ซีรีส์เมโลดรามาโรมานซ์ที่เสิร์ฟกลิ่นอายทั้งในโทนของ Bittersweet Romance และ Healing Romance ควบไปด้วยกันเพราะถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่มีอดีตบอบช้ำและความขมขื่นใจ แต่ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เพื่อช่วยการอยู่รอดของผู้คน หรือแม้กระทั่งการช่วยเติมเต็มความปรารถนาเล็กน้อยในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตผู้คน เป็นความฟิลกู้ดในการเกื้อกูลอาทรต่อกันด้วยใจ โดยเดินเรื่องผ่านตัวละครหลัก ศัลยแพทย์หนุ่ม อีคัง (รับบทโดย ยุนคเยซัง) และ เชฟสาว มุนชายอง (รับบทโดย ฮาจีวอน) สองวิชาชีพที่โคจรมาร่วมงานกันในสถานพักฟื้นของผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต หรือที่เรียกว่า ศูนย์ฮอสพีซ (Hospice) ซึ่งครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ เขาและเธอได้เคยพบกันโดยบังเอิญและมีใจต่อกัน แต่ถูกชะตาพาให้ต่างแยกจากกันไปเผชิญความเจ็บปวดชีวิตนับสิบปี จนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง มันจะเป็นโอกาสแห่งการเยียวยาใจ และเริ่มบ่มเพาะรักให้เข้าที่ได้หรือไม่ ในเมื่ออุปสรรคยังมีมากมาย ต้องไปติดตามชมกันค่ะ
เรื่องราวของ ‘ช็อกโกแลต’ ที่วางเป็นแกนไอเดียของละคร
ช็อกโกแลต คือ ‘อาหารแห่งทวยเทพ’ ที่ถูกยกย่องไว้ในตำนานแห่งอียิปต์ ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยสมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินและเซเรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข คลายความเครียดวิตกกังวล จึงเรียกได้ว่าเป็นการเติมพลังชีวิตและเยียวยาอารมณ์ แท้จริงแล้ว ช็อคโกแลต ผลิตจากเมล็ดคาเคาซึ่งมีรสขมเฝื่อน แต่เมื่อผ่านกระบวนการปรุงจะได้ออกมาเป็นความหอมหวาน ช่างเป็นสัญลักษณ์ที่ได้อารมณ์ bittersweet ขมๆหวานๆ สุขๆเศร้าๆ เข้าท้องเรื่องอย่างลงตัว
ช็อกโกแลต ถูกใช้เป็นสื่อรูปธรรมในเรื่องนี้ คือ ของโปรดของอีคังในวัยเด็ก เป็นของดีที่เขาตั้งใจจะปรุงเป็นเมนูขนมหวาน ให้กับเด็กหญิงที่เดินพลัดเข้ามาในร้านอาหารของเขา และปลื้มปริ่มเอร็ดอร่อยกับอาหารจานคาวเซ้ตใหญ่ที่เขาทำมาเสิร์ฟ จนเขานัดให้เธอกลับมาชิมช็อกโกชาช่าฝีมือเขาอีกครั้ง แต่ทว่า เธอก็ไม่ได้กลับมาเพราะเหตุบางอย่างในชีวิต ถึงกระนั้นก็ตาม ช็อกโกแลตก็ยังคงหอมหวานอวลอยู่ในจิตใจของมุนชายองตลอดมา จนกลายเป็นเมนูเยียวยาอารมณ์ให้กับเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นในแง่การเป็นผู้ปรุงหรือผู้กินเอง และอาหารมื้อนั้นจากอีคังแหละที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเติบโตมาเป็นเชฟฝีมือดี
และแล้ว ช็อกโกแลตก็ทำหน้าที่สื่อพลังชีวิตและคุณค่าต่อใจอีกหน จากหญิงแปลกหน้าซึ่งกลายเป็นคนใกล้ตัวที่สุดของเด็กน้อยมุนชายองในคราวที่พวกเธอติดอยู่ใต้ซากตึกถล่มด้วยกัน เธอมอบทั้งกำลังใจและช็อกโกแลตกับมุนชายอง เพื่อการมีพลังชีวิตอยู่รอดรอความช่วยเหลือ ในขณะที่ จริงๆแล้ว ช็อกโกแลตชิ้นนั้นก็เป็นความหมายหนึ่งที่มีค่าต่ออีคังเช่นกัน
เมื่อรักแรกพบได้โอกาสสานต่อความสัมพันธ์ คือการเยียวยาใจสลายความขื่นขมของชีวิต
การได้กลับมาพบกันของอีคังและมุนชายอง ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวัง เขาจดจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอจึงไม่ได้เปิดเผยตัวตนกับเขา ได้แต่เฝ้าดูเขาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากเด็กสดใสร่าเริง กลายเป็นผู้ชายเคร่งขรึม ไร้รอยยิ้ม แทนที่เขาควรจะเป็นเชฟ หรือเจ้าของร้านอาหารชายทะเล กลับกลายเป็นศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่ เป็นทายาทของกลุ่มธุรกิจการแพทย์ใหญ่ของเกาหลี แต่ที่หนักหนาไปอีก คือชะตาซึ่งเล่นตลก ชักนำให้เธอเข้าใจผิดบางอย่างจนยอมไปเป็นแฟนกับ ควอนมินซอง (รับบทโดย ยูแทโอ) ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเขาคือเพื่อนรักเพียงคนเดียวของอีคัง กลายเป็นเจ็บปวดใจที่ทำให้เธอต้องทิ้งปัญหาหนีจากไปไกลถึงต่างแดน โดยไม่บอกอะไรกับใครเลย และกลายเป็นเรื่องที่สร้างความขุ่นเคืองใจให้อีคังตัดสินว่าเธอเป็นผู้หญิงใจร้ายที่ทำลายจิตใจเพื่อนรัก
และแม้ว่าจะมีเหตุให้เธอได้กลับมาเจอกับเขาใหม่อีกครั้งในบทบาทที่เปลี่ยนไป อีคังถูกการกีดกันของญาติในครอบครัวจนต้องกระเด็นมาประจำที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และมุนชายองก็บังเอิญได้เข้ามาทำงานเป็นแม่ครัวในศูนย์แห่งนี้ การดำเนินไปของชีวิตและงาน ก็ยังมีเรื่องราวที่ทั้งเขาและเธอต้องเผชิญอีกมาก ช่วงเวลาการได้ทำงานไปด้วยกัน ก็ช่วยเปิดให้อีคังได้เห็นตัวตนของมุนชายองมากขึ้น และรับรู้ความจริงในที่สุด
เมื่อความปรารถนาสุดท้ายได้รับการเติมเต็มก่อนลาจากโลกนี้
ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยแห่งนี้ สะท้อนชีวิตผู้คนหลากหลายที่ผ่านการเยียวยาทางกายจนเกินกำลังจะยื้อยุดได้ พวกเขาเหลือเวลาเพียงไม่มาก แต่กลับเป็นเวลาที่มีคุณค่าที่สุด ได้ตกตะกอนความคิด ปล่อยวางจิตใจ และทบทวนการกระทำซึ่งยังค้างคา ให้เป็นความสุขสุดท้ายของชีวิต มุนชายองได้ใช้ความสามารถในการทำอาหารที่ปราณีตและเต็มไปด้วยความปรารถนาดีให้กับผู้ป่วย ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความสุข หวนระลึกถึงความทรงจำดีๆของชีวิต ส่วนอีคังเองก็ได้สัมผัสความรู้สึกดีๆที่แฝงอยู่ในเรื่องเศร้าๆทั้งหลาย ก็เหมือนการสัมผัสรสหวานจากช็อกโกแลตขมๆ ที่สำคัญคือทำให้เขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่นในหัวใจของมุนชายอง
นอกจากนี้ ผู้ป่วยหลายเคส ญาติและครอบครัวของผู้ป่วย ผอ.ศูนย์ หัวหน้าแม่ครัว ล้วนแล้วแต่มีเรื่องราวชีวิตสะเทือนใจซึ่งสมควรได้รับการเยียวยาใจเช่นกัน รวมทั้ง ลูกพี่ลูกน้องของอีคังที่ชื่อว่า อีจุน (รับบทโดย จางซึงโจ) หมอหนุ่มที่มีบาดแผลจิตใจจากปมชะตาชีวิตไม่น้อยไปกว่าใคร สุดท้ายแล้วพวกเขาจะเลือกแบกมันต่อด้วยสารพัดเหตุผลของความเป็นมนุษย์ หรือเลือกปล่อยวางลงเพื่อพบความสุขใจที่แท้จริง ก็ชวนติดตามทั้งนั้น
สุนทรีย์บันเทิงที่ไม่สามารถบอกต่อแนะนำกันด้วยเพียงตัวอักษร
ถ้าว่ากันที่พลอตและโครงบทของเรื่องนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ดูจะเป็นความเดิมๆคุ้นๆของละครเมโลดรามาทั่วไป แต่เสน่ห์ที่โดดเด่นยกระดับคุณค่าความน่าชม คงต้องยกให้ฝีไม้ลายมือของผู้กำกับ ที่ทำให้งาน Cinematography มีความ craft เป็นศิลป์สวยงาม ความอิ่มตาอิ่มใจของวิว โลเคชันถ่ายทำ มุมกล้อง ภาพที่ละมุน เพลงเพราะๆ ผ่านการเดินเรื่องที่ละเมียดละไม จับอารมณ์ ภายใต้ฝีมือถ่ายทอดบทของนักแสดงระดับรุ่นใหญ่อย่าง ยุนคเยซัง และฮาจีวอน รวมทั้งนักแสดงสมทบอื่นๆที่จัดมาได้เต็มอารมณ์ดี กลายเป็นซีรีส์ที่ควรค่าแก่การชมเรื่องหนึ่งเลยค่ะ
เพลงที่ไพเพราะ บีบอารมณ์ โดนใจผู้เขียนมากที่สุด คือ Always Be Here ขับร้องโดย ฮาจิน