จะดีแค่ไหน แม้ตัวตายแล้ว ยังมีอีกตัวแทนที่เป็นเรา ได้สานต่อสิ่งที่ค้างคาอาลัย
จะดีแค่ไหน ถ้ายังมีตัวแทนเป็นๆของคนรัก ในยามที่เขากึ่งเป็นกึ่งตาย ประคองกำลังใจเพื่อความหวัง
คำตอบนั้น คือ บริการที่จัดให้โดย ‘Wonderland’
Wonderland เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟ แฟนตาซี ดรามา โรมานซ์ โดย ผู้กำกับคิมแทยงเจ้าของผลงาน Late Autumn (2011) ว่าด้วยเรื่องราวที่มาจากการจินตนาการว่า เมื่อถึงจุดที่โลกนี้สามารถมี AI (Artificial Intelligence) หรือที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ในภาษาไทย (ซึ่งอาจเข้าใจยากกว่าศัพท์ต้นทางหน่อย^^) ซึ่งมีการพัฒนาความสามารถถึงระดับที่สร้างให้เอไอเทียบเสมือนมนุษย์จริง โดยนำ DNA และข้อมูลภูมิหลังป้อนเข้าไปในโปรแกรม เพื่อให้ดูมีชีวิตจิตใจอารมณ์เฉกเช่นคนคนนั้นเลย จนสามารถปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้ แค่เพียงต้องมี device มาเป็นสื่อกลางให้เท่านั้น
ในเรื่องก็จับเอาวิทยาการนี้มาเป็นตัวเอกของเรื่อง คือบริการล้ำยุคที่ชื่อว่า ‘วันเดอร์แลนด์’ ขายการ ‘ต่อเวลา’ หรือ ‘ยื้อความสุข’ ให้อยู่กับลูกค้านานขึ้นได้ตามต้องการ ในสถานการณ์ที่ลูกค้ายังไม่พร้อมให้ความตายหรือสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายพรากคนที่รักจากพวกเขาไป หรือแม้กระทั่งการเตรียมตัว ‘สานฝัน’ ของตัวเองไว้ล่วงหน้า เพื่อยังมีโอกาสสมหวังสักครั้งหลังตายไปแล้ว
เรื่องนี้จึงไม่ใช่งานที่จะเน้นพาร์ต hard fact ของเทคโนโลยีบริการวันเดอร์แลนด์ แต่จะเน้นพาร์ตของ emotional benefit เล่าพรรณาสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากบริการ ซึ่งเป็นคุณค่าทางใจ และแสดงมุมมองของชีวิตผู้คนที่ต่างความต้องการ ต่างสถานการณ์ ซึ่งพบเจอจากบริการนี้มากกว่า ก็เรียกว่าเป็นสูตรถนัดของงานเกาหลีที่ต่างจากฟากตะวันตก ที่มักจับทุก genre มาบรรจบกับงานดรามาได้อย่างกลมกลืนกินใจเสมอ
บริการวันเดอร์แลนด์ที่ดำเนินการโดย ซอแฮรี (รับบทโดย จองยูมิ) และคิมฮยอนซู (รับบทโดย ชเวอูชิก) มีลูกค้าผู้ใช้บริการหลายๆเคส ต่างเป้าหมาย ต่างแบคกราวน์ชีวิต นำมาซึ่งหลายเรื่องราวที่น่าติดตาม ได้แก่
เคสที่ 1 ‘ห่วงใยในความรู้สึกของลูกและสานฝันตัวเอง’ เล่าถึงคู่แม่ลูกชาวจีน ถ่ายทอดโดย ไป๋หลี่ (รับบทโดย ถังเหว่ย) ผู้ต้องลาโลกด้วยโรคร้าย แต่ลูกเธอยังเล็กไม่กี่ขวบ ยังอยู่ในวัยต้องการแม่ ต้องถูกทิ้งให้ยายดูแล เธอจึงซื้อบริการนี้ไว้เพื่อส่งวิดีโอคอลล์คุยกับลูกบ่อยๆประหนึ่งว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และไปทำงานประจำอยู่ในแถบตะวันออกกลางนานๆ นั่นคือการสานฝันการเป็นนักโบราณคดี ชวนให้ติดตามดูความสัมพันธ์แม่ลูก และผลลัพธ์ปลายทาง
เคสที่ 2 ‘โหยหาคนรักผู้เป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต’ เล่าถึงคู่หนุ่มสาวทำงานสายการบินด้วยกัน ถ่ายทอดโดย จองอิน (รับบทโดย ซูจี) และ แทจู (รับบทโดย พัคโบกอม) เมื่อแฟนหนุ่มที่รักกันยิ่งต้องนอนป่วยโคม่าจากอุบัติเหตุ จองอินสูญสิ้นแรงกายแรงใจ เธอซื้อบริการนี้เพื่อให้ยังมีแทจูพูดคุยด้วยได้ตลอดเวลา ยังคอยเติมกำลังใจ ให้ชีวิตมีพลังพอที่จะเดินหน้าทำงานไปได้ในแต่ละวัน และมีพลังในการรอแทจูตัวจริงฟื้นได้สติ โดยเธอให้โจทย์ออกแบบเอไอแทจูเป็นนักบินอวกาศที่อยู่สถานีนอกโลกไกลๆ สร้างเหตุผลหักล้างในใจว่าเพราะเขาอยู่ไกลลิบจนทำได้แค่การวิดีโอคอลล์ถึงกัน ชวนให้ติดตามความเป็นไปเมื่อแทจูตัวจริงฟื้นกลับมาใช้ชีวิตได้
เคสที่ 3 ‘สานฝันให้หลาน ชูใจยายผู้อ้างว้าง’ เล่าถึงคู่ยายกับหลานหนุ่มวัยรุ่น ถ่ายทอดโดย ซงจองรัน (รับบทโดย ซองบยองซุก) และชเวจินกู (รับบทโดย ทังจุนซัง) หลานที่เสียชีวิตไปในวัยที่ยังไม่ได้บรรลุความฝันอยากไปเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงที่อังกฤษ ยายผู้มีชีวิตบ้านๆแต่ตัดสินใจซื้อบริการเพื่อได้มีโอกาสเห็นความสำเร็จของหลาน แม้ชีวิตจะยากลำบากตรากตรำงานกับสิ่งที่ไม่คาดคิดเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังเป็นชีวิตที่จบอย่างมีความหมายว่าทำไปเพื่ออะไร คุ้มค่าทางจิตใจหรือไม่
เคสที่ 4 ‘ผู้พร้อมจากโลกไปสู่อิสระ ให้เอไอเติมเต็มความสุขสุดท้าย’ เล่าถึง อียงชิก (รับบทโดย ชเวมูซอง) ชายที่รอความตายบนเตียงคนไข้อย่างมีพลังบวก เพราะมีความหวังกับชีวิตหลังความตาย ด้วยเอไอตัวเองของบริการวันเดอร์แลนด์ที่ซื้อไว้ เขาไม่มีภาระหรือเรื่องค้างคาอะไร ครอบครัวก็ไม่เดือดร้อนและยอมรับสถานการณ์ได้แล้ว แต่ทว่า อันที่จริง คิมฮยอนซูก็เพิ่งมาพบความจริงเรื่องหนึ่งที่เจ้าตัวไม่รู้ เขาควรจะได้รู้หรือไม่ เพราะอะไร ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคิมฮยอนซู
นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องราวเสริมเล็กๆจากตัวละครของซอแฮรี และซองจุน (บทรับเชิญโดย กงยู) ที่จะมาช่วยขยายอารมณ์และประสบการณ์ที่เกี่ยวพันกับบริการวันเดอร์แลนด์
ทั้งหลายทั้งมวล หนังพยายามสะท้อนให้คิดความสำคัญของคุณค่าจิตใจ สติความคิดความรู้สึกภายในที่แท้จริง และนานาความสัมพันธ์รักใคร่ โหยหา อาลัยของผู้คน ในโลกที่มีเวลาจำกัด ทุกคนจะเจอกับความเกิดแก่เจ็บตาย ต้องพรากจากแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง การคิดค้นเอไอเสมือนคนจริงขึ้นมาก็เป็นเหมือนสร้าง defense mechanism ทางจิตใจอย่างหนึ่ง หรือมองเป็นตัวช่วยในการประทัง ยืดอายุ ปลอบประโลมชูใจได้บ้าง แต่ท้ายสุดแล้ว ก็ยังทิ้งให้เก็บไปคิดต่อกันดูว่า คำตอบชีวิตแท้จริงของเราอยู่ตรงไหน
เรียกว่าแก่นไอเดียดี สื่อความหมายได้สวยงาม ถูกใจผู้เขียนเลย แต่ด้วยรายละเอียดของบทที่คมได้ไม่สุดไม่ครบด้าน และการเดินเรื่องที่พยายามให้ดูมีเสน่ห์ชวนสงสัย ไม่เรียบแบน กลับทำให้ดูงุนงงอยู่บ้าง สับสนได้ง่ายว่าเป็นตัวละครคนหรือเอไอ จริงหรือฝัน เป็นต้น ต้องค่อยๆดูไปปะติดปะต่อเรื่องเอง บางฉากก็เป็นการสื่อความเชิงสัญลักษณ์ และการจบเคสบางอันก็ดูจะห้วนๆ ต้องอาศัยการขบคิดย่อยต่อของผู้ชมเอง ความสนุกจึงอาจไปได้ไม่สุด และอย่างที่เกริ่นไว้ว่าหนังไม่เน้นความไฮเทคไซไฟแบบฮาร์ดคอร์ ฉากที่พรีเซนต์พาร์ตนี้จึงดูหย่อนหน่อมแน้มไปหน่อย ไม่ได้ความรู้สึกร่วมหรือน่าเชื่อถือเท่าไรนัก
โดยรวม ว่าโดยผิวเผิน หนังมีพลังด้วยชื่อชั้นทีมนักแสดง และความสดแปลกใหม่ของพล็อต แต่เนื้อหาอาจย่อยและขบคิดต่อยากสักนิดสำหรับการดูแบบงานแมส อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่คิดคาดหวังอะไรมากไปกว่าบันเทิงจากพาร์ตเคมีคู่หลัก พัคโบกอมกับซูจี ก็ถือว่าตอบโจทย์ความฟินได้ดีเลย เพลงคู่ก็เพราะมากจริงๆ คู่กงยูกับถังเหว่ย แม้แอร์ไทม์สร้างเคมีจะน้อยนิด แต่พลังโรเมนติคไม่ธรรมดาเลยค่ะ
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
