ซีรีส์แนวแฟนตาซี “The Light in Your Eyes” ที่เพิ่งจบไปสดๆร้อนๆทางช่อง JTBC ซึ่งดูเหมือนว่ากระแสตอบรับบนโลกออนไลน์จะค่อนข้างเป็นไปในหลากหลายทิศทางมากๆ อย่างไรก็ตามในฐานะหนึ่งในคนที่ได้ชมครบทุกตอนแล้วจะขออาสารีวิวซีรีส์เรื่องนี้ให้ได้เห็นในอีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจไว้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกรับชมกันนะคะ
ซีรีส์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวลำดับชีวิตที่ไม่ค่อยเรียงลำดับสักเท่าไหร่ของ คิมฮเยจา (รับบทโดย ฮันจีมิน / คิมฮเยจา) สาวธรรมดาที่มีแม่เป็นเจ้าของร้านทำผมและพ่อเป็นคนขับรถแท็กซี่ ส่วนพี่ชาย คิมมยองซู (รับบทโดย ซนโฮจุน) ก็แสนจะขี้เกียจ เกรอะกรัง ซกมก ไร้ซึ่งสาระ และทุกอย่างที่เป็นต้นแบบของชายที่ไม่อยู่ในเป้าหมายของสาวโสด คิมฮเยจา ฝันอยากทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวแต่ก็สมัครไม่ได้สักที่ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับ อีจุนฮา (รับบทโดย นัมจูฮยอก) ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ฝันอยากเป็นนักข่าวและกำลังเป็นที่ต้องการตัวของหลายๆช่อง แต่ด้วยชีวิตที่เผชิญเรื่องเศร้าและไม่ยุติธรรมมามากมายจึงใช้ชีวิตแบบลอยชายไปวันๆเพียงเพราะไม่รู้จะทำชีวิตให้ดีไปเพื่ออะไร
ย้อนกลับในไปตอนที่ คิมฮเยจา ยังเด็ก เธอได้บังเอิญไปเจอนาฬิกาเรือนหนึ่งบนชายหาดและเธอลองหมุนเข็มนาฬิกาและต่อมามันส่งผลทำให้เธอย้อนเวลาได้ด้วยนาฬิกาสีทองเรือนนั้น แต่การที่จะได้ย้อนเวลาไปมานั้นกลับต้องแลกมาซึ่งอายุชีวิตของเธอที่โตเกินวัยผิดปกติ ซึ่งหมายถึงถ้าเธอใช้สิทธิ์ในการย้อนเวลาไปมา อายุขัยของเธอก็จะแก่ขึ้นเร็วกว่าปกติ เช่นตอนประถมปลายเธอใช้นาฬิกาไปกับการข้ามเวลาไม่ให้ต้องอ่านหนังสือหรือสอบ แต่กลับกลายเป็นว่าเธอโตเร็วจนดูเหมือนเด็กมัธยมในเวลาอันรวดเร็ว เธอจึงหยุดการใช้เวลานับแต่นั้นเป็นต้นมา
ในขณะที่ความรักระหว่างเธอกับอีจุนฮากำลังเบ่งบานเพราะเธอพยายามเข้าไปเยียวยาบาดแผลภายในใจเขาได้อย่างลึกซึ้ง แต่แล้ววันหนึ่งพ่อของเธอกลับประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องใช้นาฬิกาอีกครั้งเพื่อช่วยชีวิตพ่อ แต่ด้วยความที่ช่วยพ่อไม่สำเร็จเสียที เธอจึงพยายามย้อนเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนลืมนึกถึงเงื่อนไขของการย้อนเวลาไป เมื่อถึงครั้งที่เธอช่วยพ่อสำเร็จในตอนนั้นเธออายุ 25 ปี แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอได้กลายเป็นสาวสูงวัยในสภาพจิตใจอายุ 25 ปีที่ยังไม่ทันได้ใช้ช่วงเวลาวัยสาวของตัวเองได้อย่างคุ้มค่าเลย
” พรสวรรค์ มีมาตั้งแต่เกิด …. แต่กับ การมีชีวิตที่ดี เราสามารถสร้างเองได้ “
แม่ของคิมฮเยจาสอนลูกสาวในตอนที่ 1
หากใครที่ได้รับชมแค่ตัวอย่างของซีรีส์เรื่องนี้ มองเผินๆคงจะคิดว่าเป็นซีรีส์แนวแฟนตาซีธรรมดาๆ แต่เมื่อได้ชมจริงๆแล้วเรื่องราวในเรื่องย่อที่ได้เล่าข้างต้นนี้กลับเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของเรื่องราวทั้งหมดเท่านั้น และขอยกให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ดราม่าที่มีเนื้อหาดี และให้แง่คิดมุมมองในการใช้ชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมเรตติ้งของซีรีส์เรื่องนี้จะสามารถเดินทางจากตอนแรกที่ทำได้ 3.1% แล้วจบลงด้วยเรตติ้งสูงสุดถึง 9.7% ในตอนสุดท้าย โดยเฉพาะในตอนที่ 8 ที่เรตติ้งเพิ่มขึ้นจากตอนที่แล้วถึง 3% กว่าๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เห็นซีรีส์สักเรื่องที่ทำเรตติ้งเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดอย่างเรื่องนี้
สำหรับแนวทางในการถ่ายทอดเรื่องราวของซีรีส์เรื่องนี้นั้น นักเขียนบทจะดำเนินเรื่องโดยค่อยๆเพิ่มดีกรีความดราม่ามากขึ้นเรื่อยๆ และยังแฝงมุมมองการเล่าเรื่องการใช้ชีวิตของเหล่าผู้สูงอายุที่ต่างอยากใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุดในขณะที่ที่เหลืออยู่นั้นเหลือน้อยเต็มที่ ซึ่งบอกเลยว่าสามารถที่จะเล่าเรื่องทำเอากินใจ และเสียน้ำตาด้วยความประทับใจเกินคาดอย่างแน่นอน
กฎเกณฑ์อย่างหนึ่งที่เสมือนเป็นสัจธรรมของชีวิตซึ่งได้กล่าวถึงในซีรีส์เรื่องนี้ คือ คำว่า “กฎของการแลกเปลี่ยนอันเท่าเทียมกัน” เมื่อคิมฮเยจาได้เวลาที่เธอจะสามารถย้อนกลับไปช่วยพ่อจากการเสียชีวิตได้ เธอก็ต้องแลกมาซึ่งวัยสาวของเธอที่หมดไปแล้วต้องกลายเป็นสาวแก่ทั้งในด้านรูปลักษณ์และสุขภาพ ถึงแม้จิตใจจะยังเป็นสาวที่ค่อยๆแก่ลงตามกาลเวลาก็ตาม…
” อย่าเสียเวลาในปัจจุบันไปกับการจมอยู่ในอดีตและกังวลไปกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ใช้ชีวิตวันนี้ให้งดงาม คุณสมควรที่จะได้รับมันแล้ว “
คิมฮเยจา กล่าวไว้ด้วยรอยยิ้มในตอนที่ 12
สภาพร่างกายและจิตใจของคิมฮเยจานั้นได้นำพาเธอไปสู่สังคมของเหล่าผู้อาวุโสที่อายุใกล้เคียงกันกับเธอ ภาพสะท้อนจากชีวิตของคนสูงวัยเหล่านั้นที่นับวันก็เพียงคอยแต่จะนับถอยหลังรอวันจากไปจากโลกใบนี้ ทั้งๆที่บางคนก็ยังไม่พร้อม เช่นเดียวกับ ชีวิตของคิมฮเยจาที่ยังไม่ทันได้ใช้ช่วงเวลาวัยสาวของเธอเลย แต่ในขณะที่หลายคนยังไม่ถึงจุดนั้น… อย่าลืมให้คุณค่ากับช่วงเวลาที่คุณมีอย่างดีที่สุด หรือในวันที่สูงวัยแล้วก็เช่นเดียวกัน อย่ามัวมานั่งอมทุกข์และนับถอยหลัง การเป็นผู้สูงวัยแต่มีความสุขก็ทำได้เช่นเดียวกัน มันขึ้นอยู่กับใจเราเองทั้งนั้น
นอกจากความซาบซึ้งที่แฝงด้วยรอยยิ้มของสาวแก่ คิมฮเยจา ที่ถ่ายทอดโดยนักแสดงคุณภาพและอาวุโสอย่าง คุณยายคิมฮเยจา ที่ชื่อเหมือนตัวละครหลักแล้ว ฮันจีมิน ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวังในฝีมือการแสดงของเธอเลยสักเรื่องจริงๆ รวมไปถึง นัมจูฮยอก ต้องขอชื่นชมส่วนตัวในเรื่องนี้ว่าฝีมือการแสดงของนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งรูปหล่อคนนี้พัฒนากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดจากความพยายามที่จะไม่หยุดท้าทายตัวเองในการถ่ายทอดบทบาทแต่ละเรื่องในแนวที่แตกต่างกันออกไป ส่วนตัวคิดว่าเขาทำได้สำเร็จในระดับหนึ่งแล้วและจะเอาใจช่วยให้ดีขึ้นอีกจนได้รับการยอมรับที่มากขึ้นอีกเรื่อยๆในอนาคตอย่างแน่นอน และที่ลืมไม่ได้เลยคือ นักแสดงอาวุโสทุกท่านด้วยที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่ตราตรึงใจได้อย่างดีเยี่ยมราวกับงานศิลปะชิ้นเอกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้
ตอนจบของซีรีส์มักจะเป็นตอนที่ถูกถามถึงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มดู (รวมถึงตัวเองที่ชอบถามก่อนเช่นกัน 555) กับคำถามที่มักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าตอนจบจะเป็นแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่หรือเป็นอย่างไร แต่กับการใช้ชีวิตที่ยังไม่ได้เริ่มลิ้มลองรสชาติต่างๆด้วยตนเอง หากได้ยินตอนจบไปก่อนแล้ว มันก็คงจะไม่สนุกเท่าเดินทางไปในเรื่องราวเหล่านั้นด้วยตัวของแต่ละคนเองหรอก จริงไหมคะ? สุดท้ายแล้วนาฬิกาเรือนสีทองที่นำพาคิมฮเยจาย้อนเวลาไปมันมีที่มาที่ไปอย่างไร และ ตอนจบของเรื่องที่จะขอย้ำอีกทีว่าต้องชมด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะได้รับความสนุกแบบซาบซึ้งแสนประทับใจที่จะนำทางไปสู่บทสรุปที่คุณจะคาดไม่ถึงใน … “The Light in Your Eyes”
สามารถรับชมซับไทย The Light in Your Eyes ได้ที่ VIU <คลิ๊ก>
” จำอะไรไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก จำแค่ตอนที่มีความสุขก็พอแล้ว “
พ่อของคิมฮเยจาบอกไว้ในตอนที่ 12
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries >> อย่าลืมไปกด Subscribe กันน้า
Photo Credit (1)