เรื่องราวทุกอย่างเริ่มต้นจากเหตุการณ์ ห้างสรรพสินค้า S ถล่มในปี 2005 ผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากเหตุการณ์สุดสะเทือนใจครั้งนั้นทำให้หลายชีวิตจมปลักอยู่กับความเศร้า, ความคิดโทษตัวเองที่รอดมาได้, ความบาดเจ็บทางร่างกายที่ไม่มีวันหาย, การใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้อย่างไม่อมทุกข์ และอีกหลายสิ่งที่หากไม่ใช่หนึ่งในคนที่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้เองมาแล้ว … ไม่มีทางที่จะเข้าใจ
อีคังดู (รับบทโดย อีจุนโฮ) จากเด็กหนุ่มที่กำลังจะไปคัดเลือกเข้าเป็นนักฟุตบอลอย่างจริงจัง แต่เพราะเหตุการณ์ห้าง S ถล่มครั้งนั้นทำให้ขาข้างหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นกีฬาได้อีก เมื่อเวลาผ่านไปทุกภาพยังคงตามหลอกหลอน การใช้ชีวิตเพียงเพื่อจะก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ในแต่ละวันแบบไร้จุดหมาย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อได้มาเจอกับเธอ … ฮามุนซู
ฮามุนซู (รับบทโดย วอนจินอา) สาวฟรีแลนซ์นักประดิษฐ์แบบจำลองให้กับงานสถาปัตย์ ที่เคยสูญเสียน้องสาวจากเหตุการณ์ห้าง S ถล่มเช่นเดียวกัน เมื่อเติบโตขึ้น ทุกอย่างฉาบไว้ด้วยความรักและรับผิดชอบต่อครอบครัว แต่ภายในจิตใจยังคงวนเวียนกับความรู้สึกผิดว่าคนที่ควรจะจากไปน่าจะเป็นเธอเอง
ซอจูวอน (รับบทโดย อีกีอู) เจ้าของบริษัทก่อสร้าง ซอวอน หล่อดูดีและเพอร์เฟคในสายตาคนทั่วไป แต่เบื้องหลังจริง ๆ นั้นสุดแสนจะโดดเดี่ยวและฝังใจอยู่กับการฆ่าตัวตายของพ่อที่มีผลมาจากการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ห้าง S ถล่มอีกเช่นเดียวกัน
และ จองยูจิน (รับบทโดย คังฮันนา) หัวหน้าทีมแผนกสื่อสารภายนอกองค์กรของบริษัทที่รับผิดชอบการพัฒนาพื้นที่ใหม่ในส่วนที่ห้าง S เคยถล่ม เธอคือคนหนึ่งที่เคยพยายามปิดความผิดให้กับบริษัทตัวเองในเหตุการณ์ปี 2005 และยังเป็นแฟนเก่าที่อยากคืนดีกับ ซอจูวอน อีกด้วย
พวกเราลองมาค้นหาความหมายของชีวิตผ่านความเศร้าของตัวละครเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กันนะคะ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังอะไรก่อนดูเลย แต่หลังจากดูจบแล้ว กลับได้ความรู้สึกและข้อคิดดี ๆ มากมายจนอิ่มเอมใจ ยอมรับว่ามีหลายช่วงที่ดำเนินเรื่องไปแบบไม่หวือหวาแต่พอได้เก็บหมดทุกรายละเอียด มันทำให้รู้สึกผูกพันไปกับทุกตัวละคร โดยปกติส่วนตัวจะไม่ชอบละครแนวเศร้าซักเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ทำให้เห็นภาพและเข้าใจกับความสูญเสียของมนุษย์ที่ฝังใจมานานมากจนยากจะถอนออก ในแบบที่ถ้าไม่เคยประสบแบบนี้ จะไม่มีวัน (ย้ำว่าไม่มีวัน) เข้าใจ ซึ่งพอยิ่งดูแล้วยิ่งสนุก ยิ่งดูยิ่งถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งดูยิ่ง..เอ้าจบแล้ว 16 ตอน คำเดียวสั้น ๆ คือ กินใจที่สุด ค่ะ
เกริ่นชมมาซะขนาดนี้ความดีทั้งหมดทั้งมวลของซีรีส์เรื่องนี้ (แน่นอนไม่ใช่แค่ในภาพ อันนี้แค่ส่วนหนึ่งนะคะ 555) ขอชื่นชมที่การแสดงก่อนเลย อีจุนโฮ ในบท อีคังดู คือตอนดูก็คิดก่อนว่าเป็นนักร้องเนอะ เล่นไม่กี่เรื่องเอง ต้องเผื่อใจไว้ แต่หลังจากจบแล้ว บอกคำเดียวสั้น ๆ ว่าผู้ชายคนนี้ใช้ใจแสดง เป็นหนึ่งในไอดอลที่มีทักษะการแสดงสูงมาก .. จุนโฮ คุณได้ไปต่อค่ะ !!
ในส่วนของ วอนจินอา นางเอกน่ารักตัวจิ๋ว เธอมาจากสายภาพยนตร์มาก่อน นี่คือซีรีส์เรื่องแรก ก็ทำได้ดีมากอยู่เลยทีเดียว ชื่นชมที่เธอเล่นหน้าสดหลายซีนก็ยังดูดีมาก เรื่องนี้นางเอกรุกหนักมากจริง ๆ ฟินจิกหมอนอยู่เยอะเลย โดยรวมการแสดงของเธอกลมกล่อมคล้อยตามไปกับพระเอกได้เป็นอย่างดีค่ะ
สำหรับคู่รอง อีกีอู และ คังฮันนา ก็สวยหล่อสมกันได้เป็นอย่างดี ฝีมือระดับมืออาชีพอีกเช่นเดียวกัน แต่ปรมาจารย์จากวัดเส้าหลินในเรื่องการแสดง ไม่เคยรู้สึกว่านักแสดงท่านนี้กำลังเล่นละครอยู่เลย มันคือตัวแกเองเลยรึเปล่าบางทีก็สงสัย ไม่ว่าจะเล่นกี่เรื่องทุกเรื่องก็เล่นได้ดีมากแบบนี้ตลอดกับ นามุนฮี ในบท คุณยายจองซุกฮี เจ้าของร้านขายยาที่คอยช่วยเหลือคนจน สูญเสียน้ำตาจากความปลื้มปิติให้กับตัวละครตัวนี้เยอะที่สุด รวมถึงนักแสดงทุกท่านที่กล่าวถึงไม่หมด ทำได้ดีทุกคนจริง ๆ ขอชื่นชมจากหัวใจค่ะ
นอกจากการแสดงที่ดีแล้ว โทนสีของภาพและมุมกล้องก็ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนกำลังชมภาพยนตร์ยาวเรื่องหนึ่งอยู่เลย ฉากตึกถล่มก็ทำได้เนียนและลื่นไหลไปกับการชมได้เป็นอย่างดีไม่มีสะดุด การเรียบเรียงเรื่องราวทำได้สวยงามและต่อเนื่อง ถึงแม้จะเล่าไปอย่างช้า ๆ ถึงช้ามากในบางช่วงแต่ก็กัดลึกกินใจกันไปในหลายซีน ในส่วนของฉากพระนางความกุ๊กกิ๊กก็น่ารักมากมายอยู่ และยังมีอะไร ๆ ให้ติดตามไปได้อีกตลอดเรื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่สนุกมากเลยทีเดียวค่ะ
สิ่งที่ทีมงานต้องการสื่อออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้ตลอดเรื่อง คือ จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ตาม ผู้รอดชีวิต ใช่ มันน่าทึ่งมากที่คนเหล่านั้นรอดมาได้ แต่หลังจากที่เหตุการณ์จบไปแล้ว ความเลวร้ายเหล่านั้นมันยังกัดกินอยู่ในความทรงจำ ความบาดเจ็บที่ไม่เคยจางหายไปจากร่างกายและหัวใจ นอกจากนั้นแล้ว ครอบครัวและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเสียชีวิตของเหยื่อก็เป็นอีกกลุ่มคนที่ถือว่าเป็นเหยื่อในทางอ้อมได้เหมือนกัน ในตัวละครที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนที่สุดคือ อีคังดู พระเอกของเรื่องนั่นเอง นอกจากอาการเจ็บที่ขาที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว ภาพหลอกหลอนและความรู้สึกผิดก็มาเยี่ยมเยียนคอยกวนหัวใจเขาอยู่ตลอดเวลา
ในตอนที่ 10 คุณยายจองซุกฮี บอกกับ อีคังดู ที่กำลังรู้สึกท้อแท้กับการใช้ชีวิตว่า
” การมีชีวิตอยู่เพื่อความล้มเหลวและเสียใจอยู่เรื่อย ๆ แล้วจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ก็เพื่อจะอยู่กับความล้มเหลวและเสียใจให้มากกว่าเดิมไปอีก เพราะฉะนั้น จงอย่าไปกลัว และอยู่กับมันให้ได้และให้ดีที่สุด “
ละครที่ใช้จุดขายหลักเป็น ความเศร้า และ ความสูญเสีย ในการขับเคลื่อนเรื่องราว แต่น่าแปลกใจที่การดำเนินเรื่องแบบช้า ๆ ช้ำ ๆ กลับทำให้จิตใจเราเต็มอิ่มและตื้นตันกับสิ่งที่ทุกตัวละครหลักกำลังเผชิญ ความน้ำดีของเรื่องราวนี้นอกจากจะทำให้เราอิ่มเอมใจแล้ว ยังสอดแทรกข้อคิดดี ๆ แฝงไว้อยู่มากมายในหลายช่วงและหลายซีน ข้อแนะนำก่อนดูมีแค่อย่างเดียว คือ … ซีรีส์เรื่องนี้ต้องใช้หัวใจเปิดดูเท่านั้นนะคะ ^^