Woman of Dignity ซีรีส์ความยาว 20 ตอน ออกอากาศทางช่อง JTBC เป็นผลงานของนักเขียน แบคมีคยอง เจ้าของผลงาน Strong Woman Do Bong Soon (2017) และ My Love Eundong (2015) และผลงานกำกับของ คิมยอนชอล เจ้าของผลงาน My Name Is Kim Sam Soon (2005) ที่โด่งดัง
ซีรีส์เรื่องนี้เปิดตัวอีพีแรก ด้วยเรตติ้ง 2% ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของช่องเคเบิ้ล แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถไต่ขึ้นเรื่อยๆจนตอนสุดท้ายปิดตัวด้วยเรตติ้ง 12% ซึ่งถือว่าเป็นซีรีส์ที่ทำเรตติ้งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของช่อง JTBC เดิมมี Strong Woman Do Bong Soon (2017) เคยทำไว้ที่ 9.6% เป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งมาก เพราะแม้แต่ซีรีส์ช่องหลักในช่วงหลังๆมานี้ ยังได้กันไม่ถึงเลย!! ฮอตขนาดนี้ มาทำความรู้จักกับเรื่องนี้กันค่ะ!
Woman Of Dignity … เรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่มีชีวิตต่างกัน ต้องมาดำเนินชีวิตด้วยกันในสังคมไฮโซ ที่เต็มไปด้วยความอยากดีอยากเด่น ความจอมปลอม ความสุขหลอก ๆ ที่สร้างขึ้นมาฉาบหน้าและความโลภในทรัพย์สมบัติที่ไม่รู้จักพอ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น
ตัวละครหลัก หัวใจของซีรีส์เรื่องนี้ คือ ผู้หญิง 2 คน ซึ่งมีพื้นฐานครอบครัว นิสัย และสถานะที่แตกต่างกันสุดขั้ว
อูอาจิน (รับบทโดย คิมฮีซอน) ไฮโซสาว ลูกสะใภ้ในตระกูลเศรษฐี เจ้าของกิจการกระดาษชำระ เธอมีความมั่นใจเด็ดเดี่ยว สวยสง่า ฉลาด เก่ง วาทศิลป์ดี มีครอบครัวที่สมบูรณ์ เธอได้รับความไว้วางใจเป็นคนตัดสินใจเรื่องสำคัญๆของบ้าน ทั้งๆที่เธอเป็นเพียงสะใภ้เล็ก และมีส่วนสำคัญในการทำให้กิจการของครอบครัวสามีให้ดีขึ้นด้วยคอนเนคชั่นและความชาญฉลาดของเธอเอง แต่แล้ววันหนึ่งสามีของเธอก็นอกใจ ซึ่งกลายเป็นชนวนทำให้ครอบครัวแตกร้าว และเธอเป็นคนพาสาวใช้คนใหม่เข้ามาเป็นคนดูแลพ่อสามี ซึ่งเป็นสาเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้น
พัคบ๊กจา (รับบทโดย คิมซอนอา) สาวโลโซ เด็กกำพร้าที่มีชีวิตทุกข์ยากดิ้นรนจากความจน ทะเยอทะยานและอยากยกระดับตัวเองสู่สังคมไฮโซ เธอทำงานมาหลายอย่างและเคยติดคุกคดีฉ้อโกง เธอวางแผนที่จะเข้าไปในบ้านเศรษฐีที่ วูอาจิน อาศัยอยู่โดยได้ข้อมูลผ่านเพื่อนซึ่งทำงานเป็นเทรนเนอร์ในยิมที่ ท่านประธาน อันแทดง พ่อสามีของ วูอาจิน ทำกายภาพบำบัดอยู่ เธอเริ่มโดยการสมัครเป็นคนดูแลของท่านประธานและใช้เล่ห์กลต่าง ๆ ไต่เต้าจนได้เป็นคุณผู้หญิงประจำบ้านนี้ในเวลาไม่นาน
เมื่อ พัคบ๊กจา ถูก อูอาจิน จ้างเข้ามาทำหน้าที่คนดูแลพยาบาลพ่อสามีที่ป่วยเดินไม่ได้ จึงเกิดเป็นเรื่องราวดราม่าน้ำเน่าเส้นเรื่องแรก ‘สาวใช้ต้อยต่ำ แต่สูงมายาจริต คิดไต่เต้าทางลัด สลัดสถานะจากผู้ดูแลเป็นคุณนายใหญ่ของบ้าน’ ต้องตามดูความแสบ และเล่ห์เหลี่ยมของเธอ ว่าจะสร้างศัตรูรอบตัวได้ขนาดไหน และจะเป็นอันตรายกับครอบครัวนี้อย่างไรบ้าง
ดราม่าน้ำเน่าเส้นเรื่องที่ 2 มาเมื่ออูอาจินจับได้ ว่า‘สามีมีชู้’ แถมชู้ก็เป็นคนใกล้ตัวที่เธอเอ็นดูไว้วางใจ ความกร่างหน้าทนของนาง ผสมความดื้อด้านเห็นแก่ตัวของสามี สร้างความน่าผิดหวังและเจ็บใจยิ่งนัก ชีวิตที่สมบูรณ์มีเกียรติสง่างามของเธอกำลังถูกทำให้ด่างพร้อย แล้วเธอจะตัดสินใจทำอย่างไรกับชีวิตดี
สมทบต่อด้วยดราม่าน้ำเน่าเส้นเรื่องที่ 3 เพื่อนๆแม่บ้านไฮโซหรูย่านคังนัมของอูอาจิน แต่ละคนนั้น‘ดูดีแต่เปลือก ไส้ในทั้งเศร้าและเน่าเละเทะดั่งนิยาย’ เช่น สามีมีชู้ สามีซ้อม ตัวเองมีกิ๊กหนุ่ม เพื่อนหักหลังเป็นชู้กับสามี ชวนติดตามค่ะว่าแต่ละคนจะมีวิธีจัดการปัญหาของตนอย่างไร
สังคมคนรวยย่านคังนัม มีความลับในบ้านมากมาย ยั่วยวนขี้ปากเหล่าคนรับใช้ จึงเป็นที่มาของดราม่าน้ำเน่าเส้นเรื่องที่ 4 ‘ชุมนุมคนใช้ขี้เม้าท์ลับหลังเจ้านาย’ พวกเขารวมตัวกันเป็นกิจวัตรที่บ้านของแม่ครัวตัวแสบ ที่ขายอาหารสูตรลับรสเลิศให้เหล่าบ้านไฮโซ กอบโกยเงินทองมากมาย เพราะเป็นธุรกิจโฮมเมด ไม่ต้องจ่ายภาษีธุรกิจ แต่ก็ยังโลภไม่พอ คิดหาเงินเพิ่มจากขี้ปากคนใช้อีก ด้วยวิธีอย่างไร ต้องตามไปชม ว่าชีวิตและธุรกิจเธอจะไปรอดด้วยดีหรือไม่ และแค่เรื่องเม้าท์ๆจะพาบ้านช่องคนเขาวินาศได้อย่างไร
และดราม่าน้ำเน่าสุดท้าย คือ‘แย่งมรดกสมบัติ’ เมื่อพัคบ๊กจาใช้เล่ห์กลโกงยึดธุรกิจ และสมบัติของครอบครัวไปหมด เหล่าลูกๆผู้สนใจแต่ทรัพย์สิน เพราะห่วงแต่ตนเอง ไม่สนใจชีวิตพ่อเลย มหกรรมกิเลส ความโลภ ความเห็นแก่ตัว มารวมกันให้ชมหมดเลย
เห็นไหมคะว่าถึงแม้จะน้ำเน่า แต่ขอบอกว่าเป็นน้ำเน่าที่ ‘มีชั้นเชิง’ จริงๆ เพราะ คนเขียนบทเก่งมากในการใช้วิธีเล่าแบบเรียลๆ แต่มีเสน่ห์ ชวนติดตาม สนุกสนานมาก เพราะ มีหลายอรรถรส ฮาขำ ซึ้งเศร้า แสบแดกดัน จิกกัดเจ็บๆคันๆ ลุ้นตื่นเต้น หวานๆก็มีนิดๆ สามารถชวนให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมได้ดี ลีลาของหนังก็ดูดี มีเทสต์ มีสไตล์ สมจริตกับการตีแผ่ชีวิตไฮโซ คือ ทั้ง ‘จัดจ้าน’ และ ‘สวยงาม’
ความเร้าใจ ชวนติดตาม ยังหาได้จากปมฆาตกรรมที่เขาหยอดไว้ตั้งแต่เปิดเรื่อง พัคบ๊กจา ถูกใครฆ่า? เพราะเรื่องราวต่างๆที่เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ชมตลอด 20 อีพี จะเห็นวีรกรรมแสบของนาง ที่ชวนให้เชื่อได้ว่า คนรอบข้างทุกคนที่เจ็บแค้น มีโอกาสกลายเป็นผู้ต้องสงสัยได้หมด ผู้ชมจะเพลิดเพลินกับการคาดเดาตัวฆาตกรไปจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องเลยทีเดียว
บทสรุปของ ประเด็น ‘Dignity : ความมีเกียรติสง่างาม’ ตามชื่อเรื่องนั้น แท้จริงแล้ว คืออะไร วัดได้จากอะไร จะแสวงหามาประดับตัวได้ไหม และจะรักษามันไว้อย่างไร ‘อูอาจิน ผู้ครอบครองอยู่’ และ ‘พัคบ๊คจา ผู้ไขว่คว้า’ จะให้คำตอบเราได้ดีเลย
ต้องขอปรบมือชื่นชม ฝีมือนักแสดงทุกๆคน ทำหน้าที่บทของตนเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชวนให้ผู้ชมคล้อยตามอารมณ์หลากหลายที่ไหลไปตามบทได้ดีมาก ถึงขั้นว่าผู้ชมบางคนอยากลุกเข้าไปช่วยตบ ปาทุเรียน หรือบีบคอ ประมาณนั้นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คิมซอนอา ที่ตีบทแตกสุดๆ บิ้วท์ได้ทั้งความน่าสงสัย หมั่นไส้ โกรธเกลียด น่าเวทนา และ คิมฮีซอน ที่ตีบทแตกในความสง่างามทั้งภายนอก และภายใน แต่คงความเรียลๆของชีวิตนะ ไม่ fake เกินไป นับว่าเป็นการมาเจอกันของตัวแม่ทั้ง 2 คน ซึ่งควรค่าแก่การรับชมอย่างยิ่งจริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีม้ามืดอีกคนหนึ่งที่ปล่อยของเยอะสุด ๆ ในเรื่องนี้คือน้อง อีแชมี รับบทเป็นลูกสาวของ อูอาจิน น้องแสดงได้ธรรมชาติจนเหมือนไม่ใช่การแสดง ในอนาคตคงจะได้มีโอกาสเห็นดาวดวงน้อยๆคนนี้เฉิดฉาย เปล่งประกายในวงการบันเทิงแน่นอน
ไม่น่าเชื่อว่า ‘น้ำเน่า’ กลายเป็น ‘น้ำดี’ ด้วยบทละครที่คมคาย ความหมายลึกซึ้ง สะท้อนข้อคิดชีวิตดีๆมากมายตลอดเรื่อง เป็นความน่าสนใจที่โดดเด่นอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ยกตัวอย่างเช่น
- การอยู่กับช่วงเวลาที่ยากลำบากและวุ่นวายที่สุดในชีวิต จะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดเพื่อผ่านพ้นความเจ็บปวดให้ได้
- เรามักกังวลว่าจะไม่มีความสุขในขณะที่เรายังมีความสุขอยู่
- คนเรามักใช้ชีวิตเพื่ออะไรบางอย่างที่เราไม่มี
- เรามักละเลยคนอื่น แต่ก็สนใจพวกเขาในมุมแค่เพื่อจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบอยู่เสมอ
- คนเราชอบให้คะแนนชีวิตด้วย ‘ความสุข’ หรือ ‘ไม่มีความสุข’
ซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงอย่างหนึ่งว่า ในสังคมที่เราต้องพยายามสร้างตัวตนให้ไม่หลุดออกไปจากวงโคจร ความจริงบางอย่างมันถูกเก็บไว้เป็นความลับเพื่อความดูดีดูสะอาดในสายตาคนอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือตัวตนที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดตัวตนจริงอีกที
ตัวอย่างชัด ๆ เลยคือแกงค์ อูอาจิน 4 สาวที่จะต้องนัดกันเม้ามอยตามประสาสมาคมแม่บ้านไฮโซทุกอาทิตย์ แต่เรื่องที่เล่าสู่กันฟังคือเรื่องคนอื่นล้วน ๆ เรื่องของตัวเองนี่เก็บไว้ลึกสุดใจ พอคนไหนเดินเข้าห้องน้ำ คนนั้นจะตกเป็นประเด็นการพูดถึงทันที แล้วความจริงและตัวตนจริง ๆ อยู่ที่ไหน ก็คือตัวตนตอนที่พูดถึงคนอื่นอยู่นั่นแหล่ะ มันสะท้อนความเป็นตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครปิดบังตัวตนที่แท้จริงได้มิดชิด 100% แน่นอน มันจะหลุดออกมาถ้าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ใช่ตัวเราจริง ๆ ดังเช่นที่ท่านประธานฮันกล่าวไว้ในตอนที่ 2
ในโลกนี้ไม่มีการโกหกที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับที่ไม่มีความจริง 100%
พัคบ๊กจา เป็นตัวละครที่มีความทะเยอะทะยานสูงมาก อยากรวยอยากสวยอยากไฮโซ อยากไปหมดทุกอย่าง เมื่อถึงวันที่เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการแล้ว เธอกลับไม่มีความสุขเลย ในขณะที่ อูอาจิน หย่ากับสามีแล้วและครอบครัวแตกร้าว แต่เธอกลับมีความสุขมาก ๆ เพราะเธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่ต้องยึดติดกับอะไรใด ๆ หันมาลองทบทวนกับตัวเอง ทุกวันนี้เราอยากได้โน่นอยากได้นี่ตลอดเวลา อยากได้กระเป๋าใบนั้นจังเลย พอได้มาใช้ซักพักเบื่อแล้ว อันนี้คือความสุขที่แท้จริงรึเปล่า บางทีในชีวิตคนเราต้องผ่านเรื่องทุกข์มาบ้างเพื่อให้เรารู้ว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง ดังคำกล่างที่ อูอาจิน กล่าวไว้ในตอนสุดท้าย
คนบางคนเกลียดแสงอาทิตย์ตอนเช้า เพราะมันแยงตาไม่อยากตื่นนอน แต่ฉันรู้สึกขอบคุณแสงอาทิตย์ที่ทำให้ฉันได้เริ่มต้นเช้าวันใหม่อีกครั้ง
บทสรุปสุดท้ายจบลงที่การตายของ พัคบ๊กจา คนที่ผิดไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือตัวเธอเอง การดำเนินชีวิตที่เปรียบเทียบจากคนอื่นแล้วนำมาเป็นบรรทัดฐานในใจแล้วนั้น ความสุขที่แท้จริงมันก็จะหายไป เพราะเราเอาตัวเองไปผูกไว้กับคนอื่นไว้กับสังคมไว้กับหน้าตาไว้กับความต้องดูดีในสายตาคนอื่น …. ซีรีส์ที่สะท้อนจิตใจความมืดมนของมนุษย์ได้อย่างน่าตกใจ แทบจะทุกซีนที่เราสามารถมองกลับมาที่ตัวเราเองแล้วคิดตามได้ สนุกและมันส์อย่างต่อเนื่อง ตลกมุขร้าย ๆ ที่แทงใจดำหลาย ๆ คน นี่คือสาเหตุที่ทำให้ Woman Of Dignity ครองตำแหน่งซีรีส์ที่มีเรตติ้งสูงสุดตลอดกาลอันดับหนึ่งของช่อง JTBC ณ ขณะนี้ โดยที่ไม่ต้องจ้างพระเอกหล่อ ๆ มาล่อตาล่อใจเลยค่ะ ..ไม่มีเหตุผลไหนที่คุณควรจะพลาดซีรีส์คุณภาพแบบนี้ไปอย่างแน่นอนค่ะ ^^
เกร็ดความรู้ ผสมการวิเคราะห์ตีความของผู้เขียนเอง ถ้าผิดพลาดใด ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ
- ซีนเปิดเรื่องยิงประเด็นไปที่ พัคบ๊กจา โดนฆาตกรรมและใครคือฆาตกร โดยเสียงที่ใช้เล่าเรื่องคือตัว พัคบ๊กจา เองโดยเล่าในตอนที่เธอตายแล้ว และ อูอาจิน เป็นสะไภ้แม่บ้านไฮโซ มีเพื่อนร่วมแกงค์อีก 4 คนมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่วุ่นวายและความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้แต่ก็รู้กันไปทั่วอยู่ดี สองจุดนี้ทำให้หวนนึกถึงตอนดู Desperate Housewives ซีรี่ส์อเมริกาที่ดังมาก เรื่องราวของสมาคมแม่บ้านที่มีความลับของแต่ละครอบครัวแต่ไป ๆ มา ๆ ก็รู้กันหมดอยู่ดี ซีนเปิดตัวตอนแรกก็มีตัวละครสาวคนหนึ่งเสียชีวิตจากการฆาตกรรมและเธอคนนั้นเป็นเสียงเล่าเรื่องไปจนจบ และเรื่องราววุ่นวายของ 4 สาวภรรยาในบ้านคนมีเงินละแวกเดียวกัน ในตอนแรกใจแอบคิดอยู่ว่าเนื้อเรื่องจะคล้ายกันแน่นอน หลังจากที่ดูจบแล้วมันมีกลิ่นอายอยู่จาง ๆ มาเป็นระยะ ๆ แต่โดยรวมแล้วมันก็คนละเรื่องอยู่ดี Woman Of Dignity ถ่ายทอดเรื่องราวความลับสาธารณะนี้ได้เข้าถึงใจคนเอเชียมากกว่า ด้วยปัจจัยทางด้านความต่างของวัฒนธรรมและการดำเนินชีวิต ซึ่งในเอเชียจำเป็นต้องมีตัวละครแบบ อูอาจิน เอาไว้ผดุงความยุติธรรม ถึงแม้ในชีวิตจริงคนแบบนี้จะหายากมากหน่อยก็ตาม
- ในเรื่องจะมีการเอ่ยถึงชื่อ Matisse และ Kandinsky อยู่หลายครั้ง ผู้เขียนเกิดความสงสัยเลยไปค้นข้อมูลมาประกอบการชมให้ได้ลึกซึ้งขึ้น
Matisse คือ อองรี มาติส เป็นจิตรกร ประติมากร ช่างพิมพ์ ชาวฝรั่งเศส มีชื่อเสียงในงานสไตล์ คติโฟวิสต์ (Fauvism) เป็นศิลปะยุคใหม่ในสมัยนั้นที่ฉีกกรอบเพราะ รุนแรง ดุดัน ด้วยแนวคิดว่า วาดด้วยสัญชาตญาณการแสดงออก ไม่ใช่แค่ที่ตาเห็น ไม่ต้องอิงธรรมชาติเท่านั้น
Kandinsky คือ จิตรกรชาวเยอรมัน เชื้อสายรัสเซีย บิดาแห่งงานสไตล์ Abstract expressionism เพราะงานของเขาเป็นแนวนวศิลป์ (Art Nouveau) กับแนวคิดที่ฉีกกรอบเช่นกันว่า วาดออกมาจากใจ เขาเชื่อว่า ธรรมชาติกับศิลปะเป็นคนละเรื่องกัน งานเขาจึงเป็นรูปนามธรรมที่ใช้สีสันที่มีพลัง แนวจัดจ้าน เน้นอารมณ์ตื่นเต้น จนได้ชื่อเสียงว่าเป็นจิตรกรผู้เห็นเสียงและได้ยินสี (สมัยฮิตเลอร์ ซึ่งไม่ชอบงานเขา ได้เผางานทิ้งไปเยอะ น่าเศร้า)
เข้าใจว่าคนเขียนบทคงไม่ได้ต้องการใช้งานศิลป์คลาสสิคชั้นสูงเป็นแค่สัญลักษณ์สื่อความไฮโซเท่านั้น แต่คงต้องการนัยอีกขั้นของแก่นความคิดในเรื่อง ความสวยงามที่เกิดจากการแหกกรอบ การใช้สัญชาตญาณเป็นที่ตั้งของการก่อกำเนิดความสวยงาม
ในอีพีแรกๆ ที่เอ่ยถึง Matisse และ Kandinsky คงต้องการสะท้อนให้เห็นถึง พัคบ๊กจา ที่คิดใช้สัญชาตญาณอันแรงกล้าแหกกรอบสถานะของตน ตะกายปีนขึ้นชนชั้นไฮโซ เพื่อให้ชีวิตสวยงามดั่งอูอาจิน role model ในใจเธอ (ออกจะค่อนไปทางโทนดาร์คมากกว่าสร้างสรรค์นะ)
แต่ในอีพี 16 ได้อิง Matisse และ Kandinsky อีกครั้ง จากบทพูดของอูอาจินเอง คาดว่าคงเป็นอีกขั้นที่เหนือชั้นกว่าพัคบ๊กจา หรือ อาจเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่า อูอาจินก็ต้องใช้พลังสัญชาตญาณออกมา (แบบค่อนข้างแหกกรอบ นอกมาตรฐานที่ชาวบ้านเขาทำกัน) เพื่อจัดการปัญหารอบตัวเพื่อรักษาเกียรติความสง่างามของชีวิตเธออีกครั้งเช่นกัน
Teaser :
https://www.youtube.com/watch?v=bEA9eTf8Ydk
https://www.youtube.com/watch?v=1ozLY61JVwE
https://www.youtube.com/watch?v=ycQS_NuPrM8
บทความนี้เป็นการร่วมกันของไรเตอร์ warumanu กับ thebagseller เนื่องจากทั้งคู่ใจตรงกัน และเขียนรีวิวชนกันพอดี555555 แม้แต่ไรเตอร์ยังใจตรงกันที่จะรีวิวขนาดนี้ Korseries ขอการันตีอีก 1 เสียงว่า เรื่องนี้ควรดูอย่างยิ่งค่ะ ทุกคนจงไปจัด!!