Unforgettable หรือ Pure Love ภาพยนตร์ดราม่า ที่บอกเล่าเรื่องราว ‘ความรักบริสุทธิ์’ ในหลายมิติ ได้แก่มิตรภาพอบอุ่นของกลุ่มวัยรุ่นเพื่อนซี้ ความรักหญิงชายที่มองข้ามความพิการทางร่างกาย และหัวใจบริสุทธิ์เปี่ยมฝันของเด็กสาวที่ด้อยโอกาสเพราะพิการ
โดคยองซู หรือ ดีโอ EXO ที่มารับบทนำในเรื่องนี้ได้คว้ารางวัลนักแสดงชายยอดนิยม (สาขาภาพยนตร์) จากเวทีงานประกาศรางวัล 52nd Baeksang Arts Awards ปี 2016 ก่อนที่จะคว้ารางวัลเดียวกันในปีถัดมา จากผลงานภาพยนตร์เรื่อง My Annoying Brother (2016) ในงานประกาศรางวัล 38th Blue Dragon Film Awards ซึ่งนับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความนิยมของหนุ่มดีโอในหมู่แฟนคลับได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีผู้ชมจำนวนมากเลือกชมเรื่องนี้เพราะดีโอ แต่เมื่อชมแล้ว แทบทุกคนกลับต้องอึ้ง ซึ้ง ประทับใจกับบทหนังควบคู่ไปด้วยกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ดีโอ EXO เผย หนึ่งในสิ่งที่ยากลำบากสำหรับเขามากที่สุด ในฐานะไอดอล
หนังเปิดเรื่องที่ห้องส่งรายการวิทยุซึ่งดีเจหนุ่มใหญ่กำลังจัดรายการเพลง และตอบจดหมายของแฟนๆผู้ฟัง แต่ต้องสะดุดกึกกับจดหมายฉบับหนึ่งจากจองซูอ๊ค ขอเพลงโปรดของเธอ Dust in the Wind จดหมายและสมุดโน้ตที่ส่งมานั้นทำให้ความหลังซึ่งยากจะลืมเลือนของเขา ผุดขึ้นมาให้รำลึกถึงอย่างสะเทือนอารมณ์อีกครั้ง
เรื่องราวในอดีตปี 1991 จึงเริ่มต้นเล่าเรียงออกมา ที่หมู่บ้านประมงบนเกาะห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่งในเมืองโกฮึง มีกลุ่มวัยรุ่นเพื่อนรัก 5 คน ประกอบด้วย ซูอ๊ก (รับบทโดย คิมโซฮยอน) บอมชิล (รับบทโดย โดคยองซู หรือ ดีโอ) ชานดอล (รับบทโดย ยอนจุนซอก) แกด๊อก (รับบทโดย อีเดวิด) และ กิลจา (รับบทโดย จูดายอง)
ซูอ๊ก สาวน้อยผู้ซึ่งเป็นศูนย์กลางความรัก ความห่วงใยของเพื่อนๆ เพราะว่าเธอป่วย มีปัญหากับขาข้างหนึ่ง ทำให้เธอต้องเดินลากขาข้างนั้นกระเผลกๆไปอย่างยากลำบากไม่ต่างจากคนพิการ พ่อของเธอต้องการให้เธออยู่กับบ้าน ไม่อนุญาตให้ข้ามทะเลไปโซลเพื่อเรียนต่อเหมือนเพื่อนๆทั้ง 4 คนของเธอ แต่กระนั้นเธอก็ยังมีฝัน อยากเป็นดีเจรายการวิทยุ ซึ่งเธอคิดมาดีแล้วว่าเป็นอาชีพที่เธอทำได้แม้จะขาพิการก็ตาม และเธอก็หลงใหลการฟังเพลง การร้องเพลงมาก
ช่วงเวลาที่เพื่อนๆปิดเทอม กลับมาเที่ยวบ้าน จึงเป็นเวลาแก้เหงาที่ดีที่สุดของซูอ๊ก เพราะเพื่อนๆมักจะดูแล ใส่ใจ พาซูอ๊คไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป ทำให้ได้ทุกอย่างที่ขอ รวมทั้งสัญญากันไว้ว่าจะรักกันไปตลอด และจะรวมตัวกันอีกให้ได้แม้ในวัยผู้ใหญ่ คือ 40
อย่างไรก็ตาม ซูอ๊กก็ยังรู้สึกตลอดเวลาว่าตนมีปมด้อย คิดหวังว่าอยากเดินได้เอง ไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องคอยแบกเธอขึ้นหลังไปไหนมาไหนตลอดเวลา แม้เพื่อนๆจะยินดีเซอร์วิซก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบอมซู เพราะเขาชอบซูอ๊ก พร้อมแบกตลอดเวลาแม้ไม่ได้ขอ แต่เขาขี้อายเกินกว่าจะสารภาพความในใจออกมา
เมื่อมีหมอหนุ่มมาจากโซลมาประจำศูนย์อนามัยบนเกาะ ซูอ๊กเต็มใจปันเวลาไปคลุกคลีอยู่กับหมอเนืองๆ ช่วยงานหมอตลอดแม้จะเป็นยามค่ำคืน เพราะเธอได้ความหวังจากหมอว่า สามารถไปผ่าตัดขาที่โซลให้หายได้ จึงอยากตอบแทนความใจดีของหมอ แต่ชาวบ้านทั่วไปกลับมองทั้งคู่ว่าเป็นการสนิทสนมเชิงชู้สาว ทำให้บอมชิลไม่พอใจ คอยหาโอกาสไปสกัดกั้นหมอตลอด
ที่แย่ไปกว่านั้น คือบอมชิลได้รู้ความจริงโดยบังเอิญว่าหมอโกหกซูอ๊ก หวังหลอกใช้งานเท่านั้น นอกจากไม่มีทางผ่าตัดขาซูอ๊กให้หายได้แล้ว ขาอีกข้างของเธอก็กำลังจะพิการตามไปด้วยในไม่ช้าอีกด้วย!!
ความผิดหวังที่ถาโถมใส่ซูอ๊กพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นความหลอกลวงของหมอ ขาที่ไม่มีวันหาย ซ้ำต้องพิการอีกข้าง ถูกชาวบ้านติฉินครหาเสียหาย เพื่อนก็ยังมองเธอผิดๆคล้อยตามไปด้วย ตอกหมุดซ้ำเข้าไปอีกว่าพ่อเองก็ต่อว่าเธอ ไม่เคยยอมเข้าใจอะไรเธอเลย ปิดกั้นทุกฝันของเธอตลอดเวลา เธอจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับชีวิต? เรื่องราวจะลงเอยเช่นไร และเหล่าเพื่อนๆจะยังรักษาคำสัญญาที่จะรวมตัวกันอีกครั้งในวัย 40 ได้หรือไม่? อย่าพลาดติดตามกันในภาพยนตร์นะคะ
สามารถรับชมซับไทยภาพยนตร์ Unforgettable ได้ที่ VIU
โดยรวม หนังเรื่องนี้มีส่วนผสมของความเฮฮาน่ารักเป็นธรรมชาติของชีวิตวัยรุ่นมันส์ๆ วัยสนุกกับการผจญภัย ท้าทายบ้าง แหกคอกบ้าง ร่วมทุกข์ร่วมสุขในทุกสถานการณ์ เป็นมิตรภาพที่ดูอบอุ่น ผสมกับความเศร้าบีบหัวใจหนักๆในช่วงครึ่งหลังของเรื่องจากชะตากรรมของซูอ๊ก ซึ่งผู้ชมทุกคนคงไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ เพราะถ้าดูจากโปสเตอร์หนัง ก็คงนึกภาพหนังรักสดใสซะมากกว่า
ดาราแต่ละคนก็แสดงได้ดีจนอินตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นช่วงชีวิตชนบทที่ต้องใช้สำเนียงท้องถิ่น หน้าดำแดดเกรียมกร้านสมกับเป็นชาวเกาะ เสื้อผ้าหน้าผมผสมแอคติ้งแต่ละคนเนียนดีจริงๆ หรือความอินในอารมณ์ของรุ่นใหญ่ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะ พัคยงอู ซึ่งแสดงเป็นดีเจฮยองจุน หรือบอมชิลในวัย 40 ร้องไห้ซะปริ่มว่าจะขาดใจ พาเอาผู้เขียนต้องน้ำตาแตกตามทันที
ซีนรักโรแมนติกมีนิดเดียว แต่ก็น่ารักมีเสน่ห์ดี เป็นฉากคิสผ่านร่มใส คงเพราะตัวจริงคิมโซฮยอนยังเด็กเกินกว่าจะถ่ายฉากคิสจริงจัง บทออกมาในรูปนี้ก็ถือว่าลงตัวดีค่ะ จริงๆแล้วแค่ฉากแบกซูอ๊คขึ้นหลังแต่ละครั้ง กลางโลเคชั่นงามๆตามธรรมชาติทิวทัศน์เกาะและทะเล ก็ดูอบอุ่นโรแมนติคดีนะ
ความดีงามของหนังเรื่องนี้อีกประเด็นอยู่ที่เพลง นอกจากเป็นเพลงที่ไพเราะจริงๆ ผู้ชมที่อยู่ในรุ่น ’70-’80 ก็จะอินมากขึ้นอีก สาระในเนื้อเพลงก็มีความหมายต่อบทหนัง และมีคุณค่าให้รีวิวถึงด้วย ผู้เขียนขอยกแค่เพลงหลักเพลงเดียวแล้วกัน คือ Dust in the Wind
เพลงนี้เป็นของวง Kansas แต่งขึ้นในปี 1977 ในอัลบั้ม Point of Know Return เนื้อเพลงว่าไว้ดังนี้
I close my eyes, only for a moment and the moment’s gone
All my dreams pass before my eyes, a curiosity
Dust in the wind, all they are is dust in the wind
Same old song, just a drop of water in an endless sea
All we do crumbles to the ground though we refuse to see
Dust in the wind, all we are is dust in the wind
Oh, ho, ho
Now, don’t hang on, nothing lasts forever but the earth and sky
It slips away, and all your money won’t another minute buy
Dust in the wind, all we are is dust in the wind
ความหมายของเพลง คือ
แค่หลับตาลงเพียงชั่วครู่เดียว ชั่วขณะนั้นก็จะผ่านไป
ทุกความฝันสามารถจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างอัศจรรย์
มันก็เพียงแค่เศษฝุ่นผงที่ปลิวไปในสายลม
เฉกเช่นเพลงเดิมๆ ประหนึ่งแค่หยดน้ำในทะเลกว้างที่ไร้จุดสิ้นสุด
ที่ทำได้ก็เพียงสลายไปกับดิน แม้ไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
จงอย่าติดยึด ไม่มีสิ่งใดจีรังเช่นผืนดินและท้องฟ้า
มันจะสลายจากไปโดยไม่สามารถยื้อได้ด้วยเงินแม้แต่เพียงนาทีเดียว
สรุปความ คือ สัจธรรมของชีวิต อย่ายึดติดสิ่งรอบกาย เมื่อตายทุกอย่างก็จะสลายไปหมด
ดังนั้น จงใช้ชีวิตให้ดีมีคุณค่า และทำสิ่งที่ควรทำในวันนี้ให้ดีที่สุด