เมื่อตำรวจต้องสืบลับเพื่อจับตำรวจ
เมื่อลูกน้องมือใหม่ต้องจับผิดหัวหน้ามือเก๋า
เมื่อดีและเลวห่างกันด้วยเส้นกั้นแบ่งขาวและดำ
แล้วถ้าเป็นสีเทาหละ เขาคือตำรวจดีหรือตำรวจเลวกันแน่
The Policeman’s Lineage เป็นงานดัดแปลงจากนิยายญี่ปุ่นเรื่อง Blood of the Policeman ของนักเขียน โจ ซาซากิ นักเขียนมือรางวัล ที่นิยายเรื่องนี้ของเขาเคยได้รับรางวัลมาแล้ว และในเวอร์ชันของหนังเกาหลีก็สามารถทำรายได้ดีพอใช้เลย ส่วนหนึ่งก็คงมาจากพล็อตของงานตำรวจที่แซะเรื่องจริงในสังคม และแม่เหล็กของนักแสดงนำที่จับคู่สองโทนมาร่วมจอ คือ โจจินอุง และ ชเวอูชิก
ต้องบอกก่อนว่าหนังเป็นแนวอาชญากรรมดราม่า เพราะฉะนั้นถึงจะมีเนื้อหาการสืบสวน แต่ก็จะไม่ใช่โทนที่เน้นแอ็คชั่นทริลเลอร์ มันส์ระทึกเฉกเช่นหนังตำรวจสืบสวนไล่จับผู้ร้ายที่เคยดู ๆ กัน ปมปริศนาของชีวิตตัวละครหลัก และปมขัดแย้งวิถีทำงานในแวดวงตำรวจ ถูกขมวดพันรอคลี่คลายไปพร้อมกับภารกิจตามสืบจับอาชญากร และสืบจับตำรวจทุจริตที่มีเส้นสนกลใน ซึ่งจะดำเนินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้ร่วมสำรวจพฤติกรรมตัวละครหลักไปด้วยกัน ชวนขบคิดแยกแยะตัดสินตำรวจดี vs ตำรวจเลว ที่ก้ำกึ่งไปมา และชั่งน้ำหนักของ กระบวนการ vs ผลลัพธ์ ซึ่งสำคัญไม่แพ้กัน
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ชเวมินแจ (รับบทโดย ชเวอูชิก) ผู้สืบสายเลือดตำรวจจากพ่อและปู่ ตามชื่อเรื่อง ตามรอยเท้าพ่อมาเป็นยึดอาชีพตำรวจ เขาเป็นน้องใหม่ของทีมหน่วยอาชญากรรม ผู้ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ยึดมั่นหลักการและความถูกต้อง (ตรงเกินไปจนมีแววจะไม่รุ่ง) วันหนึ่งเขาได้รับข้อเสนอจาก ฮวังอินโฮ (รับบทโดย พัคฮีซุน) หัวหน้าหน่วยสอบสวนภายในของกรมตำรวจ ให้แอบสืบนายตำรวจคนหนึ่งอย่างลับ ๆ คนอย่างชเวมินแจปฏิเสธแน่นอนถ้าไม่ใช่เป็นคำสั่ง เพราะขัดหลักการและหลู่เกียรติ แต่เมื่อเน้นว่าเขาคนนี้อาจเป็นตำรวจที่ฆ่าตำรวจด้วยกันเอง และยังเสนอข้อแลกเปลี่ยนให้มินแจด้วยแฟ้มลับไขปริศนาการเสียชีวิตของพ่อที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน จึงจูงใจเขาให้รับภารกิจนี้
นายตำรวจที่เป็นเป้าหมายการสืบนี้ คือ สารวัตรพัคคังยุน (รับบทโดย โจจินอุง) หัวหน้าทีมอาชญากรรมยาเสพติดเขตยงซาน ผู้ชอบฉายเดี่ยว เช่นในคดีทลายแก๊งค้ายารายใหม่ทั้งยวงเมื่อสามปีก่อน ซึ่ง สิบตำรวจเอก อีมยองจู เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นอย่างน่าสงสัย กลิ่นฉาวของพัคคังยุนมีตั้งแต่เรื่อง มีเงินทุนในการสืบสวนซึ่งอาจมาจากแหล่งลับหรือวิธีการมิชอบ การลอยนวลอาชญากร เก็บปลาตัวเล็กปลายแถวไว้เป็นสายข่าวตกปลาตัวใหญ่ และอาจมีการรับสินบน จากหลักฐานภาพแอบถ่ายที่นัดเจอกับ ชาดงชอล (รับบทโดย พัคมยองฮุน) หนึ่งในผู้ค้ายาที่คาดว่าจะเป็นสายข่าวคนสำคัญ ในขณะที่พัคคังยุนหมกมุ่นพุ่งเป้าอยู่แต่กับ นายองบิน (รับบทโดย ควอนยูล) ซีอีโอของมิแรกรุ๊ป ตัวเป้งต้นตอแห่งวงการผลิตและค้ายา ที่เคยโดนเขาจับครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังกลับมาเป็นอิสระในเวลาอันสั้น เพราะเส้นสายแข็งปั๋งตั้งแต่นักการเมืองไปยันแวดวงสื่อ
ชเวมินแจ ถูกส่งเข้าทีมของพัคคังยุน แม้ว่าหน้าที่หลักของน้องเล็กคืองานแอดมิน แต่พัคคังยุนก็ดึงเขาไปใช้สอย ขับรถ และสอนงานแบบ On the Job Training ทำให้มินแจได้มีโอกาสใกล้ชิด เห็นความหรูหราของบ้าน รถ เสื้อผ้า ที่เกินฐานะนายตำรวจ เห็นเครือข่ายสายข่าวรอบตัว และการตะลุยคลับเอ็กคลูซีฟของนายองบิน เพื่อจับคนที่ต้องสงสัยว่าฆ่าอีมยองจู รวมถึงการนัดพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงนอกเครื่องแบบที่ดักฟังได้ความพาดพิงเรื่องเงินทุนสืบสวน
ชเวมินแจ ที่เริ่มเห็นว่าวิธีทำงานแบบพัคคังยุนก็ได้ผลงานอยู่นะ ดู ๆ ไปเขาก็ไม่ได้มีสมบัติส่วนตัวไรมาก ที่เห็น ๆ อยู่เป็นสิ่งที่ต้องมีเพื่อแผนแนบเนียนในการทำงาน และมีผู้สนับสนุนทุนให้ มิใช่การยักยอกหรือรับสินบน แม้กระทั่งรูปถ่ายนั้นก็ยืนยันไม่ได้ชัดเจนว่าเป็นเขา นอกจากนี้ ยังได้รู้ว่าพัคคังยุนกับพ่อมีความหลังผูกพันในทางที่ดีด้วย ชเวมินแจจึงรายงานกลับไปฮวังอินโฮว่าไม่มีอะไรน่าสงสัยในตัวพัคคังยุนเลย
แต่ทว่า ฮวังอินโฮไม่ได้ยอมรับตามนั้น ยังมีการพยายามตั้งข้อหาจับพัคคังยุนให้ได้ และพัคคังยุนเองก็ยังลุยดะสืบจับนายองบินให้ได้เช่นกัน แต่อะไร ๆ ที่ดูเหมือนจะฟันฝ่าอุปสรรคมา ให้เห็นภาพชัดขึ้นบ้าง ก็ยังมีหักมุมเซอร์ไพรซ์ได้อีก ชวนผู้ชมสับสนเปลี่ยนใจไปมาหลายตลบว่า ใครดีใครร้ายกันแน่? ซึ่งผู้เขียนคิดว่านี่คืออีกจุดเด่นหนึ่งของเรื่องนี้ นอกเหนือไปจากการลุ้น (แบบไม่หวือหวานัก) ว่าสุดท้ายเรื่องจะลงเอยอย่างไร พัคคังยุนโดนจับหรือไม่ แหล่งเงินทุนสปอนเซอร์นั้นเป็นกองทุนผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร ปริศนาการตายของอีมยองจุนและพ่อของชเวมินแจคืออะไร ทั้งหมดเกี่ยวข้องอะไรกันไหม และที่สุดแล้วตำรวจน้องใหม่ชเวมินแจจะยอมรับคนอย่างพัคคังยุนเป็นหัวหน้าตัวจริงได้หรือไม่ หรือมีจุดยืนของตัวเองบ้างไหมนอกจากการแค่ตามรอยพ่อและปู่มา ซึ่งเรื่องราวยังเล่าต่ออีกเยอะเลย
ในขณะที่หนังเล่าเรื่องเยอะแยะเหล่านั้นออกมาแบบไม่ค่อยได้สัดส่วนนัก บางฉากอาจดูยืด ๆ บางฉากก็รวบรัดตัดตอนเกิน หรือบางฉากก็จงใจสร้างลีลากำกวม ทำให้ต้องดูและคิดตามละเอียด ๆ จึงมีคำตอบ และอย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น เส้นกราฟความเร้าใจไม่ค่อยจะมีพีค ๆ นัก ถ้าไม่ตั้งอกตั้งใจก็อาจเบื่อเอาได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
แต่ก็มีคะแนนที่ผู้เขียนอยากให้คือ การสะท้อนด้านมืดของวงการตำรวจ อุดมคติของคนเทา ๆ ที่ว่าจะไม่เป็นทั้งขาวและดำ ด้วยการยืนเหนือเส้นแบ่ง ซึ่งก็ยากนะ และเมื่อพื้นที่ของโซนเทามันก็หมิ่นเหม่ พลาดนิดเดียวก็ตกลงไปในเขตดำโสมมได้ และการกล้าทิ้งปลายเปิดให้คิดกันว่า ในฐานะประชาชน ในฐานะองค์กร ตำรวจแบบไหนกันหรือจึงเป็นที่ต้องการ ควรจะสืบทอดรุ่นสู่รุ่นกันต่อไป
นอกจากนี้ ขอชื่นชมในฝีมือของ โจจินอุง เล่นดีเช่นเคย ชอบมากทุกครั้งที่อยู่ในบทกึ่งร้ายกึ่งดรามาบีบอารมณ์ได้สะเทือนใจดี เรื่องนี้ค่อนข้างยาวนะ สองชั่วโมงเชียว แต่เทแอร์ไทม์มาโฟกัสที่ โจจินอุง และ ชเวอูชิก ปล่อยนักแสดงอื่น ๆ มาเป็นองค์ประกอบซะงั้น ซึ่งไม่ค่อยขยายที่มาที่ไปหรือเสริมมิติอื่นให้ตัวละครมากนัก ไม่ว่าจะเป็น อีฮยอนอุค ควอนยูล หรือ พัคฮีซุน ก็ตาม
ทิ้งท้ายจบเรื่อง มีพาดพิงคดียาเสพติดในไทยด้วยนะ OMG!
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡