สำหรับซีรีส์ที่สร้างรอยยิ้มและความสุขพร้อมแรงบันดาลใจให้กับคนดูอย่างเรา ๆ ได้อย่างมากในช่วงนี้ หนึ่งในลิสต์คงหนีไม่พ้น Record of Youth (청춘기록) หรือ เส้นทางดาว ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นผลงานทิ้งท้ายก่อนเข้ารับใช้ชาติของ พัคโบกอม แม้จะออกอากาศมาครึ่งทางแล้วแต่ก็ยังได้รับผลตอบรับและกระแสด้านบวกจากแฟน ๆ มากมายทั้งในเกาหลีใต้และนอกประเทศอย่างท่วมท้น นอกจากนั้นยังติดอันดับ TOP10 บน Netflix ของหลายประเทศอีกด้วย ฟีดแบคดีเลิศขนาดนี้ ถ้าใครพลาดจะเสียใจแน่นอน >__<
เรื่องราวจะเผยให้เห็นถึงหนทางที่มีทั้งความยากลำบากและปัจจัยด้านความสัมพันธ์จากคนรอบข้างไม่ว่าจะทั้งจากครอบครัว จากเพื่อนสนิท วอนแฮฮโย (รับบทโดย บยอนอูซอก) และจากสาวผู้เข้ามาพัวพันในชีวิตของเขา อันจองฮา (รับบทโดย พัคโซดัม) กับ ความพยายามที่จะไล่ล่าตามความฝันบนเส้นทางอาชีพของตัวเอง จากวงการนายแบบสู่การเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัวของ ซาฮเยจุน (รับบทโดย พัคโบกอม)
จริง ๆ แล้วพล็อตการไล่ล่าความฝันที่อยากเป็นดาวในวงการบันเทิงลักษณะนี้มีให้ได้ดูกันมาหลายเรื่องแล้ว แต่อะไรที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ยังครองอันดับ 1 ในซีรีส์ล็อตที่ออกอากาศวันจันทร์-อังคารในเวลาเดียวกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตอนแรกที่ออกอากาศและการถูกพูดถึงแบบปากต่อปากรวมถึงกระแสโลกออนไลน์ที่ก็เรียกได้ว่ามีให้ได้ยินได้เห็นกันตลอดอย่างไม่ขาดสาย ผู้เขียนจึงขอยก 3 เหตุผลที่ทำให้ตัวเองและแฟน ๆ อีกหลายคนตกหลุมรักซีรีส์น้ำดีที่แสนจะน่ารักเรื่องนี้ว่ามีอะไรกันบ้าง มาลองติดตามกันเลย
| เหตุผลที่ 1 : แหล่งพลังงานเสริมสร้างแรงบันดาลใจ |
เสน่ห์ของตัวละครหลักอย่าง ซาฮเยจุน ที่ถ่ายทอดโดย พัคโบกอม นั้นส่งต่อมาทั้งความพยายามอย่างไม่สิ้นสุด ความไม่ย่อท้อต่อทุกอุปสรรค ความกล้าเผชิญหน้าต่อความล้มเหลว และความเอาใจใส่ลงลึกทุกรายละเอียดต่อทุกผลงาน
แน่นอนว่าสิ่งที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ คนส่วนใหญ่มักจะรู้กันอยู่แล้ว (ทำได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที) แต่ถ้าได้ลองทำความรู้จักกับ ซาฮเยจุน ใน Record of Youth ในเรื่องนี้ จะรับรู้ได้เลยว่า ในทุกปัญหาและทุกการดำเนินต่อหลังจากนั้นมีอะไรให้คนดูได้ฉุกคิดและนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของพวกเราได้อย่างแน่นอน
นอกจากภาพความมุมานะของซาฮเยจุนที่สามารถเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนดูได้แล้ว อยากให้ลองทำความรู้จักกับฝั่งตัวละครหลัก อันจองฮา ซึ่งถ่ายทอดโดย พัคโซดัม ช่างแต่งหน้าที่ฝันอยากมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง เส้นทางการทำงานของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบพอกัน เธอต้องทนต่อคำด่าทอ การถูกอิจฉาริษยา และการถูกนินทาว่าร้ายทั้งลับหลังและต่อหน้า แต่เธอและซาฮเยจุนผ่านความยากลำบากเหล่านั้นมาได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องไปไขข้อข้องใจในซีรีส์ด้วยตัวเอง
| เหตุผลที่ 2 : ต่างครอบครัว ต่างความรัก ต่างสไตล์ |
อีกหนึ่งประเด็นที่ซีรีส์เรื่องนี้พยายามนำเสนอในเรื่องคือ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่มาพร้อมกับการตีแผ่ประเด็นความเหลื่อมล้ำของครอบครัวที่มีพื้นฐาน การเลี้ยงดูที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากมองภาพจากฝั่งครอบครัวของ ซาฮเยจุน ที่มักจะไม่ลงรอยกับพ่อมากเท่าไหร่ เนื่องจากที่พ่อไม่เห็นด้วยกับการก้าวเท้าเข้าสู่วงการบันเทิงของตัวเขาเองเพราะพ่อเชื่อว่ารายได้ที่มั่นคงจะทำให้ชีวิตราบรื่นและง่ายกว่านี้ จึงทำให้ความรักจากพ่อถูกเทไปที่พี่ชายที่เรียนเก่งกว่าและได้งานประจำทำที่มั่นคง
ในขณะที่ครอบครัวของตัวละคร วอนแฮฮโย ที่ถ่ายทอดบทบาทโดย บยอนอูซอก นั้น พื้นเพครอบครัวมีฐานะดี แม่พยายามดันทุกวิถีทางให้ลูกได้ขึ้นเป็นระดับแถวหน้าของวงการบันเทิงโดยที่ลูกไม่รู้เลยว่าแม่เป็นแม่ดันอยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง การแสดงออกถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูก กลับทำให้ได้รู้สึกถึงแต่ความรักของแม่ที่เธอทำให้กับตัวเอง และลูก ๆ ก็ไม่เคยศรัทธาในความรักแบบนี้ของแม่เลย
ด้วยความแตกต่างระหว่างครอบครัวของ ซาฮเยจุน และ วอนแฮฮโย ทำให้ในเรื่อง ได้เห็นถึงความพยายามในการใช้ชีวิตและทำตามความฝันของแต่ละคนอย่างเต็มที่ในแนวทางที่แตกต่างกัน บนเส้นทางของ ซาฮเยจุน เขาได้พบเจอกับอุปสรรคและพบกับความล้มเหลวนับไม่ถ้วนครั้ง ส่วนเส้นทางของ วอนแฮฮโย แม้จะประสบความสำเร็จและดูเหมือนว่าทางของเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลีบกุหลาบที่ว่ากลับมีผู้เป็นแม่กำหนดกฎเกณฑ์ทางของเขาไว้
| เหตุผลที่ 3 : การถ่ายทอดเรื่องราวค่อยเป็นค่อยไปอย่างน่าติดตาม |
โดยปกติส่วนตัวเวลาจะเลือกดูซีรีส์สักเรื่อง ปัจจัยแรก ๆ ที่จะทำให้คนดูเลือกดูซีรีส์โดยส่วนมากจะมาจากพล็อตที่ถูกใจ + นักแสดงที่ชื่นชอบ มาก่อนเป็นอันดับแรก ๆ แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์ทั้งตัวผู้เขียนเองและคอซีรีส์ในวงกว้างอยู่พอสมควร ด้วยการเล่าเรื่องสไตล์ Slice of Life ที่เป็นเรื่องราวชีวิตที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย แต่สามารถเข้าถึงได้แทบทุกกลุ่มผู้ชม ประกอบกับ ทีมนักแสดงก็ยังถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้สมบทบาท แถมภาพเสียงองค์ประกอบรอบ ๆ ก็ยังสามารถจัดวางเรียงออกมาได้อย่างสมจริงและเหมาะสม แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ควรจะข้ามซีรีส์ดี ๆ เรื่องนี้ไป
ก่อนอื่นขอชื่นชมทีมนักแสดงยกทีมที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างไร้ที่ติอย่างเป็นธรรมชาติดีจริง ๆ โดยเฉพาะ 3 นักแสดงหลักที่ทำให้คนดูอย่างตัวผู้เขียนเองหรือคนรอบข้างต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องนี้ทั้ง ฟิน อิน จิ้น และซึ้ง กันไปหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น พัคโบกอม ที่สามารถถ่ายทอด ซาฮเยจุน ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แสดงดีมากจนเห็นตัวละครในสายตาของโบกอมอยู่หลายฉาก หรือทาง พัคโซดัม นางเอกที่ไม่ต้องแต่งอะไรมากมาย การแสดงของเธอก็ไม่ประดิษฐ์มากไป สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ บยอนอูซอก บทบาทสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมเสียงหัวเราะแต่แอบแฝงไว้ด้วยความกังวล ฉาบไว้ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา อูซอกเอาบทนี้อยู่หมัด
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เรื่องนี้ยังการันตีความคุณภาพด้วยการร่วมงานกันของ ผู้กำกับอันกิลโฮ (Stranger (tvN,2017), Memories of the Alhambra (tvN,2018)) กับ นักเขียนฮามยองฮี (Temperature of Love (SBS,2017), Doctors (SBS,2016)) แค่ผลงานในอดีตที่ผ่านมาของทั้งคู่ก็ไม่ต้องบรรยายอะไรกันให้มากมาย คอนเฟิร์มความสนุกและสาระดี ๆ ให้ได้แบบหายห่วงเลยจ้า
เชียร์กันมาถึงขนาดนี้ บทก็ดี ทีมงานก็เลิศ ข้อคิดสอนใจอีกเพียบ แถมนักแสดงก็สมบทบาท ที่สำคัญคอนเฟิร์มว่าสนุกมากอีกด้วย ถึงแม้บางช่วงบางตอนอาจจะมีความเป็นละครและไม่สมจริงบ้าง แต่พอดูแล้วมันมีความสุขก็ทำให้ลืมจุดยิบย่อยเหล่านั้นไปได้อย่างไม่ติดอะไร สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดียิ่งขึ้นไปอีกคือชาวคอซีรีส์สามารถหารับชมซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ Netflix ซึ่งจะออกอากาศตอนล่าสุดในวันเดียวกันกับช่อง tvN ที่เกาหลีใต้เวลาประมาณ 21.00 น. (ตามเวลาไทย) และสามารถอ่านเรื่องย่อได้ตามลิงก์นี้ ➔ เรื่องย่อ Record of Youth
สามารถติดตามข่าวสารอัปเดตข่าวสารไวทันใจ และพูดคุยเม้าท์มอยซีรีส์กับผู้เขียนได้ที่ Twitter : @nUKiOz
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ ^^
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการบันเทิงเกาหลี จากเราที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries