วันนี้หยิบหนังดีในดวงใจ เก่าหน่อยคือสิบกว่าปีแล้ว มาแนะนำ แต่การันตีว่าเป็นหนังที่ผู้ชมต้องประทับใจแน่นอน ติดลิสต์หนังดีแนะนำของหลายๆสำนัก คุ้มค่าที่จะเสียเวลาชมแน่นอน และความเก่าของหนังก็ไม่รบกวนคุณภาพของเนื้อหาและอรรถรสที่จะเก็บเกี่ยวเลย จัดได้ว่ามีความคลาสสิคอยู่ค่ะ ผู้เขียนยังหยิบมาดูซ้ำๆอยู่บ่อยๆเลยจวบจนทุกวันนี้เลย
The Way Home ในชื่อไทยว่า ‘คุณยายของผมดีที่สุดในโลก’ เป็นหนังที่เปิดตัวในอเมริกา ทำรายได้สูงมาก ในเกาหลีเองก็ทำรายได้สูงมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังการันตีคุณภาพด้วยรางวัล Golden Bell สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเคยได้รับเลือกให้ฉายโชว์ใน Toronto Film Festival และ AFI Film Festival ด้วย
See Also : ยูซึงโฮ เผยว่าเขามีความสุขกับการถ่ายทำมาก แม้ละคร “I Am Not A Robot” จะเรตติ้งน้อยก็ตาม
ซังอู (รับบทโดย ยูซึงโฮ) วัย 7 ขวบ ที่มีความฉลาด ซน เกเร ตามสภาพของเด็กชายวัยนี้ แม่ของซังอูเคยเป็นสาววัยรุ่นใจแตก หนีตามผู้ชายไปอยู่ในเมือง แต่ชีวิตไม่ราบรื่น เลิกกับสามี กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว วันหนึ่งเธอจำเป็นพาซังอูไปขอฝากเลี้ยงไว้กับแม่ของเธอเป็นการชั่วคราว 2 เดือน เพราะเธอกำลังลำบากเรื่องหางานทำหลังจากร้านขายของเจ๊ง เหลือแต่หนี้มากมาย
บ้านของยายซังอู เป็นกระต๊อบซอมซ่อบนเขาโดดเดี่ยว ในชนบทที่ห่างไกล ต่างจากโลกศิวิไลซ์ที่คุ้นเคยของซังอู ช่างไม่น่าพิสมัยเอาซะเลย ยิ่งไปกว่านั้น ยายที่จะต้องอยู่ด้วย แบบว่ามีกันแค่ 2 คนกลางป่าเขานั้น ทั้งแก่หง่อม หลังค่อม เดินเชื่องช้า เป็นใบ้ หน้าตาท่าทางช่างดูขัดใจ ยังไงๆก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนเล่นได้แน่นอน
ความเอาใจใส่ ความเป็นห่วง ความหวังดีของยายในสไตล์คนซื่อบ้านป่าจิตใจแสนดี ดูจะยากที่จะเข้าถึงใจของเด็กกรุงซังอู คงเพราะซังอูก็ไม่ยอมเปิดใจด้วยแหละ แต่แม้ซังอูจะเมิน ไม่ไยดียายยังไงก็ตาม ยายก็ไม่เคยลดละ ท้อถอยในการใส่ใจดูแลความเป็นอยู่ของซังอูด้วยความจริงใจ และเต็มที่ตามอัตภาพชาวชนบทที่ยายมี
ของกิน และของเล่นที่ซังอูติดตัวมาจากบ้าน พอเป็นเพื่อนแก้เหงาได้ดีกว่าการต้องปฏิสัมพันธ์กับยาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เครื่องเล่นเกมถ่านหมด ซังอูต้องการเงินไปซื้อแบตตารี่ก้อนใหม่ แต่ยายไม่มีให้ จึงเริ่มออกอาการงอแง ก่อเรื่องแกล้งยายสารพัด ความซนธรรมชาติของวัย ผสมความไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เกิดเป็นวีรกรรมป่วนๆแผลงๆ ที่ดูแล้วทั้งน่ารักขำๆ และน่าสงสารยายไปพร้อมๆกัน แต่ยายก็ไม่เคยแสดงอาการไม่พอใจ หรือ เบื่อหน่ายซังอูเลยสักครั้ง
ต้องไปตามดูกันต่อเองนะว่าป้อมปราการของซังอูที่ปฏิเสธยาย จะค่อยๆสลายลงได้อย่างไร เขาจะเรียนรู้อะไรจากยาย ‘ผู้ให้’ แม้ยายจะไม่ได้สอนอะไรซังอูโดยตรงเลย ความผูกพันยายหลานก่อตัวขึ้นอย่างมีเสน่ห์น่าสนใจ ชีวิตสองเดือนของเขาที่นี่จะกลายเป็นประสบการณ์ล้ำค่า ที่เปลี่ยนความรู้สึก ณ วันมา และ วัน(ต้อง)กลับของเขา ให้แตกต่างกันได้อย่างเหลือเชื่อ
เป็นหนังที่ดูสนุกมาก แม้จะมีตัวละครหลักเพียง 2 คนยายหลานก็ตาม แม้การเดินเรื่องจะค่อยเป็นค่อยไป ดูเนิบๆเชื่องช้าหน่อย เพราะยายแคสมาดีมาก หน้าตาท่าทางสมชาวบ้านป่าตัวจริงเลย แต่ทว่าทุกโมเมนท์ที่หลานออกฤทธิ์ออกเดชกับยาย และวิถีที่ยายรับมือด้วย ความสัมพันธ์ของพวกเขาช่างน่าเอ็นดู มีขำๆปนซาบซึ้ง มีความเป็นธรรมชาติมาก ได้ความฟิลกู้ด เอิบอิ่มใจสุดๆบางฉากทำเอาน้ำตาไหลเลย
มีเรื่องเล่าถึงเบื้องหลังว่า ผู้กำกับใช้เวลาหานักแสดงเด็กอยู่นานก็ไม่ถูกใจสักที จนมาสะดุดตากับรูปถ่ายของเด็กชายยูซึงโฮ ที่มีหน้าตาเหวี่ยงได้เหมาะเจาะ โดนใจผู้กำกับ ยูซึงโฮจึงได้เกิดในวงการจากเรื่องนี้แหละค่ะ
แต่ในกองระหว่างถ่ายทำ ก็เกิดปัญหาจนได้ เกือบจะไม่ได้เห็นยูซึงโฮในหนังเรื่องนี้แล้ว ด้วยความเป็นเด็กซนวัยเพียง 9 ขวบ และความกดดันในการทำงานของกองถ่าย แถมโลเคชั่นก็ใช่ว่าจะสบายเนอะ ทำให้ยูซึงโฮออกฤทธิ์งอแง โดนผู้กำกับดุแรงๆ จนเขาเกือบเลิกแสดงไปกลางคัน อารมณ์คงไม่ต่างจากซังอูในเรื่องหรอก
แม้แต่ในฉากที่ซังอูต้องมีผมทรงใหม่ (ในเรื่องตัดโดยยาย ที่ทำให้ซังอูปวดใจ อายแม้กระทั่งตัวเอง) การตัดผมทรงกะลาครอบให้ยูซึงโฮเพื่อเข้าฉาก ก็ทำให้เขาปวดใจของจริง งอแงร้องไห้เป็นเผาเต่า ดูได้จากคลิปข้างท้ายเลย เราผู้ชมดูแล้วก็ขำน่ารักดีค่ะ
แอบคิดเล่นๆว่า ถ้าวันนั้นเขาเลิกแสดงจริงๆ เราอาจไม่ได้เห็นพระเอกยูซึงโฮคนนี้ในวงการเลย หรือ อาจจะเห็นยูซึงโฮที่มาเข้าวงการตอนหนุ่มแล้วในรูปลักษณ์หุ่นสูงใหญ่ก็ได้ เพราะเด็กน้อยยูซึงโฮไม่ต้องตรากตรำงานหนักในช่วง growth hormone สร้างความสูงก็ได้ 555 ทุกวันนี้ผู้ชมเห็นยูซึงโฮมีใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์ แต่มักติว่าตัวเล็กไปนิดนึงเนอะ
คลิปตัดผมยูซึงโฮน้อย :
Trailer :