สาวผู้ช่วยนักเขียนบทละครไส้แห้งที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่และไม่เคยมีแฟนมาก่อนอย่าง ยุนจีโฮ (รับบทโดย จองโซมิน) ที่วันหนึ่งถูกระเห็จออกจากบ้านเพราะน้องชายแท้ ๆ กำลังจะมีครอบครัว เธอจึงต้องรีบหาที่พักในแบบราคาถูกที่สุดและด่วนจี๋ที่สุด สองสาวเพื่อนสนิทของเธออย่าง ยังโฮรัง (รับบทโดย คิมกาอึน) สาวหวานที่ฝันอยากแต่งงานเป็นแม่บ้าน เธอทำงานเป็นหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟอาหาร และ อูซูจี (รับบทโดย อีซม) สาวมั่นเปรี้ยวซ่าที่ทำงานในบริษัทชื่อดังและไม่อยากแต่งงาน จึงไม่รีรอที่จะรีบช่วยหาที่อยู่ให้ จีโฮ กัน และแล้ว ซิมวอนซอก (รับบทโดย คิมมินซอก) โปรแกรมเมอร์ฟรีแลนซ์จนกรอบแฟนหนุ่มของ โฮรัง ก็หาที่พักมาให้ได้สำเร็จโดยผ่านการแนะนำจากเพื่อนรุ่นพี่ประธานบริษัทพัฒนาแอปเดทแต่ไม่แต่งงานที่กำลังบูมมาก มาซังกู (รับบทโดย พัคบยองอึน) ซึ่งเพื่อนสนิทและพนักงานคนสำคัญของบริษัทของเขาอย่าง นัมเซฮี (รับบทโดย อีมินกิ) หนุ่มโปรแกรมเมอร์สุดเป๊ะหน้าไร้อารมณ์เป็นผู้ที่กำลังหาคนมาเช่าห้องในบ้านของเขาเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและให้มาช่วยดูแลบ้าน เซฮี เจ้าของบ้านไร้อารมณ์คิดว่าผู้มาเช่าเป็นผู้ชาย จีโฮ สาวโสดไส้แห้งก็คิดว่าเจ้าของบ้านเป็นผู้หญิง จุดเริ่มต้นที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้ จนกลายเป็นการแต่งงานกำมะลอและแปรเปลี่ยนเป็นความรักไปในที่สุด …..
Because This Is Our First Life.
เรื่องนี้ถือเป็นซีรีส์นอกสายตาในตอนแรกแต่หลังจากออนแอร์แล้วกระแสตอบรับค่อนข้างดีเกินคาด อาจจะไม่ได้เรตติ้งทะลุทะลวงแต่ก็เพิ่มจาก 12 ตอนที่แจ้งในตอนแรกกลายเป็น 16 ตอนในตอนหลัง โดยได้เจ้าแม่นางเอกรอมคอมอย่าง จองโซมิน ซึ่งเธอแสดงได้ดีเพราะเป็นบทถนัดของเธออยู่แล้ว มาประกบคู่กับ อีมินกิ ซึ่งห่างหายจากวงการซีรีส์ไป 5 ปีโดยเรื่องล่าสุดคือ Shut Up Flower Boy Band ทาง tvN ในปี 2012 การสื่ออารมณ์ทางสายตาผ่านความหน้านิ่งสามารถส่งถึงผู้ชมได้อย่างชัดเจนและถือว่าทำได้ดีมาก อีกคนที่ขอปรบมือให้ดัง ๆ ในเรื่องการแสดงคือ อีซอม บทสาวเซ็กซี่สุดมั่นมันออกมาจากตัวตนข้างในของเธอได้อย่างพริ้วมากไม่มีติดขัดและธรรมชาติสุด ๆ บวกกับความหน้าเก๋ของเธอเสริมเข้าไปอีกทำให้รู้สึกชอบเธอมากขึ้นเป็นพิเศษ และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือน้อง คิมมินคยู รับบทเป็น บ๊กนัม พ่อหนุ่มหล่อร้านกาแฟ ตอนออกมาฉากแรก ออร่าทะลุเข้ามาในใจนูน่าเลย การแสดงก็ทำได้ดี มองหน้ายิ่งชื่นใจ โดยรวมแล้วถือว่านักแสดงทุกคนในทีมนี้จัดคุณภาพให้คับจอเหมือนเดิมค่ะ
การดำเนินเรื่องทำได้ดีในสไตล์รอมคอมที่มีดราม่าผสมนิด ๆ หน่อย ๆ มีแผ่วบ้างในบางช่วง แต่ก็ตบกลับมาจนดูจบได้อย่างเพลิดเพลิน ความน่ารักในการถ่ายทอดเรื่องราวซึ่งเป็นจุดที่ชอบมากคือ การเปรียบเทียบและสอดแทรกข้อความหรือกลอนจากหนังสือหลายเล่มจนพอเดาได้เลยว่าคนเขียนบทต้องรักการอ่านหนังสือมาก ๆ แน่เลย ยกตัวอย่างในตอนที่ 12 จีโฮ พูดถึงหนังสือเรื่อง To Room Nineteen หรือ ห้องเบอร์ 19 แต่งโดย ดอริส เลซซิ่ง เรื่องราวของสาววัยกลางคนที่แต่งงานแล้วและมีครอบครัวสุดแสนจะเพอร์เฟคในสายตาคนอื่น แต่แล้ววันหนึ่งตัวเธอเองต้องการที่จะมีห้องไว้ห้องหนึ่งเพื่อให้มีที่สำหรับตัวเธอเองคนเดียวจริง ๆ เธอจึงไปเช่าห้องที่โรงแรมเล็ก ๆ ห่างไกลจากบ้านของเธอเพื่อไปนอนเฉย ๆ ไม่คิดอะไรใด ๆ แต่แล้วเมื่อสามีเริ่มสงสัยว่าหายไปไหน เธอกลับตอบไปว่าเธอกำลังมีคนอื่นเพื่อปกป้องห้องลับนั้นไว้ ตัวนางเอก จีโฮ จึงตีความห้องเบอร์ 19 ว่าห้องแห่งความลับ ถ้าได้เข้าไปในห้องเบอร์ 19 ของใครคนไหนแสดงว่าเราได้เข้าไปอยู่ในใจของคนคนนั้นแล้ว มันคือความลึกซึ้งที่สื่ออารมณ์และกินใจคนดูได้มากกว่าการเล่าผ่านซีรีส์แบบปกติทั่วไป ถือเป็นจุดที่ทำได้น่ารักและเข้าถึงอารมณ์ได้ดีมากค่ะ
“คำพูดเกิดจากปากของผู้คน และตายในหูคนฟัง แต่คำบางคำไม่ตาย มันยังอยู่ในใจและรอดชีวิตตลอดไป”
(บทกลอนจากหนังสือเกาหลีที่ชื่อแปลไทยว่า “ถึงจะร้องไห้ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” … จากตอนที่ 14)
อีกการเปรียบเทียบหนึ่งที่ถือว่าทำได้เก๋และน่าจดจำมากคือ จากตอนที่ 1 ซีนที่ เซฮี ได้พูดถึง นีโอคอร์เท็กซ์ ซึ่งเป็นสมองส่วนนอกของมนุษย์ที่ทำหน้าที่ในเรื่องของ ภาษา ศีลธรรม รวมถึงการควบคุมด้านอารมณ์ พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวที่ยึดติดกับเวลาและความรู้สึกของคนอื่น ในขณะที่แมวไม่เคยมีความทรงจำใด ๆ แมวจะอยากจำแค่ในสิ่งที่อยากจำ ไม่รู้วันเวลาไม่รู้จักคำว่าแก่หรือเด็ก การสื่อความหมายตรงนี้ได้ออกมาว่า ควรใช้ชีวิต ณ ปัจจุบันแค่นี้คือพอแล้ว อดีตหรืออนาคตปล่องวางไว้ ทำทุกอย่างแค่ตอนนี้เดี๋ยวนี้ สอดคล้องกับหลักศาสนาพุทธที่ว่า จงมีสติ และอยู่กับปัจจุบัน
“การที่คุณรู้เรื่องของเมื่อวาน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้เรื่องของวันนี้ได้”
(ยุนจีโฮกล่าวไว้ในตอนที่ 12)
ในอีกจุดที่อยากจะขอกล่าวถึงคือ ความต้องการที่ต่างกันในความสัมพันธ์คือสาเหตุหลักในหลาย ๆ คู่ที่ทำให้ต้องเลิกกัน โดยดูได้จากคู่ของ โฮรัง สาวพนักงานเสิร์ฟที่ใฝ่ฝันว่าอยากแต่งงานมากที่สุด เพราะไม่อยากแตกแยกจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม ในขณะที่ วอนซอก แฟนของเธอที่รักและดูแลเธอดีมาก แต่ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ รายได้ก็ยังไม่มั่นคงจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องการแต่งงานเลย จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ … ในความสัมพันธ์ของคนสองคนเป็นธรรมดาที่จะเกิดความขัดแย้งหรือไม่เข้าใจกัน สิ่งที่ต้องทำเพื่อรักษามันไว้คือ การสื่อสารพูดคุยและการหาจุดตรงกลาง ทั้งสองอย่างนี้ต้องทำอยู่ภายใต้พื้นฐานของ ”ความชัดเจน” ถ้ามีพื้นที่ไหนในความสัมพันธ์ที่มันคลุมเครือ ตรงนั้นจะกลายเป็นช่องโหว่ที่จะกลับมาบั่นทอนความรักของคนสองคนในตอนหลังก็เป็นไปได้ค่ะ
ในตอนสุดท้าย ยุนจีโฮ พูดถึงบทความของ เกอเธ่ นักเขียนและนักกวีชื่อดังชาวเยอรมัน ที่บอกว่า ไม่มีสิ่งใดที่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาจากความสุขยกเว้นการแต่งงาน ซึ่งคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ … ในทุกความสัมพันธ์ สิ่งที่ทำให้ความรักคงอยู่ไปนาน ๆ คือความสุข สิ่งที่ทำให้เกิดความสุขคือการคิดบวกและปล่อยวาง และทุกอย่างเริ่มที่ตัวเราเองค่ะ ก็เพราะนี่คือชีวิตแรกขอเรานี่เนอะ ซีรีส์ความหมายดี ๆ ที่มาพร้อมกับความละมุนกลมกล่อม และความสวยงามของความรักในมุมมองต่าง ๆ ที่จัดมาให้เราได้มองตัวเองไปด้วย ..
Because This Life Is Our First Life.
เรื่องย่อและรายละเอียดตัวละครต่าง ๆ จัดได้ตามลิ้งก์นี้เลยค่ะ ^^
http://www.korseries.com/synopsis-this-life-is-our-first-2017/