อีกด้านมืดของยุคดิจิตอล คือการบิดเบือนในโซเชียลออนไลน์ ที่ชวนตะลึง
มาติดตาม ซนซอกกู ในบทของนักข่าวฉายเดี่ยว ผู้หมกมุ่นสืบเสาะค้นหาความจริง
เปิดโปงองค์กรธุรกิจตั้งกลุ่มทำงานบิดเบือนความคิดเห็นสาธารณชน เพื่อประโยชน์ส่วนตน
Troll Factory เป็นงานดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง Daetkkeulbudae (댓글부대 หมายถึง กลุ่มคนที่ทำงานแสดงความคิดเห็น และ Troll ก็เป็นศัพท์สแลงหมายถึงบุคคลผู้ไม่เป็นที่ต้องการในโลกออนไลน์) ว่าด้วยเรื่องราวของข้อกล่าวหาทางสังคมต่อกลุ่มธุรกิจใหญ่รายหนึ่งที่จัดตั้งหน่วยทำงานลับๆบนอินเทอร์เน็ตเพื่อแทรกแซงบิดเบือนความคิดเห็นของสาธารณชน ด้วยวิธีการสร้างโปรไฟล์สื่อโซเชียลปลอม คอมเมนต์ด้วยข้อมูลเท็จ หลอกล่อกระตุ้นให้ผู้คนเกิดการโต้แย้งหรือแสดงปฏิกิริยาทางอารมณ์ และสร้างกระแสไวรัล เพื่อคุกคามกลั่นแกล้ง ทำลายชื่อเสียงความน่าเชื่อถือ ที่มีเป้าหมายปลายทางคือส่งให้ธุรกิจได้รับประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม โดยหนังจะประกอบร่างสร้างเหตุการณ์ขึ้นใหม่ อิงข้อเท็จจริงของผู้ให้ข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นจริงระหว่างปี 1992-2023 แต่เปลี่ยนแปลงชื่อคน ชื่อองค์กร
ทั้งนี้ จะเป็นการเล่าเรื่องจากตัวละครหลักซึ่งเป็นนักข่าวคนหนึ่ง ในโทนกึ่งสารคดีหน่อยๆที่ขมวดเอาทั้งความเป็นอาชญากรรม ดรามา ตื่นเต้นมีเงื่อนงำ และตลกร้ายเข้ามารวมรสกันอย่างน่าติดตามและสนุกเกินคาด
(เพื่อให้บทรีวิวนี้ได้ใจความหลักครบ ผู้เขียนจำเป็นต้องพาดพิงเป็นนัยถึงเนื้อหาสำคัญของเรื่องบางส่วน)
เปิดฉากด้วยนักข่าวสายสังคมของหนังสือพิมพ์ชางกยองเดลี ชื่อว่า อิมซังจิน (รับบทโดย ซนซอกกู) นั่งพิมพ์งานหน้าคอมในร้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นฉากจากท้ายเรื่อง ที่มีจุดเริ่มต้นอยู่ในเนื้อหาที่เขากำลังพิมพ์ และเขาจะเล่าบรรยายให้ฟังต่อไป ประหนึ่งเป็นซีรีส์ชุดยาวๆ (ค่อยๆตามไปค่ะ)
ย้อนไปปี 1992 เขาตั้งต้นไล่ประวัติกำเนิดของสื่ออินเทอร์เน็ตและอุบัติการณ์ระดมพลเป็นพลังกระแสสังคมครั้งใหญ่ในเกาหลี ซึ่งเป็นผลมาจากความคิดริเริ่มของเด็กวัย 16 คนหนึ่ง แล้วก็มีชื่อของกลุ่มธุรกิจ ‘มันจุน’ ที่มีอิทธิพลหนุนจากสภาอุตสาหกรรมเกาหลีและเจ้าของสื่อรายใหญ่ๆ เข้ามาพลิกเปลี่ยนความเป็นไปในสังคม โดยเข้าครอบครองสื่ออินเทอร์เน็ต (ที่ควรเป็นสัญญาณใช้งานฟรี) ไปทำเป็นธุรกิจเก็บค่าบริการใช้งานบนแพลทฟอร์ม PC สื่อสาร
ชื่อของ ‘มันจุน’ ก็ยังอยู่ในอีกเรื่องราวยุคต่อมา บริษัทอูซองธุรกิจขนาดกลาง ขายบริการเครื่องตรวจจับความเร็วบนทางหลวงที่มีประสิทธิภาพสูงให้รัฐมาช้านาน กลับถูกบริษัทใหม่ในเครือของมันจุนสอยสัญญาไปแทน ผู้บริหารของอูซองให้ข้อมูลและหลักฐานกับนักข่าวอิมซังจินว่า ถูกมันจุนใช้กลโกง
ทว่า ข่าวแฉที่อิมซังจินเขียนอย่างห้าวหาญหวังดัง กลับถูกกลบด้วยข่าวฉาวดารา ซ้ำร้ายการตายกระทันหันของผู้บริหารอูซองที่แบกหนี้ท่วมตัว พร้อมๆกับการเกิดหลักฐานใหม่ที่มายันว่าข่าวของอิมซังจุนไม่เป็นความจริง ทำให้เขาถูกตราหน้าว่าเป็นนักข่าวขยะ สร้างข่าวเท็จทำคนตาย … เขาจึงถูกพักงานยาวๆ
ระหว่างนั้น เขาก็บังเอิญได้พบกับ ‘ผู้ให้ข้อมูล’ คนใหม่ที่เข้าหาเขาเอง เป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ใช้ชื่อในโซเชียลว่า ChatTatKat (รับบทโดย คิมดงฮวี) เขายอมให้สัมภาษณ์ ทยอยเล่าเรื่องตั้งแต่ทีมของเขาซึ่งมีเพื่อนอีก 2 คน ที่ใช้ชื่อว่า JjingPpeotKing (รับบทโดย คิมซองชอล) และ PaepTaek (รับบทโดย ฮงคยอง) เห็นช่องทางหาเงิน โดยใช้ทักษะทางสื่อโซเชียล และกลยุทธการแต่งเรื่องราว เขียนคำ ซึ่งเป็นการสร้างไวรัลหรือบิดเบือนความคิดเห็น เริ่มจากการรับทำโฆษณาแฝงให้บุหรี่ที่ยังไม่เคยมีใครทำ และประสบความสำเร็จ จึงมีงานตามมาอีกหลายจ๊อบ ที่มีโจทย์แตกต่างให้พวกเขาได้แสดงฝีมืออันฉลาดแกมโกงด้วยนานากลยุทธ … จนในที่สุดก็มี นัมกีฮง (รับบทโดย คิมจุนฮัน) มาทาบทามให้งานชิ้นหนึ่งเพื่อพิสูจน์ฝีมือ ก่อนจะรับพวกเขาไปตั้งทีมทำงานพิเศษ เป็น Public Opinion Team ของมันจุน ซึ่งก็คือ troll factory นั่นเอง!
และเมื่ออิมซังจินสามารถโน้มน้าวกองบก.ให้เขาได้ทำสกู๊ปข่าวเรื่องนี้ ถึงขั้นได้ตีพิมพ์ขึ้นหน้าหนึ่ง แต่ก็เจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ถูกหาว่าเป็นนักข่าวหลอกลวงอีกครั้ง เพราะมีหลักฐานว่าไปลอกงานนี้มาจากเรื่องแต่งที่เผยแพร่อยู่ในออนไลน์ ภายใต้ชื่อ user ว่า AYBABTU ซึ่งก็เป็นชื่อเดียวกับที่ ChatTatKat ให้อิมซังจินนำไปใช้ดึงข้อมูลของเขาจากในฟอรั่มออนไลน์มาใช้!
คำถามผู้ชมคงตามมาเป็นชุด เกิดอะไรขึ้น อิมซังจินถูก ChatTatKat หลอกหรือ เพื่ออะไร แล้วเรื่องที่เล่ามาของมันจุนเป็นความจริงหรือไม่ แล้วถ้าใช่ ยังพอมีวิธีใดที่จะเผยให้โลกรู้ แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขาหมดอนาคตกับสำนักข่าวนี้ รวมถึงทางตันในวงการด้วย ต้องไปติดตามดูว่าเขาจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร จึงได้ไปสิ้นสุดที่ฉากเปิดเรื่อง
ด้วยว่าผู้เขียนไม่ได้คาดหวังอะไรนักก่อนดู แถมมีงงเล็กๆว่าเนื้อหาเกี่ยวไรกันในช่วงต้นๆ พอผ่านไปสักพักก็จะเริ่มเก็ต และด้วยเรื่องราวที่เล่าเป็นสิ่งไม่คุ้นเคย แถมมีรายละเอียดยิบๆที่ต้องดูด้วยสมาธิสูง เมื่อเริ่มเข้าที่เข้าทาง ความสนุกก็จะมา ยิ่งพาร์ตเล่างานของทีมเด็กหนุ่มทั้งสาม เป็นไส้ในของเนื้อหาที่น่าทึ่ง ด้วยบทที่ถ่ายทอดความฉลาดคิด กลยุทธแบบนักการตลาดนักการสื่อสารที่แท้จริง การเป็นนักสร้างเรื่องเล่า (storyteller) ทักษะภาษาศาสตร์ การเป็นทีมเวิร์คที่ลงตัว ชวนลุ้นตื่นเต้นเชียร์และพลอยจุกสะเทือนใจไปกับสถานการณ์เลวร้ายที่สะท้อนด้านมืดของยุคดิจิตอล
กลับมาที่ความสนุกของเรื่องหลัก ความพยายามจะทำข่าวเปิดโปงมันจุนของนักข่าวอิมซังจิน ที่สร้างความลุ้นระทึกครั้งแล้วครั้งเล่า ยามชื่อเน่า ตกงาน ชีวิตที่ช่างมืดมนโดดเดี่ยว แต่ก็ยังสู้ไม่ท้อ สภาพมืดแปดด้านท่ามกลางความสับสน อะไรจริงอะไรเท็จ หักมุมหลอกไปมา เหมือนพาคนดูร่วมขึ้นรถไฟเหาะไปพร้อมกับเขา และไม่ยอมปล่อยให้สมองคนดูหยุดขบคิดตาม ความสนุกที่มาพีคสุดใน 20 นาทีท้าย จึงเป็นไคลแม็กซ์ที่สมบูรณ์แบบมากๆ ถึงขั้นต้องอุทาน ช่างทำได้เก่งจริงๆเรื่องนี้ ทั้งแนวคิด การผูกบท ลีลาการเดินเรื่อง งานซาวน์เยี่ยม และเสน่ห์ของทีมนักแสดง
พ่วงมาด้วยการได้เห็นชีวิตนักข่าว ที่อิมซังจินย้ำตลอดว่าทำงานแบบยึดจรรยาบรรณ อิงแต่ข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ แหล่งข่าวมีตัวตนเชื่อถือได้ เมื่อต้องต่อสู้กับการปล่อยข่าวหรือข้อมูลทางออนไลน์ มันช่างต่างกันลิบลับในแทบทุกมิติ ข้อเท็จจริง ความถูกต้อง ความเร็ว แล้วก็มาถึงวาทะเด็ดจากทีมสามวัยรุ่นที่ว่า ‘ข้อเท็จจริงที่มีคำโกหกปนอยู่บ้าง จะให้ความรู้สึกสมจริง ดีกว่าข้อเท็จจริงแท้ๆล้วนๆ’ (ก็คงประมาณว่าการชูรสเติมสีเติมไข่บ้าง เร้าใจชวนเชื่อมากขึ้น)
และอีกแนวคิดที่ว่า ‘ไม่มีความจริงอยู่ในการโกหกที่สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าในความจริงนั้นมีคำโกหกปนอยู่ คำโกหกที่ถูกปนด้วยความจริง มันก็จะไม่ใช่คำโกหกที่สมบูรณ์แบบ มันจึงเป็นความจริง ที่กล่าวในอีกนัยหนึ่งได้ว่า มันไม่ใช่การโกหกทั้งหมด’ นี่คือจุดคลิ๊กที่ช่วยให้อิมซังจินปลดล็อคเรื่องราวได้ว่ามีความจริงอยู่ในนั้น แต่ตรงไหนก็ไม่ต้องรู้ชัดแล้วก็ได้ เพียงแค่ว่าเขาต้องหาหลักฐานช่วยยืนยันบางส่วนที่สำคัญ และฉลาดให้มากขึ้นในการย้อนรอย ‘วิธีการ’ เพื่อสามารถส่งสารของเขาออกไปสู่สาธารณชนบ้าง ที่เหลือก็เป็นเรื่องของประชาชนผู้รับสารแล้วหละว่าจะคิดต่ออย่างไร …. ดูผลขั้นต้นให้สบายใจด้วยจำนวน view ก่อนละกัน!
สำหรับใครที่ดูช่วงท้ายเรื่องแล้วยังไม่เข้าใจ ให้ย้อนกลับมาอ่านรีวิวย่อหน้าสุดท้ายนี้ จะมีคำตอบเป็นนัยอยู่ค่ะ
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน