คิดจะให้ฝนฝ่าฤดู โปรยปรายในวันที่ 31 ธันวาคม คือสิ่งที่เกิดได้ยากมาก
แต่เขากล้าหวัง ปีแล้วปีเล่า 9 ปีแห่งการจดจ่อรอคอยนัดปาฏิหาริย์ เพราะอะไร …
ชวนตามไปดู ‘คังฮานึล’ ถ่ายทอดเรื่องราวให้ฝนฤดูหนาวกลายเป็นความอบอุ่นหัวใจได้อย่างไร?
Waiting for Rain หรืออีกชื่อว่า Endless Rain เป็นหนังรักวัยหนุ่มสาวที่มีความสวยงามในอีกรูปแบบหนึ่ง ฉีกวิธีดำเนินความสัมพันธ์ไปจากหนังรักสูตรนิยม ไม่ต้องเห็นหน้าก็เข้าใจกันได้ ไม่ต้องโอบกอดสัมผัสก็อบอุ่นได้ จึงดูไม่จำเจ ไม่หวานเลี่ยน สอดแทรกสาระสมจริง และให้พลังบวกกับชีวิต เรื่องเล่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป หยอดเสน่ห์ด้วยการเล่าแบบไม่เรียงลำดับเวลา แต่ร้อยเรียงเหตุการณ์ให้เข้าใจต่อเนื่องได้อย่างครบความ และเป็นบทหนังที่มีมุมให้ผู้ชมได้คิดตาม ตีความต่อเองได้ด้วย
หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของ พัคยองโฮ (รับบทโดย คังฮานึล) สลับไปมาระหว่างปี 2003 ที่เขาอายุ 20 กำลังอยู่ในช่วงติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย และปี 2011 ที่เขากลายเป็นหนุ่มเข้าวัย 30 เป็นเจ้าของร้านขายร่มแฮนด์เมดอาร์ต ๆ ที่ชื่อว่า ‘เวิร์คช้อปร่มเปาะแปะ’ แต่เรื่องราวส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงปี 2003 ซึ่งจะเริ่มต้นจากฤดูใบไม้ผลิของปีนั้นไปจนจรด 31 ธันวาคม
ในปี 2003 พัคยองโฮ ลูกชายคนเล็กของเจ้าของร้านตัดเย็บกระเป๋าหนังเล็ก ๆ มีพี่ชายหนึ่งคนที่เรียนเก่ง จบมหาวิทยาลัยโซล มีงานทำอย่างดี ส่วนพัคยองโฮก็วนเวียนกลับมาที่คลาสติวเข้มเข้ามหาวิทยาลัยของสถาบันชื่อดังซ้ำอีกครั้ง ปีนี้เรียนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากสอบไม่ติดมา 2 ปี ซึ่งปีนี้เขาก็ไม่ยังมีความหวังหรอก ก็เพราะรู้ตัวว่าไม่เก่ง แถมถูกพี่ชาย พัคยองฮวาน (รับบทโดย อิมจูฮวาน) เหน็บแนมตลอดว่าเป็นภาระพ่อ
ในปี 2011 บนผนังร้านข้างพื้นที่ทำงานของเขา มีรูปวาด ‘ก๊อกน้ำ’ และ ‘หมวกแก๊ปคู่ ขาวหนึ่งฟ้าหนึ่ง’ มันคือแรงบันดาลใจชีวิต ซึ่งหยิบมาจากส่วนหนึ่งของความทรงจำในวัยเด็กสมัยประถมของเขาที่มีต่อเด็กผู้หญิงเพื่อนร่วมโรงเรียนคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า กงโซยอน ซึ่งมีเหตุบังเอิญให้เจอกันครั้งหนึ่งจนทำให้เขาประทับใจในตัวเธอ แม้จะไม่ได้มีโอกาสมากไปกว่านั้น แต่เขาก็ยกให้เธอเป็น ‘รักแรก’ ในใจของเขาไปเองคนเดียว
ในปี 2003 เมื่อตอนที่เขานึกถึง กงโซยอน ขึ้นมา จึงไปสืบหาที่อยู่จากเพื่อนที่เป็นลูกของคุณครูสมัยนั้น และเริ่มต้นเขียนจดหมายไปหาเธอ ซึ่งย้ายไปอยู่ที่ปูซาน ที่บ้านของ กงโซยอน (รับบทโดย อีซอล) เป็นร้านหนังสือมือสองย่อม ๆ ชื่อ ‘เพื่อนวรรณกรรม’ ที่ดูแลโดยแม่และน้องสาว คือ กงโซฮี (รับบทโดย ชอนอูอี) เพราะกงโซยอนป่วยโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สื่อสารได้ด้วยการกระดิกนิ้วดีดกระดิ่งที่วางไว้ใต้อุ้งมือเมื่อกงโซฮีชี้ป้ายตัวอักษรที่ละหนึ่งตัวให้ตอบรับว่าใช่หรือไม่ เพื่อเรียบเรียงเป็นคำพูดที่ต้องการ
แน่นอนว่า กงโซฮี คือผู้รับจดหมาย และเปิดอ่านให้พี่สาวฟัง รวมทั้งเป็นคนเขียนจดหมายตอบแทนพี่สาวด้วย โดยมิได้บอกความจริงเรื่องนี้กับพัคยองโฮ เธอเปลี่ยนใจไม่ตอบจดหมายไปตามที่โซยอนบอกว่า ไม่รู้จักเขา แต่เปลี่ยนเป็นว่าจำเขาได้ คิดว่าอย่างน้อยพี่สาวก็จะได้มีใครให้คุยเพิ่มด้วยอีกสักคน เธอวางเงื่อนไขการสื่อสารทางจดหมายไว้ว่า พัคยองโฮต้องไม่มีคำถามใด ๆ ไม่คิดนัดพบเจอ และไม่ต้องอยากมาเยี่ยมเยียน
ไม่น่าเชื่อว่า ตลอดช่วง 2-3 ฤดูต่อเนื่องในปีนั้น การคุยกันต่อเนื่องผ่านจดหมายด้วยเรื่องราวเรียบง่ายทั่วไป ประมาณดินฟ้าอากาศ รวมถึงของฝากที่สื่อความหมายจริงใจ ราวกับเป็นการชาร์จแบตชีวิต ต่างค่อย ๆ สะสมความรู้สึกดี ๆ และเติมกำลังใจชีวิตต่อกันโดยไม่รู้ตัว พลอยทำให้ชีวิตพัคยองโฮเติบโตเปลี่ยนแปลง ปักหมุดเห็นเส้นทางอนาคตตัวเอง
และแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงปีนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ยุติการโต้ตอบจดหมาย และเป็นจุดเริ่มต้นการตั้งตารอคอยฝนฤดูหนาวทุกวันที่ 31 ธค.ของ พัคยองโฮ แม้ว่าเรื่องราวหลักจะอยู่กับพัคยองโฮ และสองพี่น้องกง แต่ก็ยังมีตัวละครข้างเคียงที่หยอดแง่คิดชีวิตให้บ้าง แม้เรื่องราวของพวกเขาจะแทรกเสริมมาอย่างสั้น ๆ ก็ตาม เช่น ลูกค้าหนุ่มเนิร์ด หนอนหนังสือตัวยงในร้านเพื่อนวรรณกรรม หรือ ซูจิน (รับบทโดย คังโซรา) เพื่อนเรียนร่วมสถาบันติวเตอร์กับพัคยองโฮ หรือแม้แต่ พัคยองฮวาน พี่ชายของยองโฮ
ผู้เขียนเองมีความสุขกับการได้เก็บเกี่ยวมุมน่าสนใจนู่นนิดนี่หน่อยจากหนัง เช่น ความที่ท้องเรื่องเป็นร้านหนังสือ ก็จะมีวาทะคม ๆ สอดแทรกมาประปรายในบท มีการพาดพิงถึงหนังของ เลสลีจาง เรื่อง Days of Being Wild (1990) ที่ชวนระลึกถึง คิดอยากกลับไปดูซ้ำอีกครั้งเลย หรือความน่าเอ็นดูของรายละเอียดการออกแบบไอคอนชื่อฤดูต่าง ๆ ไล่ไปจนถึงความเก๋ไก๋ร่มน้องหมา ก็เอาให้ชัดไปเลยว่าร้านนี้คือผู้เชี่ยวชาญทุกร่ม 555 ที่สำคัญต้องอย่าลืมดูให้ครบให้สุด หลัง End credit ท้ายเรื่องแล้วยังมีต่อเป็นบทส่งท้ายที่จะทำใจเราฟูเบิ้ล เป็นกิมมิคอมยิ้มและโบนัสความสุขจากฉากจบที่ผ่านมา
คังฮานึล แม้หน้าตาจะเลยวัยรุ่นไปแล้ว แต่สามารถถ่ายทอดฟิลเคอะเขินเงอะงะของหนุ่มน้อยซื่อใสได้อย่างน่ารักมาก ชอนอูฮี ก็น่าเอ็นดูเข้ากับบทผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่สวยมาจากจิตใจและความละเอียดอ่อนที่เป็นธรรมชาติ เป็นน้องสาวของ อีซอล ได้เนียน ๆ แม้ว่าตัวจริงจะอายุมากกว่าอีซอลหลายปี ส่วน คังโซรา มาแจมด้วยการเป็นนักแสดงรับเชิญ แต่เล่นให้คุ้มค่าจับใจเลย
คำถามส่งท้ายของรีวิว : เพราะอะไรพัคยองโฮถึงชอบแค่ ‘ฝนเปาะแปะ’ … ก็เพราะคนมักจะลืมหยิบร่มมา มักทำร่มหายได้ง่าย ในสถานการณ์เช่นนั้น ร้านร่มของเขาจึงจะขายดี …น่าคิดไหมหละ?
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡