี ยังได้ปิดท้ายการให้สัมภาษณ์ด้วยการบอกว่า “ความหวังเพียงอย่างเดียวของผมคือการที่การสืบสวนและผลลัพธ์จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ทุกวันนี้ ผู้คนพยายามจะเชื่อมโยงทุกอย่างจาก YG ไปยัง ชเวซุนชิล BIGBANG คิมฮักอึย ฮวังคโยอัน และบุคคลอื่นๆ แต่ผมเป็นเพียงแค่คนดังครับ ผมไม่รู้จักพวกเขาเหล่านั้นเลย นี่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่คลับ แต่ผู้คนพยายามจะโยงให้มันเกี่ยวกับการเมือง และสร้างเรื่องราวใหม่ซึ่งน่ากลัว ผมเองก็สับสน ผมแค่อยากจะบอกความจริงครับ และผมจะให้ความร่วมมือในการสืบสวนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมแค่หวังว่าทุกอย่างจะสงบลงจนกว่าการสืบสวนจะเสร็จสิ้นลงครับ
ผมรู้สึกเสียใจต่อแฟนๆและสาธารณชน YG และ เพื่อนในวงที่อยู่กับผมมายาวนานกว่า 10 ปี ไม่ว่าผลลัพธ์ของการสืบสวนมันจะออกมาอย่างไร ผมเชื่อว่าผมจะจำเรื่องนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือของผมครับ ผมจะทบทวนตัวเองครับ เมื่อเห็นว่าการกระทำผิดเมื่อหลายปีก่อนมันส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่เป็นประเด็นใหญ่ขนาดนี้ ผมรู้สึกเศร้าและอับอายมากครับ ผมหวังว่าทุกอย่างจะได้รับการแก้ไขเร็วๆนี้เพื่อที่สาธารณชนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจอีกต่อไปครับ”
ขณะนี้ ซึงรี กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการสืบสวนในคดีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sisa Journal ถึงประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นครั้งแรก
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries