ในปีนี้หากให้แนะนำซีรีส์สายโรแมนติกที่พระนางทำเสียอาการ เขิน ฟิน อินจนแทบวูบสักกเรื่องนึงแล้วละก็ ‘You Are My Glory ดุจดวงดาวเกียรติยศ’ คือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เราจะแนะนำให้ตามไปดูกัน เพราะจะไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอนกับ 32 ตอนที่ได้กดเข้าไปดู เป็น 32 ตอนที่เต็มอิ่มในทุกมิติ ไม่ว่าจะความสมบูรณ์ของบทที่พิมพ์อวยได้เป็นหน้ากระดาษ เคมีพระนางที่เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก เพลงประกอบที่เพราะจนหูเคลือบทอง ไปจนถึงงานภาพที่ไร้ที่ติ สามารถแคปเก็บได้เป็นคอลเลคชั่น สมกับเป็นเรื่องราวความรักที่พร่างพราวดุจดวงดาวเกียรติยศ
นอกจากนี้ You Are My Glory ยังเป็นซีรีส์ที่เปิดตัวแรงแซงทุกโค้ง กวาดทุกกระแสทั้งในจีนและทั่วโลกจนต้องยกนิ้วให้อีกด้วย เพราะหลังจากออกอากาศไปเพียง 4 ชั่วโมงก็ทำยอดวิวไปกว่า 100 ล้านวิว! (บนแพลตฟอร์มวีดีโอสตรีมมิ่งจีน) ไหนจะแตะ 500 ล้านวิวไปแบบสวย ๆ หลังออนแอร์ไปได้ 3 วัน และสามารถสัมผัส 1,000 ล้านวิวได้แบบนอนมาในเวลาเพียงแค่ 8 วันเท่านั้นอีก! เกินต้านมาก ๆ!!!!
You Are My Glory บอกเล่าเรื่องราวของ อวี๋ถู (รับบทโดย หยางหยาง) สถาปนิกอวกาศประจำองค์กรอวกาศจีน และ เฉียวจิงจิง (รับบทโดย ตี๋ลี่เร่อปา) ดาราสาวชื่อดังแห่งยุค ที่ทั้ง 2 เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันสมัยมัธยม ตั้งแต่สมัยเด็กอวี๋ถูก็เป็นเด็กเทพที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะคว้าที่ 1 มาได้เสมอ เขาเป็นเด็กหัวกะทิที่ใฝ่ฝันจะได้ทำงานด้านอวกาศตามรอยคุณลุง ซึ่งความเทพบวกกับความหล่อทำลายล้างของอวี๋ถูทำให้สาว ๆ ค่อนโรงเรียนตกหลุมรักเขา และนั่นก็รวมเฉียวจิงจิงเข้าไปด้วย แน่นอนว่าอนาคตซุปเปอร์สตาร์อย่างเธอนั้นสวยสง่ามาตั้งแต่เด็ก แต่ความสวยนี้กลับมัดใจอวี๋ถูไม่ได้สักที ไม่ว่าเฉียวจิงจิงจะพยายามเข้าหาอวี๋ถูเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล จนทำให้ทั้งเขาและเธอต่างห่างหาย แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเองหลังเรียนจบชั้นมัธยม
จนกระทั่งทั้งคู่ได้บังเอิญกลับมาเจอกันอีกครั้งในเกม Honor of Kings หรือ Rov ของบ้านเรา ในเรื่องนั้น จิงจิงเป็น Brand Ambassador ของเกม แต่ด้วยฝีมือการเล่นอันย่ำแย่ของเธอที่มีข่าวลือหลุดออกมาจากคลิปที่เธอเล่นเกม ก็ทำให้เกิดคำครหาไปทั่วว่าเธอเหมาะสมกับการเป็น Brand Ambassdor นี้จริงเหรอ? บริษัทเลยต้องให้เธอขึ้นแข่งโชว์ในแมตซ์บันเทิงเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง เฉียวจิงจิงจึงต้องฝึกฝนเล่นเกมอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นเทพในระยะเวลาอันสั้น และอวี๋ถูก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะมาช่วยฝึกเธอ เพราะเด็กเทพก็คือเด็กเทพ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็เทพไปหมด รวมทั้งฝีมือการเล่นเกมด้วย!! ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ทั้งเขาและเธอได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบ 10 ปี
*มีการกล่าวถึงเนื้อหาในเรื่อง*
เรื่องราวความรักที่ถูกบาลานซ์คู่ไปกับหน้าที่การงานได้อย่างลงตัว
แม้ซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นแนวรักโรแมนติก แต่ก็ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เรื่องราวความรักของพระนางอย่างเดียวจนดูยัดเยียด หรือสาดน้ำตาลเข้ามาโบ้ม ๆ โดยไม่สนใจบริบทอื่น แต่ You Are My Glory กลับค่อย ๆ เติมความหวาน ให้เราได้เห็นพัฒนาการความรักของอวี๋ถูและเฉียวจิงจิงอย่างช้า ๆ เรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญอย่างหน้าที่การงานก็ไม่ได้ถูกทิ้งไว้เป็นเพียงแบ็คกราวด์แต่อย่างใด อาชีพของทั้งคู่ถูกเล่าขานไปพร้อม ๆ กับความรักที่ค่อย ๆ เติบโตขึ้น ทุกอย่างเลยดูเป็นความรักที่เรียลมาก เป็นความรักที่ดูจับต้องได้แต่จะไม่รู้จะหาแบบนี้ที่ไหน555555555
หากพูดถึงพาร์ทของการทำงาน ตั้งแต่แรกเริ่ม สิ่งที่ทำให้อวี๋ถูและจิงจิงโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งก็คือ หน้าที่การงานของจิงจิง ครึ่งแรกของเรื่องจะเน้นไปที่การสอนเล่นเกม Rov ฉบับติวเข้มรวบรัด ตั้งแต่ทำความรู้จักตัวละครในเกมส์ การออกสกิล เทคนิคในการเล่น การฝึกซ้อมแบบเอาเป็นเอาตายเพื่อไต่แรงค์ เป็นการสอนเล่นเกมแบบจริงจังกันเกือบ 14 ตอนจนคิดว่า เห้ย หรือนี่จะเป็นซีรีส์อีสปอร์ตอีกเรื่องกันนะ!? ฉากแมตซ์การแข่งขันก็ทำออกมาดุเดือดและสนุกมาก นั่งลุ้นอย่างกับกำลังดู RoV Pro League อย่างไงอย่างงั้น
ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เราหลงรักตัวละครจิงจิงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เพราะมันทำให้เห็นว่า เธอให้เกียรติอาชีพของตัวเองมากขนาดไหน จริง ๆ เธอไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนี้ก็ได้ แค่หาข้อแก้ตัวสักอย่างก็น่าจะผ่านไปได้แล้ว แต่จิงจิงกลับคิดว่าเธอเป็นถึงตัวตนภาพลักษณ์ของเกม หากเล่นไม่เป็นเลยก็เท่ากับหลอกลวงผู้บริโภค และเธอจะต้องเป็นดาราที่ดีทั้งต่อหน้าและลับหลังแฟนคลับผู้สนับสนุนเธออยู่เสมอ ไม่ว่าจะงานอะไรที่เธอก็ควรจะพยายามทำให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
ในครึ่งแรก นอกจากเนื้อเรื่องจะทุ่มไปที่การฝึกซ้อมเกมของจิงจิงแล้ว ซีรีส์ยังฉายให้เราเห็นความสับสนในหน้าที่การงานของอวี๋ถูที่ ความฝันสวนทางกับความเป็นจริง เมื่อโตขึ้นจึงได้รู้ว่า ความสำเร็จกลับไม่ได้วัดกันที่ผลการเรียน แต่กลับวัดกันที่จำนวนเงินที่หาได้ในแต่ละเดือน อาชีพของอวี๋ถูใช่ว่าจะได้เงินเดือนน้อย แต่เมื่อเทียบกับความสามารถที่ล้นทะลักของเขาแล้ว เม็ดเงินที่ได้กลับไม่สามารถเทียบกับเพื่อน ๆ ที่ทำงานในสายงานอื่นได้เลย ในขณะเดียวกัน สิ่งที่มาทดแทนช่องว่างเม็ดเงินที่หายไปคือหน้าตาทางสังคมที่ถูกยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ทำเพื่อชาติ เป็นบุคลากรชั้นเยี่ยมของประเทศ แล้วอะไรคือสิ่งที่อวี๋ถูควรเลือกในวัยย่าง 30 ปีนี้แบบนี้กันล่ะ ?
เมื่อผ่านมรสุมทั้งหลายไปแล้ว เนื้อเรื่องก็เข้าสู่พาร์ทหลังซึ่งเน้นไปที่การแยกกันทำหน้าที่ของทั้งคู่ โลกของเธอ โลกของฉัน และโลกของเรา คือคำบรรยายการใช้ชีวิตคู่ของคู่นี้ได้ดีที่สุด หน้าที่การงานของทั้งคู่เป็นสิ่งที่มักจะทำให้พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน จิงจิงต้องออกกอง อวี๋ถูต้องออกฐานเข้าศูนย์วิจัย แต่เมื่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ พวกเขาก็พร้อมจะทำการเติมความรักให้กันและกันจนน้ำตาลต้องอาย พูดได้เลยว่าความรักของพวกเขาไม่ได้จืดจางลงไปตามระยะทางหรือระยะเวลาที่ต้องห่างกันเลย
การพยายามทำความเข้าใจหน้าที่การงานของกันและกัน การพร้อมซัพพอร์ตความฝันและความต้องการของคนที่ตัวเองรัก การค่อย ๆ ซึมซับเอาความรักเข้าหัวใจทีละน้อย การวางตัวที่ดีเพื่อรักษาหน้าตาของอีกฝ่าย และการกระทำอีกหลายอย่างที่ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของคู่รักคู่นี้ออกมาได้อย่างลงตัวจริง ๆ
Healthy Relationship ความสัมพันธ์ที่สุดยอดของความดีต่อใจ
ปกติแล้วจะหาซีรีส์ที่ทำเอาเป็นบ้าเป็นหลัง เขินฟินบิดเป็นเลขแปดได้นี่ยากมาก แต่กับเรื่องนี้คือ อิน! มาก! ระดับมากมากกกกกกกก แค่เขามองตากัน ฉันก็เคลิ้มแบบกู่ไม่กลับแล้ว!
ความรักของทั้งคู่คือความรักที่ค่อย ๆ ซึมลึกเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน เริ่มต้นจากเป็นเพื่อน เป็นแฟน จนแต่งงาน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องคือความเรียลขั้นสูงสุด ไม่ต้องมีนางร้ายหรืออุปสรรคใหญ่โต เพียงแค่ชีวิตรักที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็สร้างอิมแพ็คกับคนดูได้แล้ว การกระทำอย่างคอยมาหากันเพื่อสอนเกมส์ ซื้ออาหารมาให้จนผู้ช่วยหมดหน้าที่ พอรู้ว่ารักก็เดินหน้าเต็มที่ เมื่อทำเธองอนก็ง้อแบบรัว ๆ เมื่อรักกันแล้วหน้าที่การงานก็ไม่บกพร่อง เติมความรักให้กันอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการเข้าหาคนรอบตัวในโลกของคนรักก็เป็นไปอย่างธรรมชาติ การคิดถึงกันในทุกการตัดสินใจนี่ สุดแสนจะเรียลเกินไปจริง ๆ!
ลากยาวไปถึงการปรับตัวเข้าหากันให้เหมาะกับหน้าที่การงานของคนรัก จิงจิงในฐานะดารา จำเป็นต้องเก็บทุกอย่างเกี่ยวกับหน้าที่การงานของอวี๋ถูให้เป็นส่วนตัวมากที่สุด และอวี๋ถู เมื่อมีแฟนเป็นดาราก็พร้อมจะคิดหาทางใช้ความฉลาดและความรู้ของตัวเองสนับสนุนอีกคน ไม่ว่าจะไปติดเน็ตให้ที่กองถ่ายกลางทะเลทราย หรือการช่วยคนเขียนบทแก้บทเกี่ยวกับอวกาศให้สมจริงมากขึ้น เป็นการสนับสนุนอีกคนในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องพยายาม อีกทั้งการต้องทำงานห่างกันก็ไม่ได้เป็นปัญหาของคู่นี้เลย เพราะสิ่งที่ทั้งคู่มีคือ ‘ความเชื่อใจ’ และ ‘การให้เกียรติ’ คู่ชีวิตของตัวเอง ภรรยาของฉันดีที่สุด สามีของฉันก็ดีที่สุดเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเพราะเคมีที่แสนจะเข้ากันบวกกับทักษะการแสดงขั้นเทพของ หยางหยาง และ เร่อปา ด้วยหรือเปล่า คือมันดูจริงทุกอิริยาบทที่ทั้งคู่ทำต่อกันเลย ทั้งการหยอกล้อ ฉากเลิฟซีน ฉากมองกัน การสกินชิพเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกอย่างมันธรรมชาติไปหมด นักแสดงเก่งมากจริงนะ ทำเราอินได้ขนาดนี้ บอกเลยว่านี่คือตัวอย่างความสัมพันธ์ที่ไม่ว่าใครก็อยากได้ เพราะ Healthy จนใจฟูไปหมด
เปิดโลกอาชีพ ‘สถาปนิกอวกาศ’ ที่ไม่เคยเห็นในซีรีส์เรื่องไหนมาก่อน
อันนี้เปิดโลกจริงไม่จกตาทุกคน 5555 ดูแล้วรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองดาวเทียมของอวี๋ถู รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยจรวดลำแรกของจีน รู้สึกตื้นตันและดีใจไปกับตัวละครจริง ๆ ที่สามารถทำมันออกมาได้สำเร็จ เพราะเราเห็นว่าตัวละครนั้นเหน็ดเหนื่อยและทุ่มเทแรงกาย แรงใจลงไปมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ ถือเป็นการโปรโมทหน่วยงานระดับชาติทางอ้อมผ่านซีรีส์ได้ดีมาก แถมยังได้ประกาศความยิ่งใหญ่และแสดงให้เห็นแสงยานุภาพทางด้านอวกาศของจีนอีกด้วย จบเรื่องนี้ไปแล้ว มันต้องมีเด็กที่อยากจะทำงานด้านอวกาศมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ
องค์ประกอบศิลป์สุดปัง ที่ดูก็รู้ว่าทุ่มทุนสร้าง!
งานภาพจัดเต็มที่ไม่ว่าจะมุมสูง มุมต่ำ มุมกว้าง ทุกมุมสวยขาดกินเรียบรอบวง คอสตูมลงตัวแบบคิดมาแล้วว่าสวยทุกชุด ขนาดชุดนอนยังดูดีดูเสริมนักแสดงเลย การจัดสถานที่เองก็ต้องร้อง โอ้ย! สวยมาก! ในทุกที่ไม่ว่าจะเพนท์เฮ้าส์หรูของจิงจิง คอนโดของอวี๋ถู สถานที่ทำงานของอวี๋ถู ทั้งห้องวิจัย ห้องประชุม ห้องควบคุมสังเกตุการณ์ กองถ่ายกลางทะเลทรายของจิงจิง งานแต่งของทั้งคู่ และอีกหลายสิบสถานที่ซึ่งก็ดีทุกที่ ไหนจะงานภาพ CG ภาพกราฟฟิค อนิเมชั่นต่าง ๆ ที่ทำออกมาได้เนียนกริบ ในครึ่งแรกเราจะเห็นอะไรพวกนี้เยอะที่สุดเพราะมันเป็นตัวช่วยในการอธิบายการสอนเล่นเกมที่อวี๋ถูสอนจิงจิง ทำให้ตัวคนดูเองก็เข้าใจมากขึ้นด้วย ซึ่งทำออกมาได้ดีมาก น้ำตาจะไหล อธิบายเกมเห็นภาพมากถึงขนาดดูจบต้องไปโหลดมาเล่นจนกลายเป็นคนติดเกมไปเลย 555555555
นอกจากนี้เพลงธีมหลักอย่างเพลง ‘Fireworks and Stars’ ที่ร้องโดย หลิวอวี่หนิง (Liu Yu Ning) และเพลง ‘Time Monologue’ ที่ร้องโดย สวีเจียอิ๋ง (Xu Jia ying) ก็เพราะมากกก ซีรีส์เรื่องนี้มันต้องดีทุกอย่างขนาดนี้เลยไหมไหนตอบบ!!!
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
Source Pictures : WeTV