Designated Survivor : 60 Days (เดสซิกเนเทต เซอร์ไวเวอร์ 60 วันชี้ชะตา) เป็นซีรีส์รีเมคจากซีรีส์อเมริกันเรื่อง Designated Survivor ที่ได้รับความนิยมสูงจนมีการผลิตต่อเนื่องถึง 3 ซีซัน ในปี 2016, 2017 และ 2018 โดยมี คีเฟอร์ ซัทเทอร์แลนด์ (ผู้โด่งดังจากเรื่อง 24 ในหมู่คอซีรีส์ฝรั่งบ้านเรา) เป็นนักแสดงนำ สำหรับเวอร์ชันเกาหลีที่นำมารีเมค คือเนื้อหาของซีซันแรก โดยได้เลือก จีจินฮี มารับบทนำ และเหล่านักแสดงคัดสรรมาอย่างลงตัวกับบทที่ยึดโครงหลักเดิมไว้ ปรับเปลี่ยนเพียงรายละเอียดบางส่วนและตัวละครบางคน ให้เข้ากับบริบทของการเมืองและสังคมของเกาหลี และลดทอนเนื้อหาให้กระชับตามจำนวนตอนที่น้อยกว่าต้นฉบับ ซึ่งก็ทำออกมาได้สนุก ชวนลุ้นชวนติดตามตอนต่อตอน ไม่แพ้ซีรีส์ต้นฉบับเขาเลย
Designated Survivor : 60 Days เล่าเรื่องของ พัคมูจิน รัฐมนตรีปลายแถวคนหนึ่ง ที่ชีวิตพลิกแบบส้มหล่น ข้ามวันกลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีไปเฉยเลย ด้วยเหตุวินาศกรรมปริศนา ระเบิดถล่มเรียบทั้งรัฐสภา ทำให้คณะผู้บริหารประเทศในนั้นเสียชีวิตพร้อมกัน แต่พัคมูจินมิได้อยู่ในสภาเวลานั้น จึงกลายเป็นผู้รอดชีวิต และตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้บริหารลำดับถัดมาที่รอดนั้น ต้องทำหน้าที่ผู้นำประเทศรักษาการเป็นเวลา 60 วัน จนกว่าจะจัดการเลือกตั้งได้ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลใหม่เสร็จสิ้น
ภารกิจนี้จึงกลายเป็นเรื่องหนักอึ้งสำหรับผู้ชายธรรมดาๆคนนี้ ผู้ซึ่งมีเพียงภูมิหลังโดดเด่นด้านวิชาการเคมี และจิตใจคิดดีเท่านั้น มิได้มีทั้งความรู้ประสบการณ์หรือแรงทะเยอะทะยานด้านการเมืองใดๆมาก่อน
ก่อนหน้านี้ ที่เขาได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม ก็เพราะได้รับการชักชวนจากประธานาธิบดีให้มาใช้ความรู้ความสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีตอบโจทย์สังคมโลกที่เน้นคุณภาพชีวิต แต่เขาก็เพิ่งยื่นใบลาออกจากตำแหน่งก่อนหน้าวันเกิดเหตุระเบิดสภา
ซีรีส์ 16 ตอนนี้จะถ่ายทอดภารกิจในช่วงการนั่งตำแหน่งผู้นำประเทศ 60 วันของเขา ไม่เพียงเรื่องเร่งด่วนสืบสาวหาต้นตอการก่อวินาศกรรม เพื่อขจัดความตึงเครียดของปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ (เหนือ-ใต้) ที่ถูกลากเข้ามาเอี่ยว เพื่อคลายข้อกังขาและความตื่นตระหนกของประชาชน อีกทั้งยังมีปัญหาการบ้านการเมืองอีรุงตุงนังต่างๆ ผุดมาท้าทายความสามารถตลอดเวลา ท่ามกลางความเจนจัดการเมืองในระดับเสือสิงห์กระทิงแรดของผู้คนรอบตัว นักการเมือง และผู้นำเหล่าทัพหรือองค์กรสำคัญของประเทศที่เล่นแง่การกุมอำนาจกัน การจะได้รับความยอมรับหรือร่วมมือจากพวกเขามิใช่เรื่องง่ายๆ ขนาดทีมงานมือขวา (Chief of Staff) ในบังคับบัญชาใกล้ตัวของตัวเองยังเล่นเอาซะเหนื่อยใจเลย
เส้นเรื่องหลักเป็นงานฟันฝ่าการบริหารบ้านเมืองของประธานาธิบดีรักษาการ ที่ลุ้นว่าจะคิดวิเคราะห์แบบไหน เอาชนะปัญหาที่ดาหน้ากันมาตลอดอย่างไร เอาชนะใจผู้เกี่ยวข้องร่วมงานอย่างไร ประชาชนพึงพอใจไหม รวมถึงการฉายแววความเป็นผู้นำที่ใช้อำนาจอย่างถูกต้องสมกับบทบาทประธานาธิบดีอย่างไรในเมื่อเขาไม่อินงานการเมืองสักนิด ส่วนเส้นเรื่องรองที่มีความสำคัญ ผูกร้อยเกลียวกับเส้นเรื่องหลักได้ดี มีความสนุกลุ้นตื่นเต้นทีเดียว ก็คือการติดตามหาคนร้ายและแฉแผนลับลวงพรางของผู้ก่อการร้าย เป็นใคร ทำไม อย่างไร โดยฝีมือเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสาวคนเก่งที่กัดไม่ปล่อย ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคเสี่ยงชีวิตแค่ไหนก็ตาม เรียกว่าเข้มข้นทั้งสองแกนเลยค่ะ
มารู้จักตัวละครของเรื่อง ซึ่งต้องมีเยอะหน่อย เพื่อให้ครบองค์ประกอบแวดล้อมงานการเมือง ทั้งผู้คนในทำเนียบ พรรคการเมือง กองทัพ หน่วยข่าวกรองต่อต้านการการร้าย และ สื่อมวลชน
พัคมูจิน (รับบทโดย จีจินฮี) ศาสตราจารย์ด้านเคมีที่ KAIST (คือสถาบันชั้นสูงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกาหลี เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด นักศึกษามาจากระดับหัวกะทิของประเทศ) เป็นคนเก่งที่ประธานาธิบดียางชวนมาเข้าคณะรัฐมนตรี บุคลิกมีลุคเนิร์ดนิดๆ ติดเงอะงะหน่อยๆ วางตัวโลว์โปรไฟล์ ทั้งไม่สนใจและไม่มีเซนส์เรื่องการเมืองด้วย แต่ความรู้เชิงวิชาการที่แน่นเปรี๊ยะจีเนียส ทำให้เขามีความแปลกแยก เหมือนพูดกันคนละภาษา อยู่คนละโลก เขาจึงปรับตัวเข้ากับการทำงานเชิงการเมืองไม่ได้ และเขาก็เพิ่งยื่นใบลาออกให้ประธานาธิบดี รอการเซ็นต์อนุมัติ ก่อนวันเกิดเหตุระเบิดรัฐสภา
ภายหลังที่เขาต้องดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรักษาการนั้น การที่เขาไม่ตั้งเป้าหมายด้วยผลประโยชน์หรือชิงเชิงได้เปรียบทางการเมือง แต่อาศัยพื้นฐานการเป็นคนคิดดี ซื่อตรง จริงใจต่อหัวใจของปัญหาเรื่องนั้นๆ ก็ทำให้วิธีจัดการของเขาแตกต่างจากวิถีมาตรฐานการเมืองเดิมๆ และมักได้ผลที่น่าสนใจเชียว ทำให้ชวนน่าคิดว่า เล่นการเมืองแบบคนดีก็รอดสวยๆได้เหมือนกันนะ ไม่เห็นต้องเป็นการเมืองน้ำเน่าเลย
พัคมูจินมีภรรยา ชื่อ ชเวคังยอน (รับบทโดย คิมกยูริ) อาชีพนักฎหมายด้านสิทธิมนุษยชน เป็นคนจริงจัง หนักแน่น มีเหตุมีผล เต็มที่กับงาน หลังจากได้เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง นอกจากหน้าที่สนับสนุนสามีอย่างเต็มที่แล้ว เธอก็ยังอุทิศตัวทำงานเป็นทนายอาสาเพื่อสังคม (Pro Bono) มีลูกชายย่างวัยรุ่น คือ พัคชีวาน (รับบทโดย นัมอูฮยอน) และลูกสาวตัวน้อย คือ พัคชีจิน (รับบทโดย อ๊กเยริน)
ทีมเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบ (ทำเนียบรัฐบาลของเกาหลีเรียกว่า บลูเฮาส์ – Blue House ส่วนของสหรัฐเรียกว่า ไวท์เฮาส์ – White House) ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่รักและให้การสนับสนุนประธานาธิบดียาง ด้วยการทำงานอย่างมือาชีพ จึงมีความเสียขวัญกันค่อนข้างมากหลังเกิดเหตุ เมื่อมาเจอกับประธานาธิบดีรักษาการ พัคมูจิน ที่ไม่ใช่มืออาชีพทางการเมือง จึงส่งแรงกดแรงต้านออกไปในช่วงแรก เพราะประเมินเขาเป็นมืออ่อนหัด คงเป็นภาระมากกว่าจะเป็นผู้นำ ทีมนี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สำคัญๆหลายคน
ฮันจูซึง (รับบทโดย ฮอจุนโฮ) เป็นหัวหน้าเลขาธิการ หรือที่เรียกว่า Chief of Staff หรือมือขวานั่นแหละ มีความสุขุม มากประสบการณ์ในเกมการเมืองและงานกฎหมาย เชื่อมั่นในตัวเองถึงขั้นกล้างัดข้อกับประธานาธิบดีพัคได้อย่างไม่ต้องเกรงใจ
ชายองจิน (รับบทโดย ซนซอกกู) เป็นผู้ช่วยซีเนียร์ของหัวหน้าฮันจูซึง และต่อมาได้รับเลื่อนเป็นหัวหน้าเลขาธิการ เป็นคนฉลาดเชี่ยวงาน มุ่งมั่นแรงกล้า มีพลังเหลือล้นส่งงานให้สำเร็จถึงเป้า เป้าก็คือเป็นแบคอัพหนุนให้ประธานาธิบดีมีผลงานดี ได้เสียงประชานิยม และเมื่อเห็นว่า ประธานาธิบดีพัคมีศักยภาพใช้ได้ ก็เริ่มมีความหวังกับโลกใหม่ในอุดมการณ์ เขาหมกมุ่นการโน้มน้าวผลักดันให้ประธานาธิบดีพัคลงสนามเลือกตั้งนัดหน้า ซนซอกกูเล่นบทนี้ไว้ได้ดีมาก พลังอินเนอร์และเสน่ห์อย่างล้นเลย
คิมนัมอุค (รับบทโดย อีมูแซง) เป็นชาวเกาหลีเหนือผู้แปรพักตร์ (หมายถึง โยกย้ายทั้งกายและใจมาเป็นชาวเกาหลีใต้โดยสมบูรณ์) นิสัยส่วนตัวออกไปทางซื่อใส เมื่อโดนสถานการณ์ผลักดันให้ต้องไปเผชิญหน้ากับหมู่นักข่าวแทนโฆษก เขาก็จัดการได้ราบรื่น ทำให้เขาได้ตำแหน่งโฆษกทำเนียบมาทำนับแต่นั้น
จองซูจอง (รับบทโดย ชเวยุนยอง) เป็นเลขาส่วนตัวมาตั้งแต่สมัยพัคมูจินนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี จึงตามมาช่วยงานต่อเนื่อง เป็นคนที่ประธานาธิบดีพัคไว้วางใจได้ตลอด ในช่วงที่เขาต้องแต่งตั้งหัวหน้าเลขาธิการ จองซูจองเป็นตัวเลือกที่คู่กันมากับชายองจินเลยทีเดียว คู่ของจองซูจองกับชายองจิน ก็เป็นสีสันโรมานซ์นิดๆของเรื่องนี้ด้วย
ส่วนคนอื่นๆ ก็มี อันเซยอง (รับบทโดย อีโดยอบ) หัวหน้าเลขานุการฝ่ายพลเรือน / มินฮีคยอง (รับบทโดย แพคฮยอนจู) หัวหน้าเลขานุการ ท่าทีเย็นชา ไม่ให้ใจนายใหม่ง่ายๆ / พัคซูคโย (รับบทโดย พัคกึนร๊ก) เจ้าหน้าที่ซึ่งจูเนียร์สุด ดูแลงานด้านพิธีการ เป็นตัวละครที่วางไว้หยอดบทอมยิ้มน่าเอ็นดู ใช้ประโยชน์จากบุคลิกแอคทีฟติดเด๋อด๋าโก๊ะๆ / โกยองมก (รับบทโดย พัคชุงซอน) ผอ.สำนักความมั่นคงแห่งชาติ / คังแทฮัน (รับบทโดย กงจองฮวาน) หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยประจำตัวประธานาธิบดี
ทีม NIS (National Intelligence Service หรือสำนักงานงานข่าวกรองแห่งชาติ)
ฮันนาคยอง (รับบทโดย คังฮันนา) ตำแหน่งนักวิเคราะห์ต่อต้านการก่อการร้าย เป็นตัวละครสำคัญที่มีบทบาทในการสืบหาคนร้ายอย่างไม่ลดละ แม้ต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยง เพราะเธอฉลาด กล้า กัดไม่ปล่อย แถมด้วย motto ทำงานว่า ‘ความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องชื่นชม แต่มันเป็นหน้าที่’ และ ‘ไม่มีคำว่าทำไม่ได้’
ซอจีวอน (รับบทโดย จอนซองอู) เป็นเจ้าหน้าที่ไซเบอร์สเปเชียลลิสต์ สนิทกับฮันนาคยอง เป็นคู่หูรุ่นน้องที่ช่วยงานสืบเสาะข้อมูลให้เธอตลอด แม้ฮันนาคยองจะขอให้ทำในสิ่งที่ผิดกฎระเบียบขององค์กรบ่อยครั้ง และชีวิตก็พลอยเสี่ยงตายไปกับรุ่นพี่ด้วย
จองฮันโม (รับบทโดย คิมจูฮัน) หัวหน้าทีมของฮันนาคยอง ผู้เข้ามาร่วมภารกิจสืบลับของฮันนาคยอง และก็เผชิญเรื่องลำบากชีวิตเช่นกัน
คิมจุนโอ (รับบทโดย อีฮายุล) เป็นรุ่นพี่ที่ฝึกสอนฮันนาคยองมา และพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรัก มีเหตุให้เชื่อว่าเขาอยู่ในเหตุระเบิดรัฐสภา และอาจเสียชีวิตไปแล้วด้วย จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ฮันนาคยองมุ่งมั่นจะตามหาคนร้ายงานนี้ให้ได้ เพราะไม่เชื่อว่าคู่หมั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
ผอ.จียุนเบ (รับบทโดย คิมจินกึน) เป็นผู้อำนวยการของ NIS
สายทหาร ซึ่งเหมือนกันแทบทุกประเทศที่บิ๊กของทหารมักมีอำนาจมีเสียงค่อนข้างดัง วอร์รูมของคณะมนตรีความมั่นคง (NSC) ก็ต้องมีทั้งสองนายพลนี้เข้าร่วม เช่นเดียวกับ ผอ.NIS ผอ.สำนักความมั่นคงแห่งชาติ สำหรับวิกฤตวินาศกรรมระดับชาติขนาดนี้
นายพลอีกวานมุก (รับบทโดย ชเวแจซอง) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี และเป็นประธานคณะเสนาธิการร่วม
นายพลอึนฮีจอง (รับบทโดย อีคียอง) เสนาธิการทหารบก
สายนักการเมือง
ยางจินมัน (รับบทโดย คิมกัปซู) ประธานาธิบดีที่เสียชีวิตพร้อมรัฐมนตรีทั้งคณะและเจ้าหน้าที่อีกมากมายร่วม 300 คนในรัฐสภาที่ถูกระเบิดถล่ม เป็นนักการเมืองที่มีพื้นฐานจิตใจดี เป็นที่รักของคณะทำงานในบลูเฮาส์มาก นโยบายหลักที่ชูคือเรื่องสันติภาพคาบสมุทรเกาหลี สำหรับคนที่ดูซีรีส์ Chief of Staff มาก่อน อาจปรับตัวไม่ค่อยทันที่เห็นคิมกัปซูพลิกบทกลายเป็นนักการเมืองสายน้ำดีในเรื่องนี้ 555
ยุนชานคยอง (รับบทโดย แบจงอ๊ก) สมาชิกสภาผู้นำพรรคฝ่ายค้าน พรรคสาธารณรัฐนิยมซอนจิน เป็นนักการเมืองอาชีพรุ่นเก๋าเกม แน่นอนว่าถ้าเธอยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามประธานาธิบดียางมาก่อน เธอก็คือคนที่ไม่สนับสนุนนโยบายสันติภาพที่จะนำมาซึ่งอีกหลายปัญหา ในแง่เสียงความนิยม เธอก็อยู่ในระดับแถวหน้า เป็นตัวละครที่มีมิติ เพราะอาจเป็นไปได้ทั้งตัวค้านหรือตัวช่วยให้กับประธานาธิบดีพัค
คังซังกู (รับบทโดย อันแนซัง) นายกเทศมนตรีโซล คร่ำหวอดมาถึง 3 สมัย ควรแก่เวลาที่จะคิดหวังลงสนามใหญ่เลือกตั้งประธานาธิบดีดูบ้าง เป็นตัวละครที่เป็นตัวแทนนักการเมืองน้ำเน่าซึ่งให้สีสันดีทีเดียว แม้จะไม่ได้มีบทเยอะนัก
โอยองซอก (รับบทโดย อีจุนฮยอก) อดีตนาวิกโยธินที่ผันตัวมาเล่นการเมือง เพิ่งได้เป็นสมาชิกอิสระหน้าใหม่ของสภา หนุ่มแน่น หน้าตาดี วาทะเยี่ยม ฉายแววบุคลิกผู้นำ จึงเป็นดาวรุ่งขวัญใจประชาชนได้ง่ายๆ เสน่ห์ของตัวละครนี้ คือการให้ติดตามลุ้นว่าเขาดีหรือร้ายกันแน่ เรื่องนี้ อีจุนฮยอกลงทุนลดน้ำหนักตัวไปถึง 9 กก. หล่อเพรียวเลยหละ
สื่อมวลชน – สถานีข่าวช่อง TBN
อูชินยอง (รับบทโดย โอฮเยวอน) นักข่าวสาวสายการเมืองประจำทำเนียบ รุกคำถามเด็ดๆกับโฆษกเสมอ ไม่เว้นแม้แต่เวลาที่ประธานาธิบดีเป็นผู้ยืนให้ข่าวบนโพเดียมเองก็ตาม โฆษกคิมนัมอุคจะต้องรับมือเธออย่างมีสติเสมอ ไหวพริบและคารมคู่นี้ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกัน ตย. เช่น เมื่อนักข่าวอูรุกจี้คำถามสำคัญครั้งหนึ่ง โฆษกคิมมีลีลาการเลี่ยงตอบได้อย่างสวยงามว่า ‘การประเมินผลงานคุณอู อยู่ที่การตั้งคำถามของคุณ แต่การประเมินผลงานของผมอยู่ที่การปิดปากเงียบของผม’
คิมทัน (รับบทโดย ชเวจินโฮ) ผู้อำนวยการสถานีที่ทำข่าวการเมืองถึงลูกถึงคนอย่างเข้มข้น กระหายข่าวเพื่อเป้าหมายเรตติงรายการของสถานีตนเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังมีดารารับเชิญ อีกหลายคน เช่น พัคฮุน และ อีดงฮวี มารับบทเป็นกองกำลังพิเศษหน่วยปฏิบัติการ 707 ที่รับภารกิจสำคัญตามคำสั่งประธานาธิบดี
โดยสรุป เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกมากทั้งมุมจริงจังและบันเทิง ผูกเรื่องดี กระชับชวนติดตาม มีกลิ่นอายฝรั่งที่เขย่ารวมกับเสน่ห์เกาหลีได้ลงตัว ลุ้นพิสูจน์ฝีมือผู้นำคนใหม่ที่มีดีเกินกว่าแค่ตำแหน่งรักษาการ 60 วัน ลุ้นการสืบสวนจับผู้ร้ายปริศนา ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนพอควร คาดเดาไม่ง่ายนัก พาเราค่อยๆสาวไป กว่าจะได้เจอผู้ลงมือ ผู้สมรู้ร่วมคิด ผู้ชักใยเบื้องหลัง และยังมีหมากตัวเด็ดที่ถูกตั้งใจวางไว้เพื่อการนี้ ตลอดทางก็มีหยอดเซอร์ไพรซ์มาให้หัวหมุนบ้าง
บางคนอาจคิดว่าเป็นพลอตเรื่องการเมืองคงเข้าใจยาก ยิ่งเป็นการเมืองบ้านเขา เราไม่คุ้นเคย ก็อาจมีประเด็นนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคมากนัก เพราะความเป็นสากลของเรื่องราวการเมือง ก็เหมือนๆกันทุกที่แหละ และยิ่งเป็นมุมจิกกัดก็เก็ตง่าย ตามทันแน่นอน เช่น การเปรียบเปรยการเมืองเหมือนซานตาคลอสหลอกผู้ใหญ่ ส่วนรายละเอียดที่พาดพิงตัวบทกฎหมายรัฐธรรมนูญของเขา บทสคริปต์ก็มักจะมีอธิบายให้เพิ่มเติมอยู่แล้ว เคสต่างๆที่หยิบมาเล่นในเรื่องก็ไม่ไกลตัวเกินไป เข้าถึงง่ายกว่าเคสในเวอร์ชันต้นฉบับ เพราะเราเป็นเอเชียด้วยกันและยังมีความคุ้นเคยหนังซีรีส์เกาหลีมาก่อน
ด้วยว่าตัวบทดีสมบูรณ์อยู่แล้ว ยังได้นักแสดงฝีมือดี ทุกคนแคสมาลงตัวกับบทยิ่งดูสนุกลื่นไหล ขนาดคังฮันนาซึงผู้เขียนนึกภาพไม่ออกในตอนแรกว่าจะสวมบทได้เนียนดีแค่ไหน เพราะบุคลิกอาจไม่แมทช์ แต่พอดูเข้าจริง เธอทำได้ดีทีเดียวนะ เป็นงานที่ทุกๆตัวแสดงมารวมกันแล้วได้ความลงตัวสมบูรณ์แบบเลยค่ะ
บทสรุปการปูความหวังไปสู่อุดมการณ์โลกใหม่ด้วยมิติการเมืองใหม่ในเรื่องนี้คือ มันไม่ใช่แค่เรื่องการเอาชนะ ที่มีการแบ่งเส้นชัดเจนระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้ โลกของผู้ชนะคือจะได้ทุกอย่างไป ส่วนโลกของผู้แพ้ก็คือการสูญสิ้น เพราะวิถีการเมืองในสไตล์ของประธานาธิบดีพัคที่มาจากจิตวิญญาณคนดีที่เก่งนั้นแตกต่างไปตรงที่ ‘เขาชนะเสมอ และน่าแปลกใจที่ไม่มีใครแพ้ด้วย’ และผู้นำที่มีวิถีเช่นนี้จะอุทิศตัวมานำประเทศนี้ให้ประชาชนได้กลายเป็นผู้ชนะด้วยหรือไม่ ต้องไปติดตามเชียร์กันค่ะ
ปิดท้ายด้วย Ost. ที่น่าฟังจากเรื่องนี้ My Hope ร้องโดย Cha Yeoul ‘แค่เป็นอย่างที่คุณเป็น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็ยังเป็นแสงส่องและความหวังให้กับฉันเสมอ’
เกร็ดความรู้ : เรื่อง DEFCON ที่ถูกพูดถึงในช่วงต้นเรื่อง (บางคนอาจแว้บนึกไปถึงคุณเดฟคอนในรายการ 2 Days 1 Night หรือซีรีส์ A Poem A Day…ไม่ใช่นะคะ 555)
DEFCON ย่อมาจากคำว่า Defense Readiness Condition หรือระบบตรวจความปลอดภัยและตรวจสอบระดับของอาวุธนิวเครียร์ของประเทศอเมริกา ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ ไล่จาก 5 ไปพีคสุดคือ 1 นะ
ระดับที่ 5 คือ Fade Out แปลว่า ปลอดภัยสุด ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ทำงาน
ระดับที่ 4 Double Take ความปลอดภัยลดลง อยู่ในระดับที่รัฐบาลต้องส่งทีมสอดแนมเพื่อไปตรวจสอบประเทศที่ต้องสงสัยว่าได้เปิดใช้อาวุธนิวเคลียร์
ระดับที่ 3 Round House ความปลอดภัยลงลดถึงครึ่่งทาง รัฐบาลต้องหารือโดยด่วนที่สุด รัฐบาลจะใช้เครื่องบินรบบินบริเวณของประเทศนั้นๆ กองกำลังจะพร้อมให้เรียกระดมพลได้ภายใน 15 นาที
ระดับที่ 2 Fast Pace เรียกว่าหนึ่งก้าวก่อนถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ระดับนี้ รัฐบาลจะเตรียมหน่วยจู่โจมและพร้อมโจมตีใน 6 ชม.
ระดับที่ 1 Cocked Pistol คือการเกิดสงครามนิวเคลียร์