Little Women ซีรีส์ใหม่จากช่อง tvN ที่บอกเล่าเรื่องราวสุดระทึกทว่าละเมียดละไมและเสียดสีสังคมขั้นสุด นำแสดงโดย คิมโกอึน นัมจีฮยอน และ พัคจีฮู ที่ออนแอร์เพียง 2 ตอนแรกก็ทำคนดูร้องกรีดร้องกันไปเป็นแถบ ๆ กับปมสุดซับซ้อนที่ซีรีส์สาดใส่คนดูแบบไม่หยุด ผู้เขียนจึงจดลิสต์รวบรวมวิเคราะห์ปมที่น่าสงสัย พร้อมตีแผ่สัญญะที่อาจซ่อนคำใบ้ให้ติดตามกัน ใครที่ยังงงกับปมประเด็นของซีรีส์เรื่องนี้ ได้เวลาไขให้กระจ่างแล้ว ~
*บทความนี้มีการกล่าวถึงเนื้อหาภายในเรื่อง ระวังสปอยล์นะคะ*
✿ ‘รองเท้าส้นสูง’ เครื่องแต่งกายที่แบ่งแยกชนชั้น
‘รองเท้าส้นสูง‘ ในเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เป็น ‘ตัวแบ่งแยกชนชั้น’ ที่เราจะเห็นได้อย่างเด่นชัดในหลายๆฉาก ซึ่งใน Ep.1 – Ep.2 จะมีรองเท้าส้นสูงปรากฏให้เราได้เห็นชัดๆอยู่ 3 คู่ คือรองเท้าส้นสูงสีดำคาดเฉียงด้วยเพชรที่มีเพียง 3 คู่ในเกาหลี รองเท้าสีแดงสดที่จะถูกสวมใส่โดยร่างที่ไร้ลมหายใจ และรองเท้าสีชมพูไร้ราคาที่ส้นหักง่าย ๆ แม้จะใส่ไปเพียงไม่กี่ครั้ง
แล้วทำไมถึงเลือกใช้รองเท้าส้นสูงในการแบ่งแยกความรวยความจนล่ะ ? แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็มีที่มาที่น่าสนใจ ย้อนกลับไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 รองเท้าส้นสูงถูกผลิตและออกแบบโดยทหารม้าชาวเปอร์เซีย เพื่อให้พลทหารยืนยิงธนูบนหลังม้าได้อย่างคล่องตัวและแม่นยำ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงปลายศตวรรษที่ 15 – ศตวรรษที่ 17 สภาพสังคมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ม้ากลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง มีเพียงคนมีเงินเท่านั้นที่จะมีม้าไว้ในครอบครองเพราะฉะนั้น ‘รองเท้าส้นสูง’ จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความร่ำรวยโดยปริยาย
ไม่เพียงเท่านั้น ‘รองเท้า’ ยังถูกมองจากคนอื่นเป็นสิ่งแรก ๆ เพื่อประเมินถึงฐานะและลักษณะนิสัยของอีกฝ่ายเพราะรองเท้าเป็นสเหมือน ‘ฐาน’ ที่รองรับตัวเราทั้งตัว หากใส่รองเท้าถูกๆก็มักจะไม่ทนต่อการใช้งาน พังได้ง่าย ไม่สบายเท้าและอาจจะส่งผลต่อเดินอีกด้วย หากมีนิสัยสกปรกก็มักจะปล่อยให้รองเท้าเปรอะเปื้อนดูไม่สวยงาม จึงไม่แปลกที่กรรมการชินจะมีลักษณะนิสัยในการมองประเมินผู้หญิงจากการใส่รองเท้า “ส้นสูงราคาถูกๆ ที่ยึดส้นด้วยกาวนิด ๆ หน่อย ๆ ก็หัก เดี๋ยวก็เจ็บเอ็นร้อยหวายเอาหรอก สมดุลน้ำหนักไม่พอดี เดินนิดเดียวก็คงปวดเท้า เวลาเดินก็พะวงเพราะวางใจรองเท้าไม่ได้เลย”
นอกจากนี้ยังมองเปรียบเทียบ ‘รองเท้า’ ได้กับ ‘ฐานะ/ชาติกำเนิด’ ของคนเราได้อีกด้วย เพราะถ้ารองเท้าของเราถูกทำมาจากวัสดุชั้นดีเราก็จะวางใจที่จะเดินบนรองเท้าคู่นี้ ไม่ต้องมานั่งกังวลว่ามันจะหักจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บ หรือต้องมานั่งทนปวดเท้าเพราะรองเท้าไม่ได้รองรับน้ำหนักได้ดีพอ เพราะถ้าเรามีสิ่งที่เรียกว่าเงินเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งกังวลกับเรื่องใด ๆ ในชีวิตเพราะแค่มีเงินทุกอย่างก็คลี่คลาย แต่กลับกันหากรองเท้าของเราคือรองเท้าที่ทำมาจากวัสดุที่ไม่ดี เราก็จะต้องมานั่งกังวลตลอดว่ามันจะหักตอนไหน จะพังตอนไหน เหมือนกับที่อินจูมักจะกังวลเรื่องเงินจนเผลอตื่นมากลางดึกเสมอ
✿ ‘เค้กวันเกิด’ & ‘ไอศกรีม’ ของธรรมดาที่เกินเอื้อม
“ตอนเด็กๆฉันอยากลองทำมันดูสักครั้ง การเป่าเทียนบนเค้กแล้วก็มีเพื่อน ๆ ร้องเพลงให้ ฉันค้นทั่วตู้เย็น หอบไข่ต้มทั้งหมดมาต้ม จุดเทียนปักบนไข่ต้ม 5 ฟอง ตอนนั้นแหละที่ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าเราใช้ชีวิตต่างจากคนที่อยู่ในทีวี เราไม่ควรอยากได้อยากมีเหมือนกับคนอื่นเขา” – โออินจู
สำหรับโออินจู เค้กและไอศกรีม เป็นดั่งสัญลักษณ์ของคนรวย ที่เธอไม่สามารถที่จะได้กินอย่างง่ายๆ หรือแม้จะได้กินก็จะได้กินเฉพาะเวลามีโปร 1 แถม 1 เท่านั้น การที่จะคิดอย่างนั้นถือว่าไม่ผิดแปลก หากมองย้อนกลับไปว่าแม้แต่เค้กวันเกิด เธอยังต้องเนรมิตขึ้นมาจากไข่ต้ม ขนาดยาสีฟันยังคงต้องใช้เกลือแทน มันเป็นเพราะเธอมองว่าเค้กและไอศกรีมมันคือของ ‘ฟุ่มเฟือย’ ที่ถูกซื้อมาเพื่อตอบสนองความต้องการเพียงเสี้ยวนึงเท่านั้น มันไม่ใช่ของ ‘จำเป็น’ อย่างอาหารที่จะต้องกินเพื่อให้ชีวิตอยู่ต่อไปในแต่ละวัน เมื่อมองสิ่งใดสิ่งนึงเป็นของฟุ่มเฟือยแล้วของสิ่งนั้นจะกลายเป็นของมีค่าที่เกินเอื้อมทันที ทำให้เมื่อโออินจูได้รับเงินจำนวนมหาศาลมาอย่างไม่ตั้งตัวสิ่งแรกที่เธอเลือกที่จะซื้อก็คือ ‘ไอศกรีม’ นั่นเอง
ซึ่งต่างจากโออินกยองที่ในวัยเด็กถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณย่าที่มีฐานะร่ำรวย เธอจึงเป็นคนเดียวภายในบ้านที่มักจะซื้อไอศกรีมเข้ามาให้พี่น้องได้กินอยู่เสมอนั่นเป็นเพราะเธอไม่ได้มองว่าการซื้อไอศกรีมมันเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเงินโดยใช่เหตุ หากอยากกินก็แค่ซื้อกิน เพราะวัยเด็กของเธอมันปลูกฝังให้เธอคิดแบบนั้น
✿ มุมกล้องจากด้านหลัง บ่งบอกถึง ‘ความจน’ ที่กดทับ 3 พี่น้อง
งานภาพของเรื่องนี้ถือเป็นอีก 1 องค์ประกอบที่ไร้ที่ติแบบสุด ๆ ทุกฉากถูกคิดมาอย่างดีแล้วว่าจะต้องถ่ายทอดออกมาในรูปแบบไหนถึงจะสื่ออารมณ์ให้คนดูเข้าใจได้มากที่สุด ใน Ep.1และ Ep.2 จะเห็นได้ว่ากล้องมักจะจับภาพ 3 พี่น้องจาก ‘ด้านหลัง’ อยู่เสมอซึ่งทุกครั้งที่จับภาพจากด้านหลังก็มักจะเป็นตอนที่ 3 พี่น้องกำลังต่อสู้ทางด้านอารมณ์กับตัวเองอย่างหนัก ไม่เพียงเท่านั้นการเลือกที่จะถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครจากข้างหลังแทนข้างหน้าที่เห็นใบหน้าชัด ๆ เหมือนเป็นการบอกอย่างอ้อม ๆ ถึง ‘ความจน’ ที่กดทับอยู่บนบ่าเล็ก ๆ ของ 3 พี่น้อง ที่ต้องพบเจอการปฏิบัติแย่ ๆ ทั้งจากเพื่อนร่วมงาน คนรอบข้าง หรือแม้แต่คนในครอบครัว
ซึ่งฉากที่เห็นชัดที่สุดว่าซีรีส์ต้องการจะสื่ออะไรคือ ฉากของอินฮเยน้องเล็กของบ้าน ที่เป็นฉากแรกที่เราเห็นการใช้มุมกล้องในลักษณะนี้ โดยภาพจะเน้นโฟกัสไปที่ตัวของอินฮเยเพียงคนเดียวจนทำให้ภาพรอบ ๆ มันเบลอไปหมด ซีนนี้บ่งบอกถึงความรู้สึกของอินฮเยที่กำลังท่วมท้น เปลี่ยวเหงา อ้างว้าง และเศร้าโศก จนทำให้โลกทั้งใบมันว่างเปล่าจนเหมือนเหลือเราอยู่เพียงคนเดียวได้เป็นอย่างดี ซึ่งความรู้สึกทั้งหมดนั้นมันเกิดจากบทสนทนาบนโต๊ะอาหารในวันเกิดของเธอ แต่คนเป็นแม่กลับจำไม่ได้ว่าเธอไม่กินกิมจิไชเท้าอ่อน แถมแม่ยังด่าพี่สาวกระทบเธอเรื่องที่ให้เงินไปทัศนศึกษาถึงเมืองนอกแต่พี่สาวทั้ง 2 กลับไม่เคยได้ไปทัศนศึกษาเลยสักครั้ง
และสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือต้องมานั่งฟังแม่พูดเหยียบย่ำถึงความพยายามในการสอบเข้าโรงเรียนอันดับ 1 ทางด้านศิลปะ ที่กว่าจะสอบเข้ามาได้นั่นต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน และทักษะที่เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักของตัวเธอเอง แต่แม่กลับพูดง่าย ๆ ว่าที่ตัวเองได้เรียนที่โรงเรียนนี้มันไม่ใช่ในฐานะเด็กทุนผู้เปี่ยมไปด้วยทักษะ แต่มันกลับเป็นในฐานะผู้ด้อยโอกาสที่โรงเรียนให้โอกาส ซะงั้น
✿ ‘ดอกกล้วยไม้’ บอกใบ้นิสัย กับ ‘กล้วยไม้สีน้ำเงิน’ ลางแห่งความตาย
ดอกกล้วยไม้ และกล้วยไม้สีน้ำเงินปริศนา ที่ชวนหลอนทุกครั้งที่เห็นมันปรากฏตัว เป็นอีก 1 สัญญะที่ซีรีส์โยนใส่เข้ามาเยอะมากๆ ซึ่งแน่นอนนี่คือคำใบ้ใหญ่ที่ซีรีส์แง้มให้เราได้รับรู้เพื่อที่จะได้จับผิด คาดเดา และร่วมลุ้นไปกับเหตุการณ์ภายในเรื่อง สกุลออนซิเดียมโหดร้ายและหยาบคาย, สกุลแคทลียาเป็นพวกสมจริง และเจ้าหญิงจอมโจร หมาหัวเน่าที่ตอนนี้อาจจะดูธรรมดา แต่เมื่อไหร่ที่ออกดอกมันจะกลายเป็นเจ้าหญิงตัวจริง 3 นิสัยของดอกไม้นี้แน่นอนมันคือคำใบ้คำโตๆที่บ่งชี้ไปถึงตัวละครแต่ละคนที่มีลักษณะนิสัยตรงกับดอกกล้วยไม้ทั้ง 3 ที่รอให้เราได้คาดเดากัน จำลักษณะของ 3 ดอกกล้วยไม้นี้ให้ดี ๆ เพราะในตอนต่อ ๆ ไปจะต้องได้ใช้สืบอย่างแน่นอน
ต่อที่ กล้วยไม้สีน้ำเงิน แม้ซีรีส์จะออนแอร์มาเพียง 2 ตอนแต่เรากลับเห็นดอกไม้ดอกนี้บ่อยซะเหลือเกิน และทุกครั้งที่เห็นดอกไม้ดอกนี้ก็มักจะต้องมีคนตายทุกครั้งไป ! ทั้งในบ้านของรุ่นพี่จินฮวายองที่ถูกแขวนคอในตู้เสื้อผ้า ทั้งบนถนนใกล้กับรถของ ที่พลิกคว่ำและหน้ารถของ ที่ถูกตัดสายเบรกจนรถพุ่งตกตึก และแน่นอนในอนาคตเราก็จะเห็นดอกไม้ดอกนี้อีกหลายฉากมากๆเพราะทีมงานซีรีส์ได้มีการโพสว่าพวกเขาได้ผลิตกล้วยไม้สีน้ำเงินมากถึง 350 ดอก!!
และมีใครสังเกตหรือไม่ว่าใน intro เปิดซีรีส์ได้มีการแทรกกล้วยไม้สีน้ำเงิน และ เจ้าหญิงจอมโจร เข้าไปเป็น 1 ในกรอบรูปด้วยแน่นอนว่า บุคคลเบื้องหลังกรอบรูปกล้วยไม้สีน้ำเงินจะต้องเป็นผู้บงการใหญ่ในทุกการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น และ บุคคลเบื้องหลังกรอบรูปเจ้าหญิงจอมโจรจะต้องเป็นตัวละครลับที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน
✿ ฉากสับเปลี่ยนรองเท้า ที่บอกใบ้ตอนจบและตอนต่อไปในฉากเดียว
ฉากนี้ดูเหมือนจะเป็นฉากทั่ว ๆ ไป ในตอนแรกก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันแต่เมื่อได้ดูถึง Ep.2 ฉากนี้ก็ได้กลายมาเป็นฉากบอกใบ้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับโออินจู ที่ต้นเหตุมันเกิดขึ้นจากจินฮวายองทิ้งเงินจำนวนมหาศาลไว้ให้เธอ
ในฉากนี้ส้นสูงสีชมพูที่อินจูใส่ได้เพียง 2 ครั้งได้หักลงแต่ถึงอย่างนั้นหัวหน้าจินที่พกรองเท้าผ้าใบเผื่อมาด้วยก็ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้จากการไม่ต้องเดินเท้าเปล่าเข้าร้านอาหารหรู ซีนนี้บ่งบอกถึงตัวอินจูที่เมื่อไหร่ประสบปัญหาหัวหน้าจินก็มักจะเป็นที่พึ่งของเธออยู่เสมอทั้งให้เธอยืมเงิน เป็นคนสอนงานบัญชีให้เธอ และยังเป็นเพื่อนคนเดียวในบริษัท รองเท้าผ้าใบที่หัวหน้าจินยื่นให้จึงสามารถเปรียบได้กับเงินจำนวนมหาศาลที่หัวหน้าจินทิ้งไว้ให้กับเธอก่อนจะลาโลกไป เงินนี้จึงเป็นเหมือนลาภลอยก้อนใหญ่ที่หล่นทับอินจูให้สามารถมีชีวิตที่สบายขึ้นได้จากเงินจำนวนมหาศาลนี้
เมื่ออินจูได้เปลี่ยนรองเท้ามาเป็นรองเท้าผ้าใบและเดินขึ้นมาถึงหน้าร้าน หัวหน้าจินก็ได้สับเปลี่ยนรองเท้ากับอินจูอีกครั้งโดยครั้งนี้หัวหน้าจินได้ให้รองเท้าส้นสูงราคาแพงลิบกับอินจู และยังให้เสื้อคลุมอีกด้วยโดยให้เหตุผลว่าเพราะเธอเคยมาที่ร้านอาหารแห่งนี้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่รองเท้าดีๆก็ได้ ซีนนี้บ่งบอกถึงเหตุการณ์หลังจากที่อินจูได้รับเงินมหาศาลมาจากหัวหน้าจินแล้ว แต่การได้รับเงินมาไม่ได้ทำให้ชีวิตของเธอโรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิดไว้ เธอต้องเข้าไปพัวพันกับการตายของใครหลายคน ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์พวกนี้ทำให้เธอต้องแกร่งขึ้น สง่างามขึ้นเพื่อปกป้องพี่น้องของเธอ
ซึ่งการเปลี่ยนรองเท้าจากรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าส้นสูงราคาแพง บวกกับการรับเสื้อคลุมมาใส่เพิ่ม เป็นตัวบอกถึงพัฒนาการของตัวละครโออินจูที่จะแข็งแกร่งและสง่างามขึ้นอย่างน่าเกรงขามในอนาคต และอีก 1 สิ่งที่ถูกวางมาอย่างตั้งใจของคนเขียนบทก็คือการที่โออินจูและหัวหน้าจินมีไซส์รองเท้าที่เท่ากัน! ถือเป็นการเขียนบทที่ฉลาดมากเพราะนี่ถือเป็นการบอกอ้อมๆถึงความคล้ายคลึงกันของ 2 ตัวละครนี้ เพราะไซส์รองเท้าไม่ได้เป็นสิ่งแรกที่พวกเธอ 2 คนมีเหมือนกันแต่พวกเธอทั้ง 2 คนเหมือนกันตั้งแต่ฐานะที่ยากจน การโดนแบนจากเพื่อนร่วมงานจนกลายเป็นหมาหัวเน่าประจำชั้น การทำงานหนักเพื่อครอบครัว
✿ เอกสารที่โออินจูเซ็น แท้จริงคือเอกสารอะไร ?
เอกสารที่อินจูเซ็นมันคือ แบบฟอร์มเปิดบัญชีส่วนบุคคล ไม่ใช่เอกสารเข้าร่วมบริษัทสตาร์ทอัพอย่างที่หัวหน้าจินบอกไว้ในตอนที่คุยกัน จึงเป็นที่น่าคิดต่อมาก ๆ ว่าเงินทุนที่หายไปและยังหาไม่เจออาจจะอยู่ในบัญชีนี้ที่เป็นชื่อของโออินจูก็เป็นได้ หรืออาจจะคิดกลับกันในอีกแง่หากศพที่เจอในตู้เสื้อผ้าไม่ใช่หัวหน้าจินแต่เป็นคนอื่นที่หัวหน้าจินเอามาสวมรอยแทน ในตอนนี้คนที่จัดการเงินในบัญชีที่เป็นชื่อของโออินจูก็คือหัวหน้าจิน
✿ คดีธนาคารออมทรัพย์โบแบ
นี่คือคดีแรกที่ซีรีส์สาดเข้ามาให้คนดูปวดหัวแบบสุดๆ ใน 2 ตอนแรกได้มีการเอ่ยถึงคดีนี้ค่อนข้างเยอะพอสมควร และยังเป้นคดีที่โยงใยถึงหลายตัวละครอีกด้วยและเพื่อที่จะให้สามารถดุตอนต่อๆไปได้อย่างไม่งง จึงขอลิสต์ข้อมูลคร่าวๆที่ซีรีส์เอ่ยถึงเกี่ยวกับคดีนี้มาให้ได้อ่านทบทวนกันอีกรอบ
- คดีธนาคารออมทรัพย์โบแบ คือคดีที่เงิน 4 แสนล้านวอนที่คน 30,000 คนฝากไว้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
- ธนาคารออมทรัพย์โบแบ เป็นธนาคารที่ได้รับเงินทุนจากระบอบทหารเป็นสิทธิพิเศษ
- ประธานธนาคารออมทรัพย์โบแบ คิมดัลซู ฆ่าตัวตาย ทั้งๆที่ระหว่างเข้าโรงพยาบาลโดยติดทัณฑ์บน เขาร้องไห้ฟูมฟายตลอดว่าไม่อยากตาย แต่เขากลับเสียชีวิตหลังจากคุยกับทนายความหรือก็คือพัคแจซัง ที่เป็นหนึ่งในทีมทนายความในขณะนั้น โดยคิมดัลซูเสียชีวิตในห้องน้ำในลักษณะมีเข็มฉีดยาปักคาอยู่
- โออินกยอง ได้รับเมลล์ขณะที่กำลังมีการพิจารณาคดี ซึ่งเมลล์นั้นส่งมาจากหลานของประธานธนาคารคิมดัลซู
- ในคดีธนาคารออมทรัพย์โบแบ มีคนที่ถูกจับกุมทั้งหมด 32 ราย แต่กลับมี 4 รายในนั้นที่ฆ่าตัวตาย ซึ่งทั้ง 4 คนดันมีทนายเป็นพัคแจซังเหมือนกัน
- ซึ่งการตายของคน 4 คนที่ถูกจับกุมในคดีธนาคารออมทรัพย์โบแบได้ลบล้างร่องรอยเส้นทางของเงินจำนวน 140,000 ล้านวอน (เงินที่ถูกแบ่งมาจากเงิน 4 แสนล้านวอน) ให้หายออกไป ซึ่งเงินจำนวนนั้นได้ไหลไปในทิศทางเดียวกันและมีผลประโยชน์กับประธานอุตสาหกรรมวอนรยอง ผู้วางแผนการเงินในตอนนั้น ซึ่งเป็นลูกชายของนายพลวอนกีซอน ที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายภรรยาของพัคแจซัง
ติดตามอ่าน วิเคราะห์ปมน่าสงสัย พร้อมตีแผ่สัญญะที่อาจซ่อนคำใบ้ให้ติดตาม ในซีรีส์ Little Women Ep.3 – Ep.4 ได้ในบทความต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง
เรื่องย่อซีรีส์ : Little Women | สามพี่น้อง (2022)
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
Reference (1)