ณ หมู่บ้านริมเขาแห่งหนึ่ง เด็กนักเรียนซุกซน วัยอยากรู้อยากเห็น 4 คน หญิง 1 ชาย 3 หายตัวไปหลังชวนกันเดินป่าขึ้นเขา ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายต้องห้าม เพื่อไปแอบดูการระเบิดภูเขาสร้างอุโมงค์ เดินไปพลางก็เล่าเรื่องตำนานตกทอดจากปู่อย่างเพลิดเพลินเกี่ยวกับโลกที่หยุดนิ่งเพราะถูกกอบลินขโมยเวลาไป
ในถ้ำบนเขาที่พบโดยบังเอิญ สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้พากันมุดเข้าไปจนเจอหนองน้ำที่มีแสงประหลาด จึงดำลงไปเก็บไข่ยักษ์ลึกลับที่ก้นบ่อขึ้นมา กลุ่มเด็กชายอยู่ร่วมเหตุการณ์ทุบไข่แตก และทั้งสามก็ได้อันตรธานหายไปอย่างลึกลับ ทำให้เด็กหญิงซึ่งออกจากถ้ำทีหลัง ตามหาใครก็ไม่พบเลย
หลังการระเบิดภูเขา หัวหน้าทีมก่อสร้างอุโมงค์ซึ่งก็คือพ่อเลี้ยงของเด็กหญิง ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีเด็กหายไปบนเขา และอาจได้รับอันตรายจากงานระเบิดของเขา หน่วยกู้ภัยจึงออกตามหา แต่พบเพียงเด็กหญิงคนเดียว ต่อมาจึงค่อยพบศพเด็กชาย 1 คนอยู่นอกพื้นที่เขา และตามมาด้วยการพบเสื้อผ้าของเด็กชายคนที่ตายไปกับเสื้อผ้าของเพื่อนเด็กชายอีกคนถูกทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน จึงยังคงเหลือเพียงเด็กชายคนเดียวที่ไม่พบร่องรอยใดๆ ทั้งตัวหรือสิ่งของสักชิ้นเลย
ไม่กี่วันถัดมา เด็กหญิงพบชายหนุ่มแปลกหน้าวัยยี่สิบสภาพกระเซอะกระเซิงในป่า และอ้างว่าเขาคือ เด็กชายคนนั้น คือเพื่อนรักที่ยังหาตัวไม่พบ!!
เด็กหญิงจะยอมเชื่อเขาหรือไม่ ชาวบ้านจะยอมรับเรื่องพิศวงของเขาได้หรือไม่ เกิดอะไรขึ้นกับเขาและเพื่อนๆ เพราะอะไร และเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้อย่างไร คงต้องติดตามชมกันเองค่ะ
ชื่นชมคังดงวอนเล่นดีมากๆ อินเนอร์เด็กวัย 13 ฉายออกผ่านสายตาและสีหน้าในร่างผู้ใหญ่ มันเนียนมาก น้องชินอินซู (นางเอกวัยเด็กในซีรีส์ Legend of the Blue Sea) ก็เล่นได้เยี่ยม รับส่งบทกับคังดงวอนแบบอารมณ์ไม่มีสะดุดเลย
หนังเรื่องนี้ชวนให้สะดุดคิดนะว่า บ่อยครั้งที่เรานึกอยากหยุดหรือข้ามเวลาในสถานการณ์ที่เราไม่อยากเผชิญ แต่เราไม่เคยตระหนักถึงความจริงต่อจากนั้นเลย ว่ามันจะต้องมีความไม่สมดุล ที่ทำให้เราเจอทั้งสุขและทุกข์แบบคาดไม่ถึงตามมาด้วยกันจริงๆอย่างในหนังว่าเลยนะ
เกร็ดความรู้ : หนังเรื่องนี้ แฝงเรื่องราวจิตวิทยาเยอะอยู่ และที่หยิบมาอ้างอิงกันชัดๆ คือ Flow Theory ของ Mihaly Csikszentmihalyi คือภาวะจิตไหลลื่น เกิดเมื่อจิตจดจ่ออยู่กับความท้าทายและความพยายามที่จะดึงศักยภาพหรือทักษะของตนเองออกมาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้เกิดสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำจนลืมวันลืมเวลา เหมือนมีพลังทำได้ไหลลื่นต่อเนื่องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และทำอย่างปิติสุขด้วย
ที่พระเอกในเรื่องทนอยู่รอดมาได้เพียงคนเดียว ต่างจากเพื่อนๆ ก็เพราะใช้จิตวิทยานี้แหละ หลายๆคนคงเคยผ่านอาการนี้มาเหมือนกัน เช่น อาจเป็นภาวะที่กำลังตะบี้ตะบันดูหนัง/ซีรีส์เกาหลีข้ามวันข้ามคืนอย่างมีความสุขก็ได้นะ 555