Mine ซีรีส์ที่จะพาทุกคนไปเชยชมกับความอภิมหารวยของตระกูลแชบอล ที่แค่พื้นที่บ้านทั้งหมดก็ใหญ่แทบจะเท่าเขต ๆ หนึ่ง ใหญ่จนแทบจะเรียกว่าบ้านไม่ได้ต้องเรียกว่าประเทศ ลามไปจนถึงสัตว์เลี้ยง จะมาเป็นหมาแมวธรรมดาสามัญไม่ได้เพราะฉะนั้นเราก็เลี้ยงนกยูง! ไหนเลยจะสิ่งจิปาถะอื่น ๆ อากาศภายในบ้านก็ต้องเป็นอากาศที่มีความเข้มข้นของอ็อกซิเจนสูงกว่าปกติ 15 เท่า น้ำดื่มก็ต้องดื่มน้ำบริสุทธิ์ที่ละลายจากธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกเท่านั้นอีก …ว้าว~
แต่ถึงแม้ที่กล่าวมาข้างบนมันจะดูเว่อร์วังอลังการ แต่บอกก่อนเลยค่ะว่า Mine ไม่ใช่แค่ซีรีส์ที่พาเรามาชมความรวยเหล่าชนชั้นสูง แต่เป็นซีรีส์ที่ตีแผ่ชีวิตและจิตใจเบื้องหลังของคนตระกูลแชบอลอย่างแท้จริง เรื่องราวทุกอย่างถูกเล่าได้อย่างมีชั้นเชิงผ่านเหตุการณ์เปิดเรื่องซึ่งดูเหมือนจะเป็นแค่เหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นภายในบ้านใหญ่ของตระกูลที่เรียกว่า ‘คาเดนซ่า’
แล้วใครกันที่ตาย? และใครกันที่เป็นคนฆ่า? เรื่องราวความลับที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ความเจ็บปวด และความคับแค้นใจจะถูกเล่าขานไปพร้อมกับการค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวในวันเกิดเหตุ ที่จะมาชวนให้เราคิด วิเคราะห์ สงสัย และคาดเดาจนนำไปสู่ความรู้สึกที่ไม่ไว้วางใจใครเลยในตระกูล
“จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะประตูที่กว้างขวางและเส้นทางที่กว้างใหญ่จะนำไปสู่หายนะ คนมากมายเดินเข้าไปในนั้น ส่วนประตูที่แสนคับแคบและเส้นทางที่แสนอุดอู้จะนำไปสู่ชีวิต มีน้อยคนนักที่จะค้นพบทางนั้น”
– แม่ชีเอ็มม่า
เรื่องราวที่ถูกเล่าผ่านตัวละครผู้หญิง
Mine เป็นเรื่องราวของตระกูลฮโยวอน ตระกูลที่มีธุรกิจในเครือแทบจะครบทุกแขนงในตลาด จนร่ำรวยติดอันดับต้น ๆ ของเกาหลีใต้ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความหรูหราและร่ำรวยชนิดที่ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมดได้ซ่อนความจริงอันแสนน่าอึดอัดที่ถูกฉาบไว้ด้วยหน้ากากที่เคลือบความสงบสุขจอมปลอม จนทุกคนในบ้านล้วนถูกย้อมด้วยสีเทา
กระทั่งวันหนึ่ง การมาเยือนของคังจาคยอน (รับบทโดย อ๊กจายอน) ติวเตอร์ส่วนตัวคนใหม่ของฮันฮาจุน ลูกเลี้ยงของสะใภ้รอง และคิมยูยอน (รับบทโดย จองอีซอ) เมดสาวคนใหม่ในคาเดนซ่า กลับค่อย ๆ ทุบหน้ากากที่ทุกคนในตระกูลสวมอยู่ให้แตกออกมาอย่างช้า ๆ จนไม่สามารถปกปิดเป็นความลับไว้ได้อีก
ตัวซีรีส์จะเล่าเน้นไปที่ตัวละคร 2 ตัวอย่างสะใภ้รอง ซอฮีซู (รับบทโดย อีโบยอง) และสะใภ้คนโต จองซอฮยอน (รับทโดย คิมซอฮยอง) 2 สะใภ้ของตระกูลที่ต่างต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิ่งที่พวกเธออยากรักษาไว้ไปพร้อม ๆ กับการปกป้องกันและกัน
การแสดงของ อีโบยอง และ คิมซอฮยอง เรียกได้ว่าไม่ทำให้เราที่รอคอยผิดหวังเลยแม้แต่น้อย อีโบยองในบท ซอฮีซู นักแสดงดังเบอร์ 1 ของประเทศที่ละทิ้งทุกอย่างเพื่อเข้ามาเป็นสะใภ้คนรองของตระกูล ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพยายามคงตัวตนที่แสนสนใจของเธอไว้ไม่ให้ถูกกลืนไป แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปตัวตนและความสดใสของเธอก็ค่อย ๆ ถูกย้อมสีไปด้วยความทุกข์ ความอึดอัด ความเสียใจ ความผิดหวัง ทุกอย่างเข้าถาโถมเธอจนเธอจะต้องเผยธาตุแท้ที่ซ่อนอยู่ลึกภายในจิตใจออกมาเพื่อปกป้องสิ่งที่เธอรักที่สุดในชีวิตอย่าง ฮันฮาจุน (รับบทโดย จองฮยอนจุน) ลูกเลี้ยงของเธอ
คิมซอฮยอน ในบท จองซอฮยอน สะใภ้ใหญ่ผู้เป็นเดอะแบกประจำตระกูล เธอเป็นตัวละครเดียวในเรื่องเลยก็ว่าได้ที่เราจะไม่เห็นเธออยู่ในซีนที่เป็นห้องนอนหรือเข้านอนเลย แต่กลับมักเห็นเธออยู่ในห้องทำงานเสียมากกว่า เพราะซอฮยอนคือบุคคลที่ไม่ว่าจะปรากฎตัวในฉากไหนก็ต่างต้องมีเรื่องให้คิดให้ทำตลอด ซ้ำไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในบ้าน สะใภ้ใหญ่รู้หมด! รู้ทุกเรื่องและตามแก้ปัญหามันทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องคนใช้ไปยันเรื่องเมียน้อยของสามี
และ การแสดงของคิมซอฮยอนคือดีงามไร้ที่ติจนน่าขนลุก ในทุกฉากทุกตอน ล้วนแสดงเหมือนตัวเองคือจองซอฮยอนจริง ๆ แถมออร่าของเธอที่แผ่ออกมานั้น นอกจากคำว่านางพญาก็ไม่รู้ว่าสรรหาคำใดมาอธิบายได้อีก
มาถึงตรงนี้จึงอดอวยยศไม่ได้เลยว่า แม้ Mine จะเป็นซีรีส์ที่ใช้ผู้หญิงเป็นตัวดำเนินเรื่อง แต่ความทรงพลังที่แผ่ออกมากลับเต็มไปด้วยความแข็งเกร่งที่ยากจะต้านทาน ตลอดจนถึงเคมีของนักแสดงที่เข้ากันอย่างลงตัว นอกจากการแสดงของตัวละครหลักที่สุดยอดของความดีงามแล้ว นักแสดงสบทบคนอื่น ๆ ก็ปังปุริเย่ไม่ต่างกัน ตระกูลฮโยวอนไม่มีใครธรรมดาเลยบอกไว้ตรงนี้ แม้แต่คนใช้ยังมีฤทธิ์จนน่าปวดหัว!
* มีการกล่าวถึงเนื้อหาในเรื่อง *
สอดแทรกประเด็นความหลากหลายทางเพศไว้ได้อย่างละเมียดละไม
ประเด็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ เป็นประเด็นหลักประเด็นนึงของ Mine เลยก็ว่าได้ ในทุกบทพูด ทุกงานศิลปะที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านตัวของจองซอฮยอนและคนรอบตัวเธอ ล้วนเต็มไปการ Empowerment คนดูอย่างแท้จริง ทุกคำพูดที่ตัวละครเอื้อนเอ่ยออกมา ล้วนผ่านการคิดและกลั่นกรองอย่างดีแล้วทุกคำ แถมคนที่รับบทเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศก็ไม่ได้เป็นเพียงตัวประกอบ แตเป็นถึงตัวละครหลักอย่างสะใภ้ใหญ่ที่เป็นคนแบกปัญหาทั้งหมดของเรื่อง มันทำให้เห็นเลยว่าทีมงานตั้งใจที่จะพูดถึงประเด็นนี้อย่างจริงจัง
ในตอนต้น เราจะได้เห็นถึงความเจ็บปวดของสะใภ้ใหญ่ผ่านการเสพศิลปะ ซึ่งเป็นดั่งของต่างหน้าที่สื่อถึงหญิงคนรักที่ไม่อาจจะหวนกลับมาสมหวังกันได้อีก ตลอดเวลาที่ผ่านมา สะใภ้ใหญ่เป็นเหมือน ช้าง ที่ไม่สามารถหาทางออกมาจากประตูแคบ ๆ ที่เรียกว่า อคติของโลก ได้ เธอต้องหลบซ่อน ปกปิด และเก็บงำความรู้สึกอันแสนหอมหวานนี้ไว้ให้ลึกสุดเท่าที่จะลึกได้ เพราะเธอกลัวว่าสุดท้ายแล้ว ความเป็นตัวเธอจะทำให้สังคมหันหลังให้เธอ และมันจะเป็นตัวทำลายทุกอย่างที่เธอเพียรสร้างมา แต่แล้วซอฮยอนก็ได้เรียนรู้แล้วว่าวิธีที่ช้างจะออกจากประตูแคบ ๆ นั้นง่ายนิดเดียว คือ จงถอดคอร์เซ็ตออก จงรักอย่างใจปรารถนา จงคว้าในสิ่งที่ต้องการ จงตะโกนให้โลกรู้ และจงทำลายจนกว่าจะชนะ
ตัวละครของซอฮยอนแสดงให้โลกเห็นว่าการเป็นผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศไม่ใช่เรื่องน่าอายและไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ “มันก็ช่วยไม่ได้นี่ ใช่ว่าเป็นเพราะอยากเป็นที่ไหน” …ใช่แล้วเรื่องของหัวใจเป็นอะไรที่มันบังคับกันไม่ได้ เรารักเขาที่เขาเป็นเขา ไม่ได้รักที่เขาเป็นเพศอะไร
“คนที่ฉันลืมไม่ได้ คนที่เป็นรักเดียวของฉัน
…เป็นผู้หญิงค่ะ”
ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่าการที่เขาเป็นคนที่มีความหลากหลายทางเพศนั้นไม่ใช่เรื่อง ‘ผิด’ และเขาไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิด หลีกหนีหรือต้องมาก้มหน้าขอโทษ แค่เพราะคุณแตกต่าง ไม่ได้แปลว่าคุณทำผิดหรือกลายเป็นคนที่ต้องแปลกแยกจากสังคม คุณแค่แตกต่าง และทุกความแตกต่างไม่ใช่เรื่องที่น่าละอายหรือเป็นเรื่องผิด ไม่จำเป็นต้องมานั่งยอมจำนน สำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองเป็น
เมื่อเราเริ่มโกหก เราก็จะเริ่มเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำรอเข้าพัดถล่มตระกูลฮโยวอน เริ่มจากการที่ทุกคนในบ้านเริ่ม ‘โกหก’ พวกเขาทุกคนเริ่มโกหกกันและกันเพื่อปกป้องคนอื่น คำโกหกของพวกเขาค่อย ๆ สะสมและพอกพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงวันที่คลื่นใต้น้ำที่เกิดจากคำโกหกก็ได้สาดซัดเข้าถล่ม คลื่นนั้นซัดจนหน้ากากจอมปลอมให้หลุดลอกออกมา จนสุดท้าย ‘ธาตุแท้’ ที่ถูกปิดซ่อนไว้ก็เผยออกจนหมด
คู่ของสะใภ้รองและ ฮันจียง ผู้เป็นสามีก็เป็นแบบนั้น ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา พวกเขาคือคู่รักที่น่าอิจฉา ที่คิดว่ารู้ทุกเรื่องของกันและกัน และคิดว่าความสุขจะอยู่กับพวกเขาตลอดไป …แต่ความจริงกลับไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อธาตุแท้ของฮันจียงค่อย ๆ เผยออกมา คำโกหกทุกคำในอดีตที่ซอฮีซูเคยคิดว่าเป็นเรื่องจริงย้อนกลับมาทำร้ายเธอจนไม่สามารถที่จะทานทัดความเจ็บปวดได้อีก
ความรัก 7 ปีของเธอได้กลายเป็นความรักในฝันไปอย่างสมบูรณ์ และมันจะไม่เป็นอย่างนี้เลยหากพวกเขาเลือกที่จะหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยอย่างเปิดอก และจับมือฝ่าฟันมันไปด้วยกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณได้เริ่มโกหก การโกหกครั้งต่อ ๆ ไปก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่จบไม่สิ้น จนกว่าทุกอย่างจะพังไม่เป็นท่าการโกหกจึงจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด
กล่าวโดยสรุปคือ Mine เป็นซีรีส์ดราม่าเข้มข้นของเหล่าชนชั้นสูงที่มีเพียง 1% ในเกาหลีใต้ แต่ถึงแม้พวกเขาจะร่ำรวยล้นฟ้ามากขนาดไหน แต่เงินทองที่มีนั้นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาพบเจอกับความสุขที่ปรารถนา พวกเขาต้องสวมหน้ากากเข้าหากัน กดธาตุแท้ ละทิ้งตัวตนเพื่อรักษาความเป็นตระกูลเอาไว้
อีกทั้งซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นซีรีส์ที่เล่นประเด็นผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศได้ลึกซึ้งและละเมียดละไม ชูความเป็นผู้หญิงและดึงเอาความแข็งแกร่งของพวกเธอออกมาขยี้ได้อย่างน่าขนลุก ไปจนถึงตัวละครผู้หญิงในเรื่องนี้ต่างก็มีบทบาทสำคัญในการตีแผ่เบื้องหลังหน้ากากอันแสนหรูหราของเหล่าชนชั้นสูง และร่วมเล่นประเด็นการตามหาและตั้งคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นของเราอย่างแท้จริง
ใครที่ชอบซีรีส์ดราม่าเข้มข้นไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง บท ภาพ การตัดต่อ การวางเส้นเรื่อง นักแสดง เพลงประกอบ ทุกอย่างลงตัวจนไร้ที่ติ ไปดูกันเถอะ!!!
บทความโดย โชว์มีเดอะซีรีส์ สามารถติดตามการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆในซีรีส์และการวิเคราะห์ตอนต่อตอนได้ทางเพจ โชว์มีเดอะซีรีส์
บทความที่เกี่ยวข้อง
เรื่องย่อซีรีส์ : Mine | ธาตุแท้ (2021)
ซีรีส์ Mine ปิดฉากด้วยเรตติ้งสูงสุดนับตั้งแต่ออนแอร์ – ทะลุกำแพง 2 หลักสำเร็จ!
ตัวละคร LGBTQ ความหลากหลายทางเพศที่ถ่ายทอดอยู่ในมุมหนึ่งของซีรีส์เกาหลี
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries