นับเป็นซีรีส์เกาหลีอีกเรื่องที่ได้รับความคาดหวังจากแฟนๆคอซีรีส์นับตั้งแต่มีการประกาศว่าจะผลิตซีรีส์แนวนี้ออกมา สำหรับ “Kingdom” ซึ่งซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้เป็นผลงาน Original series ผลิตโดย Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งระดับโลกที่หันมาจับคอนเทนต์เกาหลีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่รอคอยกันมาสักพักใหญ่ ในที่สุดก็ใกล้เวลาที่ซีรีส์เรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว Korseries ได้มีโอกาสเดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ “Kingdom” ณ โรงแรม Intercontinental Seoul COEX กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา
บรรยากาศในงานแถลงข่าวได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นฉากหลังพระราชวังอันน่ากลัวที่เต็มไปด้วยซอมบี้รายล้อมอยู่เต็มไปหมด ซึ่งถือเป็นกิมมิคที่สร้างสีสันให้กับงานได้เป็นอย่างดี โดยทีมผู้จัดงานแถลงข่าวได้เผยว่าซอมบี้ที่มาในงานแถลงข่าวนั้นเป็นนักแสดงที่รับบทซอมบี้จริงๆในซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง การเคลื่อนไหวต่างๆ ที่สมจริงจนแทบวิ่งหนีเลยทีเดียว
ภายในงานนักแสดงนำ จูจีฮุน แบดูนา รยูซึงรยง รวมถึง ผู้กำกับคิมซองฮุน และ นักเขียนบทคิมอึนฮี ได้ร่วมพูดคุยถึงผลงานซีรีส์เรื่อง “Kingdom” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เกาหลีที่ทั่วโลกกำลังจับตามองอยู่ในขณะนี้เลยก็ว่าได้ โดยประเด็นสำคัญที่เหล่านักแสดงและทีมผู้สร้างได้พูดถึงภายในงาน มีดังต่อไปนี้
ต่อยอดจากประวัติศาสตร์จริง
จุดเริ่มต้นของซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบันทึกในประวัติศาสตร์ในรัชสมัยโชซอนที่ว่า “ในฤดูใบไม้ร่วง เกิดโรคแปลกประหลาดที่แพร่ระบาดมาจากทางตะวันตก และ 10 วันต่อมา ผู้คนนับหมื่นล้มตายลงในฮันยาง” ซึ่งประโยคดังกล่าวนี้เอง ทำให้ นักเขียนบทคิมอึนฮี ผู้ซึ่งช่ืนชอบดูซีรีส์หรือศึกษาประวัติศาสตร์อยู่แล้ว นำบันทึกนี้มาตีความออกมาเป็นเรื่องราวในซีรีส์ ที่นำเรื่องราวซอมบี้มาเกี่ยวข้องด้วย ยิ่งทำให้เรื่องราวดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น “ฉันชอบดูภาพยนตร์ซอมบี้ และก็เป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ ฉันเลยคิดว่าฉันอยากที่จะนำเรื่องราวซอมบี้ที่มีเรื่องราวน่าเศร้าและความโลภมาอยู่ในยุคโชซอนได้ มันจะสามารถถ่ายทอดความทุกข์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น รวมถึงสิ่งที่ฉันอยากจะเล่าออกไปได้ค่ะ” มีการเปิดเผยภายในงานว่าจริงๆแล้วนักเขียนบทคิมอึนฮีได้คิดคอนเซปต์ของเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2011 ก่อนที่จะมาเป็นรูปเป็นร่างในปัจจุบัน
ซอมบี้ คือ ตัวดำเนินเรื่อง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้นักแสดงที่หลายคนจดจำเวลาชมซีรีส์แต่ละเรื่อง คงจะหนีไม่พ้นแค่ตัวละครหลัก แต่ภายในงานผู้กำกับรวมถึงนักแสดงนำเองได้ให้ความสำคัญกับนักแสดงที่แสดงเป็นซอมบี้เป็นอย่างมาก โดย ผู้กำกับคิมซองฮุนเผยว่า “เราได้แยกเป็นทีม ABC ซึ่งใช้เวลาอยู่นานในการฝึกฝน” ทางด้าน รยูซึงรยง ยังกล่าวเสริมว่า “นักแสดงซอมบี้จะต้องแต่งหน้าแต่งตัวที่ไม่ค่อยสะดวกสบาย และต้องลำบาก การขยับเนื้อขยับตัวของเขาทำได้ละเอียดมาก ซึ่งผมขอชื่นชมนักแสดงซอมบี้เหล่านี้ครับ”
ไม่ได้มีแค่ซอมบี้
ซีรีส์เรื่องนี้นอกจากจะถ่ายทอดเรื่องราวความตื่นเต้น ลุ้นระทึกจากซอมบี้แล้ว ยังถ่ายทอดความเป็นจริงที่ยังคงเกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน นั่นก็คือ “การแย่งชิงอำนาจ ความโลภของมนุษย์” ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชาติ รวมไปถึงถ่ายทอดความอดอยากของประชาชน ได้อย่างน่าติดตามอีกด้วย ผู้กำกับคิมซองฮุน ได้ให้คำจำกัดความซีรีส์ Kingdom ว่า “เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทที่ต้องต่อสู้กับซอมบี้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากความโลภของมนุษย์ และความหิวโหยอย่างถึงที่สุด”
การรวมตัวของนักแสดงชั้นนำ
ไม่ใช่โอกาสง่ายๆที่เราจะมีโอกาสได้เห็นนักแสดงที่ขึ้นชื่อในฝีมือคุณภาพมารวมตัวกันอยู่ภายในเรื่องเดียวกัน ซึ่งพวกเขาต่างมีผลงานโดดเด่นที่เป็นที่ยอมรับมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะแบดูนา ที่เป็นนักแสดงที่โด่งดังในระดับสากล ยิ่งสร้างความคาดหวังให้กับแฟนๆได้เป็นอย่างดี
จูจีฮุน นักแสดงหนุ่มที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จากผลงาน อาทิ ภาพยนตร์ชุด “Along with the Gods” และ ภาพยนตร์ “Spy Gone North” จะรับบท อีชาง องค์ชายรัชทายาทที่ได้ไปค้นพบความจริงที่แสนจะเลวร้ายและสามารถเป็นภัยต่อทั้งแผ่นดินในระหว่างที่กำลังตามหาความจริงเกี่ยวกับโรคระบาดที่เกิดขึ้นในเมือง
รยูซึงรยง นักแสดงมากประสบการณ์ที่สร้างความตราตรึงในภาพยนตร์ “Miracle in Cell No.7” จะรับบท โจฮักจู ข้าหลวงในพระราชวังแต่กลับมีอำนาจเหนือราชวงศ์
แบดูนา นักแสดงสาวที่ครองใจแฟนๆทั้งในและต่างประเทศ จากผลงานภาพยนตร์ “Cloud Atlas” , “Jupiter Ascending” อีกทั้งยังร่วมแสดงในซีรีส์ของ Netflix เรื่อง “Sense8” จะรับบท ซอบี แพทย์สาวที่ร่วมกับองค์ชายในการสืบหาความจริงและที่มาที่ไปของโรคระบาดนี้
ฉีกกรอบซีรีส์เกาหลีที่เคยมีมา
ที่สำคัญซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงาน Original Series ที่ออกอากาศผ่านทาง Netflix อย่างเดียว โดยไม่ได้ออกอากาศผ่านช่องโทรทัศน์เหมือนซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่นๆ ฉะนั้นก็มีความแตกต่างเกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย นักเขียนบทคิมอึนฮี จึงได้เล่าว่าเนื้อหาภายในเรื่องนี้จะมีฉากที่ค่อนข้างรุนแรง โหดร้าย เกินกว่าที่จะออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ได้ ฉะนั้นการที่ฉายผ่านทาง Netflix จึงมีอิสระในการถ่ายทอดเรื่องราวอย่างเต็มที่ให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ได้มากกว่าเดิม
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries >> อย่าลืมไปกด Subscribe กันน้า