k-movies

รีวิวภาพยนตร์ Uprising (2024) |  เมื่อ ‘ชนชั้น’ ตัดสินนักรบรักชาติที่สูงส่ง ให้กลายเป็นกบฏเสี้ยนแผ่นดินที่ไร้ค่า

15/10/2024 - warumanu

uprising poster 1

คังดงวอน และพัคจองมิน สองดาราแถวหน้า มาร่วมบทเป็นเพื่อนรักต่างชนชั้น

ที่ชะตาแห่งกลียุคพลิกผันส่งให้กลายเป็นศัตรู

ท่ามกลางสังคมกดขี่ที่ผู้ปกครองรักษาอำนาจด้วยหลักชนชั้นเหลื่อมล้ำ

uprising poster 2

Uprising โดยผู้กำกับคิมซังมัน (ผลงานกำกับ Midnight FM ปี 2010 และเคยร่วมทีมศิลป์ของ Joint Security Area ปี 2000) และร่วมเขียนบทและร่วมโปรดิวซ์โดยผู้กำกับพัคชานอุค (ผลงาน Decision to Leave ปี 2022, The Handmaiden ปี 2016, Old Boy ปี 2003, Sympathy for Mr. Vengeance ปี 2002 และ Joint Security Area) เป็นงานในแนวซากึก แอ็กชัน สงครามต่อสู้ ดรามา การเมือง ซึ่งติดเรตจัดอายุผู้ชม 18+ ด้วยความรุนแรงของฉากฆ่าฟันรุนแรงสยดสยอง นอกจากนี้ นี่ยังเป็นงาน Netflix เรื่องแรกของคังดงวอน และเป็นงานซากึกบทนำครั้งแรกของพัคจองมินด้วย รวมทุกองค์ประกอบที่ว่ามาช่างดึงดูดใจผู้เขียนเต็มเปาให้ปักหมุดรอดูเลย

Uprising มีชื่อไทยว่า กบฏผงาดแผ่นดิน มีชื่อดั้งเดิมในภาษาเกาหลีว่า Jeon, Ran ซึ่งแปลและตีความได้ว่า จลาจลอลหม่านที่ลุกฮือขึ้นเนื่องจากสงคราม ในที่นี้ก็คือสงครามอิมจินที่ญี่ปุ่นรุกรานเกาหลีต่อเนื่องยาวนาน 7 ปี เป็นยุคที่ถูกหยิบมาทำหนังซีรีส์เยอะมาก เช่น หนังชุดของแม่ทัพอีซุนชิน (The Admiral : Roaring Current, Hansan, Noryang : Deadly Sea), The Great Battle, Imjin War 1952, The Jingbirok : A Memoir of Imjin War

แต่ต้องเกริ่นไว้ก่อนเลยว่า เรื่องนี้แค่อิงข้อมูลของเหตุการณ์ทางประวัติมาใช้ ส่วนเรื่องราวของตัวละครหลักเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง  พูดได้เลยว่าเน้นเพื่อดูเอามันส์ค่ะ โฟกัสที่เรื่องราวของตัวละครหลักมากกว่าข้อเท็จจริงครบถ้วนของบริบทแบ็คกราวน์

พล็อตที่ว่าด้วยแก่นของ ‘ชนชั้น’ หนึ่งในประเด็นร้อนแรงทรงพลังของงานสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำสังคมเกาหลียุคโบราณเสมอๆ เที่ยวนี้หยิบมาหยอดไว้กลางสถานการณ์โกลาหลของบ้านเมืองจากสงคราม เพื่อทวีความเข้มข้นดรามาของประเด็นไปอีก

uprising 5

เล่าถึงสองเด็กต่างชนชั้นสุดขั้ว หนึ่งบนสุดกับหนึ่งล่างสุด เติบโตใต้ชายคาเดียวกันจนผูกพันเป็นเพื่อนรัก เมื่อบ้านเมืองเกิดสงครามใหญ่ขึ้น พลอยนำไปสู่การแตกแยกของพวกเขา ผลักให้ต่างมีจุดยืนอยู่คนละฝั่ง ซึ่งชนวนแรกเริ่มมาจากความเข้าใจผิดในเรื่องส่วนตัว และต่อมาก็ถูกตอกหมุดเป็นศัตรูรุนแรงด้วยข้อหาระดับชาติ กลายเป็นกบฏแผ่นดิน vs ผู้พิทักษ์กษัตริย์ ทั้งนี้ก็เสืบเนื่องจากความยึดติดเรื่องชนชั้นอย่างเหนียวแน่นไร้วิจารณญาณของผู้นำผู้มีอำนาจ

uprising 1
uprising 2

ชอนยอง (รับบทโดย คังดงวอน) เป็นลูกทาสโดยภาวะจำยอมทั้งๆที่พ่อแม่เคยเป็นสามัญชนมาก่อน แต่เพราะกฎหมายยึดเหมารวมเอาง่าย เขาเป็นเด็กที่มีไหวพริบ ครูพักลักจำเรื่องวิชาการต่อสู้ได้ดี เขาถูกส่งมาเป็นทาสของเรือนขุนนางอี ซึ่งเป็นพ่อของ อีจงรยอ (รับบทโดย พัคจองมิน) ที่วัยเท่ากับชอนยอง ด้วยเหตุว่าพ่อเป็นขุนนางตำแหน่งสำคัญใกล้ชิดกษัตริย์ซอนโจ (รับบทโดย ชาซึงวอน) เขาจึงเข้มงวดกวดขันให้ลูกชายได้ตำแหน่งสำคัญในวังด้วย

uprising 3

ทว่า จงรยอ ไม่เก่ง เรียนดาบได้ไม่ดี ทุกครั้งที่เขาทำพลาด ทาสชอนยองก็จะถูกตีแทน (ยังงี้ก็มีด้วย OMG!)  ชอนยองจึงต้องหาทางรอดโดยลงมือสอนการต่อสู้ให้จงรยอเองจนเก่งขึ้น นอกจากเขาจะไม่ถูกตีอีกต่อไป ก็ยังสนิทสนมเป็นเพื่อนรักข้ามชนชั้นกับจงรยอ เติบโตมาด้วยกัน

จนแล้วจนรอดจงรยอก็ไม่สามารถสอบเข้ารับราชการผ่านสักที ขอนยองจึงเสนอตัวปลอมเข้าไปสอบแทน ขอแลกเปลี่ยนเป็นการยกเลิกสัญญาทาส ซึ่งเขาทำสำเร็จสอบได้ที่หนึ่ง ได้ดาบและเสื้อคลุมสีน้ำเงินพระราชทานมาเป็นเกียรติภูมิด้วย แต่..พ่อของจงรยอหักหลังไม่ทำตามสัญญา

uprising 9

ระหว่างนั้นเกิดสงครามอิมจิน กษัตริย์ซอนโจลี้ภัยหนีจากวัง เหล่าขุนนางก็ตามหนีเอาตัวรอดเช่นกัน จงรยอต้องตามเสด็จไปก่อน หวังว่าครอบครัวจะอพยพตามไป แต่คืนนั้นมีกลุ่มทาสที่ลุกฮือมาปลดแอกตัวเอง เผาเรือนขุนนางอีวอด ตายยกครัว ส่วนชอนยองที่ถูกกังขังอยู่ก็หนีออกมาได้เป็นคนสุดท้าย พร้อมเสื้อคลุมและดาบ ทำให้เขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นทาสที่ก่อการ

ในเวลาต่อมา ชอนยองได้เข้าร่วมกับกองทัพผดุงธรรมของกลุ่มชาวบ้านต่อสู้กับญี่ปุ่นเพื่อปกป้องชาติ ซึ่งมี คิมจารยอง (รับบทโดย จินซอนคยู) เป็นผู้นำกองกำลังอาสานี้ ข้างกายมีนักรบมือดีสุดห้าวหาญ บอมทง (รับบทโดย คิมชินรก)  ฝ่ายบุ๋นอาวุโสซังมุน (รับบทโดย จอนแบซู) หนุ่มน้อยนักยิงหิน (รับบทโดย อีมินแจ) ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันยาวนานหลายปี ชอนยองถูกเรียกขานในหมู่ทหารญี่ปุ่นว่าเป็นเทพเจ้าชุดน้ำเงิน เพราะเก่งฉกาจมาก

uprising 4
uprising 7
uprising lee min jae
uprising 8

ในที่สุดเมื่อสงครามยุติ พวกเขาผ่านความทุกข์ยากมาเยอะ พกพาความหวังเพียงว่า จะได้รับการชื่นชมเป็นผู้รักชาติปกป้องประเทศ และจะมีอนาคตที่ดีขึ้น ชาวบ้านจะมีโอกาสรับราชการ (ยุคนั้นยังจำกัดสิทธิ์แค่ลูกหลานชนชั้นขุนนาง) หรือกลุ่มคนเคยเป็นทาสก็จะได้เป็นไท แต่ทุกอย่างไม่เป็นตามนั้น แถมเลวร้ายเกินคาดไปอีก เมื่อพวกเขาถูกตราหน้าว่าเป็น ‘กบฏ‘ ที่บังอาจล้ำเส้นเรื่องชนชั้น มีแนวคิดตีตนเสมอ ไร้นายบ่าว จึงเป็นภัยต่อสถานะองค์กษัตริย์

สถานการณ์เลวร้ายไปอีก เมื่อศัตรูแผ่นดินตัวจริง คือแม่ทัพญี่ปุ่นเก็นชิน (รับบทโดย จองซองอิล) ผู้โหดเหี้ยม ได้โอกาสพลิกตัวเองจากการเป็นเชลยศึก มาเป็นผู้รับใช้องค์ซอนโจไล่ล่าชอนยองและพรรคพวก สมทบด้วยจงรยอที่มีความแค้นส่วนตัวกับชอนยอง  เหตุการณ์เลวร้ายพลิกตาลปัตรนี้จะถูกคลี่คลายอย่างไร ต้องไปติดตามดูค่ะ

uprising 12
uprising 11

อย่างที่เกริ่นไว้ว่า เป็นงานบันเทิงเสพย์ฉากบู๊แอ็กชันมันส์ๆเท่ๆ สนุกจัดเต็มอิ่มตลอดเรื่อง ด้วยฉากตระการตา โปรดัคชันคุณภาพเยี่ยม รวมทั้งลีลาบู๊ของนักแสดงน่าดูมาก แม้จะไม่ใช่สายนี้ก็ตาม อย่างคิมชินรกควงทวนยาวได้คล่องแคล่วอย่างเท่มาก หรือพัคจองมินที่เคยผ่านการจับดาบมาเล็กๆจากหนังสั้นของพัคชานอุคเรื่อง Life is but a dream เรื่องนี้ก็วาดเพลงดาบยาวๆรับส่งกับคังดงวอนได้ทะมัดทะแมงดีเลย ส่วนคังดงวอนก็ถือว่าเป็นการจัดเต็มสุดๆ หายคิดถึงนับจากงานแอ็กชันใน Kundo : Age of the Rampant ปี 2014 และ Woochi ปี 2009 ถูกใจผู้เขียนจริงๆ  

ในทางกลับกัน งานแอ็กชันเรื่องนี้จะมาพร้อมฉากโหดเหี้ยมรุนแรงหลายอยู่ อย่างเช่น ฉากแทงดาบปักฉึกทะลุคอจะๆ หรือฟันฉับอวัยวะขาดเป็นชิ้นๆ ทำเอาสะดุ้งโหยงเลย ใครขวัญอ่อนมากๆ คงอาจต้องเลี่ยงเลยแหละ

uprising 6

แก่นเรื่องของความเหลื่อมล้ำชนชั้น ถึงไม่อธิบายก็พอจะจินตนาการได้ว่าดรามาแรงเป็นแน่ หนำซ้ำบทยังปั่นขยี้ความเมโลดรามาเข้าไปอีก ด้วยการนำเสนอมุมเห็นแก่ตัวของชนชั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกษัตริย์ที่ควรเป็นผู้ปกป้องประชาชน ละทิ้งไม่พอ ยังทำร้ายซ้ำ จับมือกับศัตรูหันมาเข่นฆ่าประชาชนตัวเอง โอย! สลดอนาถใจยิ่ง เรื่องนี้ดูแล้วเกลียดป๋าชาเหลือเกิน เล่นดีเว่อร์

ในขณะที่ การฟาดฟันของสองตัวเอกก็ชวนลุ้นชวนติดตาม แม้ว่าใดๆจะยังขจัดความเหลื่อมล้ำชนชั้นออกไปจากโลกใบใหญ่นี้ไม่ได้ ก็ต้องยอมปล่อยปลายเปิดไป แต่ในโลกเล็กๆของเขาทั้งคู่ เส้นแบ่งชนชั้นได้เลือนหายไปด้วยมิตรภาพที่ฝังรากลึก ก็ยังเป็นมุมที่พอจะช่วยให้ผู้ชมได้อิ่มเอมตื้นตัน ชดเชยเรื่องสลดได้บ้าง

สิ่งที่ดูจะขัดใจจนกลายเป็นเรื่องตลก ลดความขลังทอนเครดิตไป ก็คือ ทุกฉากหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังมีคนเป็นล่ามแปลให้ให้ทุกประโยค เหมือนพยายามจะให้สมจริง แก็โจทย์การคุยคนละภาษาแล้วรู้เรื่องอย่างหนังหลายๆเรื่อง แต่ก็กลายเป็นความไม่สมจริงไปอีกแบบเลย

โดยรวม ถ้ามองในฐานะไม่ใช่คนเกาหลี ภาพใหญ่ก็อาจรู้สึกว่าหนังเป็นบันเทิงปั้นประดิษฐ์จ๋า แต่ถ้าจำกัดให้แคบลงเฉพาะจุดเน้นเรื่อง ‘ชนชั้น’ ที่มาจบในมุมเล็กๆของสองตัวเอกด้วยมิตรภาพ ผู้เขียนก็ยังให้คะแนนบวกอยู่นะ (คะแนนอาจล้นเพราะปลื้มคังดงวอนแหละ) แม้ว่าจริงๆแล้วก็แอบคาดหวังสูงกว่านี้กับชื่อชั้นอย่างพัคชานอุค ยิ่งรู้ว่าเขาใช้เวลาเขียนบทเรื่องนี้นานหลายปีเลย

uprising poster 3

Trailer :

ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน


Korupdate






เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อการตลาด

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึก