The Great Battle เป็นภาพยนตร์แห่งปี 2018 ทุนสร้างระดับบล็อคบัสเตอร์ ทยอยรับรางวัลไปหลายเวที เป็นเรื่องราวอิงประวัติศาตร์สงครามโกคูรยอกับราชวงศ์ถังของจีน แม่ทัพยางมันชุน ผู้นำกำลังทหารเพียงน้อยนิดต้านทัพมหึมาของถังไท่จง ที่ป้อมปราการอันซี ในปี 645 เริ่มการศึกเมื่อ 20 มิถุนายน สิ้นสุดที่ 18 กันยายน รวม 88 วัน หรือที่รู้จักกันดีตามประวัติศาสตร์ในชื่อว่า ‘The Seige of Ansi’
ปูพื้นประวัติศาสตร์จริงแบบย่อๆสักนิดก่อนเริ่มชมค่ะ เผื่อใครที่ไม่ค่อยคุ้นเคย
อาณาจักรโกคูรยอ คือ หนึ่งในสามอาณาจักรของเกาหลีโบราณในยุค 37 ปีก่อนค.ศ. – ค.ศ. 668 ซึ่งมีโกคูรยอ แพคเจ และชิลลา ตั้งคร่อมอยู่บนพื้นที่เกาหลีเหนือและคาบสมุทรเหลียวตงของจีนในปัจจุบัน แต่ละอาณาจักรก็มีการอยู่แบบสันติบ้าง รุกรานแผ่อำนาจกันไปมาบ้าง รวมทั้งจีนเองก็มีการยกทัพมารุกรานโกคูรยออยู่เป็นระยะๆบ้าง แต่มักไม่ประสบความสำเร็จ จนมาถึงสมัยราชวงศ์ถังของจีน อาณาจักรชิลลาที่หันไปเป็นพันธมิตรทางทหารกับจีน เพราะถูกแพคเจและโกคูรยอร่วมมือกันโจมตี จีนจึงอาศัยข้ออ้างนี้ส่งกองทัพเข้าหาโกคูรยอ (ถ้าใครเคยดูซีรีส์ The Great Queen Seondeok มา จะมีอ้างอิงเล่าเรื่องศึกระหว่างอาณาจักรและการพึ่งพาจีนของชิลลา) อีกทั้งจีนก็มีความอยากเอาชนะโกคูรยอ เรียกศักดิ์ศรีคืนจากที่ราชวงศ์ก่อนทำไม่สำเร็จสักที และเป็นจังหวะที่ในโคกูรยอเอง นายพลยอนแกโซมุนเริ่มแสดงอำนาจ ทำรัฐประหารพระเจ้ายองนยู และยกพระเจ้าโพจังขึ้นเป็นหุ่นเชิด ความแข็งกร้าวของยอนโซแกมุน ต่างจากพระเจ้ายองนยู จึงเป็นอีกข้ออ้างที่จีนต้องรีบมาเปิดศึกกับโคกูรยอ การศึกครั้งนี้นำทัพโดยหลี่ซื่อหมิน (ซึ่งคือพระเจ้าถังไท่จง ผู้เก่งกล้าการสงคราม) บัญชาการเคลื่อนกองทหารหลักหลายแสน บุกยึดป้อมปราการตามรายทางชายแดนโคกูรยอไปเกือบหมด มาจนถึงป้อมอันซี ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายที่จะเข้าสู่เมืองพยองยาง ซึ่งคือเมืองหลวงของโกคูรยอ
สงครามที่ป้อมปราการอันซีแห่งนี้ คือเรื่องราวที่เป็นแกนหลักของ The Great Battle นั่นเอง
แม่ทัพยางมันชุน (รับบทโดย โจอินซอง) นักรบผู้กรำศึก ประสบความสำเร็จมาหลายสนามรบเป็นที่เลื่องลือ และทีมนายทหารเชียวชาญหลากหลายศาตราวุธ เช่น มือทวนดุดัน ชูซูจี (รับบทโดย แบซองอู) ดาบใหญ่แกร่งกร้าว พุง (รับบทโดย พัคบยองอึน) ขวานคู่พิฆาต ฮวัลโบ (รับบทโดย โอแทฮวาน) มือดาบหนุ่มฉกาจ พาโซ (รับบทโดย ออมแทกู) และกองกำลังอีกประมาณ 5,000 นายประจำการที่ป้อมปราการอันซี ที่ที่มีชาวบ้านอีกมากมายใช้ชีวิตอยู่หลังปราการ แม่ทัพยางมีความเก่งกาจในกลยุทธ นอกจากทักษะด้านการใช้ดาบแล้ว ฝีมือการยิงธนูถือว่าเป็นเลิศยิ่ง มีความสุขุม เป็นผู้นำที่ดี จึงเป็นที่รักนับถือของลูกน้องและชาวบ้าน
น้องสาวของแม่ทัพยาง คือ แพคฮา (รับบทโดย ซอลฮยอน) ก็เป็นนักรบหญิงที่ฝีมือว่องไวแม่นยำในอาวุธหน้าไม้ เธอรักอยู่กับพาโซ ชวนให้พี่ชายขัดใจในความรักที่ผิดเวลา เพราะสงครามไม่มีความแน่นอน เกรงจะทำให้รักต้องจากลาเป็นทุกข์
หัวใจความสนุกสนานเร้าใจของเรื่องนี้ คือ กลศึกที่ทั้งสองฝ่ายงัดมาใช้บุกโจมตี รุก-รับ ตอบโต้กันไปมาตลอด 88 วัน เครื่องไม้เครื่องมืออันเป็นภูมิปัญญาของยุคโบราณที่นำมาใช้ เป็นสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจดีแท้ แม้จะเป็นเพียงหลักกลศาสตร์เบื้องต้น และวัสดุธรรมชาติพื้นๆ เช่นไม้ เชือก ดิน ทราย แต่ก็มีประสิทธิภาพมากสำหรับคนในยุคนั้น ชมแล้วจะทึ่ง และยังความลุ้นตื่นเต้นว่าแม่ทัพยางจะเอาชนะทหารถังได้ไหม ในสภาวะที่กำลังพลเสียเปรียบอย่างมาก คือ น้อยกว่าถึง 40 เท่าตัว มีดีเพียงแค่ว่าอยู่ในชัยภูมิที่สูงซึ่งได้เปรียบกว่าข้าศึกตามหลักพิชัยสงคราม
นอกเหนือจากเส้นเรื่องหลักของการประจันบานกับทัพของ หลีซื่อหมิน หรือ ถังไท่จง (รับบทโดย พัคซองอุง) แล้ว หนังยังสอดเสริมอีกเส้นเรื่อง คือ การที่แม่ทัพยางต้องรับมือกับ ซามุล (รับบทโดย นัมจูฮยอก) นายทหารหนุ่มน้อยที่ถูกนายพลยอนแกโซมุน (รับบทโดย ยูโอซึง) สั่งการให้เข้ามาที่ป้อมอันซี เพื่อให้ลอบฆ่าแม่ทัพยาง โทษฐานเป็นกบฎแข็งข้อ สืบเนื่องจากความขัดแย้งไม่ยอมคล้อยตามวิถีการเมืองของนายพล นอกจากนี้ นายพลยอนไม่มีความเชื่อว่ากำลังเพียงน้อยนิดของแม่ทัพยางจะต้านทานถังได้ เพราะทหารหลักแสนของตนก็ยังเพิ่งพ่ายถังจากการรบที่เขาจูพิล จึงเลือกกำจัดแม่ทัพยาง หอกข้างแคร่ไปก่อนดีกว่า ประวิงเวลาเก็บไว้ ก็ไม่ได้สามารถช่วยปกป้องประเทศได้
ซามุล แม้จะเป็นทหารผู้น้อย มือใหม่ แต่ก็มีศักยภาพ และที่สำคัญเขาก็พอมีวิจารณญาณ ยิ่งมาอยู่ใกล้ชิดแม่ทัพยาง ได้เฝ้ามองพฤติกรรม เห็นภารกิจที่แม่ทัพยางแบกไว้เต็มสองบ่าอย่างมุ่งมั่น แต่ถึงกระนั้น เมื่อเขารับหน้าที่มา ในฐานะทหารต้องปฏิบัติตามคำสั่ง จึงชวนลุ้นดูว่า เขาจะจัดการอย่างไรเมื่อจิตสำนึกและภารกิจสวนทางกัน เรื่องนี้ถือว่า นัมจูฮยอก มีบทบาทค่อนข้างเด่น ได้มีส่วนร่วมในกองกำลังของแม่ทัพยาง และยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ใครๆคาดไม่ถึง
นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสำคัญอีกหนึ่ง คือ ชีมี (รับบทโดย จองอึนแช) นักบวชหญิงที่ทำนายทายทักลางบอกเหตุได้ ร่วมอยู่ในกองทหารของนายพลยอน แต่เธอถูกกองทัพถังจับตัวไป ของสำคัญที่ติดตัวเธอมาด้วย คือ คันธนูมงคล เครื่องลางแห่งชัยชนะ เป็นคันธนูของจูมง (หรือจักรพรรดิทงมย็องซ็อง ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโกคูรยอ) หัวธนูทำจากหินออบซิเดียน ที่เบากว่าเหล็ก จึงพุ่งทะยานไปไกลกว่าธนูทั่วไป คันธนูแข็งแกร่งจนไม่มีใครง้างได้ เมื่อเธอถูกถังไท่จงส่งตัวกลับมาป่วนแม่ทัพยางที่ป้อมอันซี จึงเป็นอีกหนึ่งในกลศึกที่แม่ทัพยางต้องรับมือและแก้สถานการณ์ให้ได้
นักแสดงสมทบอื่นๆ ก็มีดังๆอีกหลายคน เช่น ซองดงอิล จางควาง สเตฟานีอี ยอฮวีฮยอน จองอินกยอม เป็นต้น
นอกจากความเร้าใจในกลศึกที่ผู้เขียนชื่นชมมาก ภาพรวมของเรื่องก็สนุกสนานนะ มีหลากหลายรสชาติ จังหวะการเดินเรื่องชวนติดตามดี การสู้รบกันอลังการมากตั้งแต่เปิดเรื่อง และทยอยปล่อยมาสะกดสายตาอีกเรื่อยๆตลอดเรื่อง ฉากโหดๆก็มีบ้าง แทงทะลุร่าง เลือดสาด หัวขาด แขนขากระจุย คงเลี่ยงไม่ได้ถ้าจะเป็นหนังสงครามที่กระชากถึงอารมณ์
ความอลังการงานสร้างของฉาก แค่ป้อมปราการที่เนรมิตขึ้นมาใหม่เพื่อการถ่ายทำ ก็ยิ่งใหญ่มากเชียวแหละ ทำให้เรื่องนี้สามารถเน้นมุมกล้องเป็นฉากใหญ่ๆ ได้ภาพมุมไกลแลดูอลังการสมจริง ซีจีช่วยเสริมอย่างลงตัว งาน cinematography จึงจัดว่าสวยงามน่าชม มุมกล้อง แสง สี ซาวน์ หลายๆชอตมากันแบบระดับงานอาร์ตได้เลย
ยามถึงบทซึ้งก็ตื้นตันเรียกน้ำตาหยดแหมะได้ตามสูตรสำเร็จของหนังสงคราม นอกจากเรื่องการแพ้ชนะแล้ว ย่อมต้องมีผู้จากไปเพื่อปกป้องคนอยู่ข้างหลัง ผู้เสียสละเพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลานของชาติ เหล่าคนดีที่เราๆผู้ชมนับถือน้ำใจ ไม่อยากให้พวกเขาต้องตายจากเลย
ในมุมของทีมนักแสดง ได้เสื้อผ้า หน้าผมจัดเต็มดูเนี๊ยบมาก เมคอัพหน้าดำผิวกร้าน มอมแมมฝุ่นดินและเลือดสาดกระเซ็นอย่างเนียนได้อารมณ์มาก
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสองหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเกินไปรึปะ จึงดูแล้วสะดุดๆ โจอินซอง หลายฉากที่อยู่ในแอคติ้งแบบมู้ดผ่อนคลาย ไม่ทำให้ผู้เขียนเชื่อว่าเขาเป็นแม่ทัพ ดูเหมาะจะเป็นนักปราชญ์มากกว่า คือเฮียยิ้มทีไร ฉายแววกรุ้มกริ่มฉลาดซับซ้อนเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้ 555 แต่พอถึงบทผู้นำเข้มๆในหน้าที่แม่ทัพ ก็ถือว่าทำได้ดีนะ ส่วน นัมจูฮยอก หุ่นเพรียวร่างน้อย หน้าละอ่อน จนดูบอบบางเกินไปกับบททหาร อาศัยเสื้อเกราะหนาๆบึกๆช่วยให้ขึงขังขึ้นได้บ้าง ฝีมือการแสดงก็พัฒนาขึ้นนะ เช่นเดียวกับซอลฮยอน เธอมีบทไม่มาก แต่ก็ทำได้ดีทีเดียว
ส่วนแบซองอู พัคบยองอึน โอแดฮวาน แก๊งค์นี้ลอยตัว มีความดุดัน เกรี้ยวกราดสมบททหารบ้าบิ่นมาก แถมมีแทรกขำๆผ่อนคลายเล็กน้อยกับเคมีคู่กัดของพัคบยองอึนและโอแทฮวาน น่ารักดีเหมือนกันค่ะ
Trailer :