The Face Reader เป็นภาพยนตร์ย้อนยุค(ซากึก) ที่ใช้พลอตเกี่ยวข้องกับพยากรณ์ศาสตร์ ทำนายทายทักดวงชะตา เป็นเรื่องแรกของชุดที่มีทั้งหมด 3 เรื่องด้วยกัน หยิบจับเอา 3 แขนงย่อยของศาสตร์มาเล่าเรื่องราวที่ต่างกันไป คือ
- The Face Reader (2013) อ่านดวงชะตาจากลักษณะของใบหน้า หรือ โหงวเฮ้ง หรือที่เรียกว่า Physiognomy
- The Princess and the Matchmaker (2018) การผูกดวงลัคนาสมพงษ์คู่ (เคยมีรีวิวไว้แล้ว)
- Feng Shui (2018) การส่องภูมิทำเลเสริมสร้างดวงชะตา หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ฮวงจุ้ย (เคยมีรีวิวไว้แล้ว)
The Face Reader เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูง ติดอันดับ Box Office รายได้สูงสุดอันดับที่ 3 ของปี 2013 ตามหลัง Miracle in Cell no.7 และ The Attorney และยังได้รางวัลจากเวทีใหญ่ๆหลายรางวัลทีเดียว โดยเฉพาะซงคังโฮ และ อีจองแจ สองดารานำ ก็รับรางวัลไปเยอะเลย การันตีว่าต้องน่าชมค่ะ
หนังเปิดเรื่องในยุครัชสมัยพระเจ้าเซโจ ขุนนางชราไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่งที่สุขภาพไม่ดีนัก แต่เขากลับฝังใจวิตกความตายจากการถูกตัดหัว เพียงเพราะครั้งหนึ่งในอดีตมีชายผู้เก่งกาจในศาตร์อ่านชะตาจากใบหน้า ได้ทำนายทายทักไว้เช่นนั้น ชายชราคนนี้เป็นใคร และมีชีวิตเกี่ยวข้องอะไรกับหมอดูโหงวเฮ้งคนดังแห่งโชซอนอย่างไร ต้องไปติดตามในเรื่องค่ะ
แนคยอง (รับบทโดย ซงคังโฮ) ทายาทขุนนางเก่า ตระกูลล่มสลายจากมรสุมชีวิต โดนการเมืองเล่นงานกลายเป็นกบฏที่ถูกเนรเทศ เขาจึงต้องอยู่ในสภาพคนบ้านป่าซอมซ่อนอกเมือง กับลูกชาย จินฮยอง (รับบทโดย อีจงซอก) หนุ่มบอบบางขาลีบกระเผลกจากความอดอยากยากจนในวัยเด็ก แนคยองทำมาหากินด้วยการทำพู่กันขาย โดยมีน้องภรรยา แพงฮอน (รับบทโดย โจจองซอก) เป็นผู้ช่วยคนสำคัญ และเป็นเหมือนเพื่อนคู่หู
แนคยอง มีพรสวรรค์และศึกษาเรียนรู้เรื่องการอ่านใบหน้าเห็นดวงชะตา วันหนึ่งก็มีคนจากในเมืองดั้นด้นมาตามหาเขา เพื่อที่จะชวนไปทำงานด้วยกัน นางคือ ยอนฮง (รับบทโดย คิมฮเยซู) เป็นมาดามเจ้าของตำหนักคณิกาในฮันยาง (เมืองหลวงโชซอน) นางเป็นคนมีความสามารถดูดวงโหงวเฮ้งเช่นกัน แต่ไม่ได้แม่นเท่าแนคยอง
ในขณะที่ลูกชาย จินฮยอง ขอแยกจากบ้านไปติวเข้มตำราเพื่อสอบเป็นข้าราชการตามความใฝ่ฝันของตนเอง แนคยองและแพงฮอนจึงเดินทางเข้าฮันยางเผื่อได้ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ยอนฮงก็หวังใช้งานแนคยองเป็นตัวเรียกลูกค้าสร้างรายได้ให้นาง แนคยองเสียท่าถูกมอมเหล้าจนเผลอทำสัญญาร่วมงานที่เปลี่ยนใจไม่ได้แม้งานจะหนักแค่ไหนก็ตาม
โดยบังเอิญที่แนคยองได้โอกาสแสดงความสามารถอ่านลักษณะใบหน้าจนชี้ตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมให้ทางการได้ เขาจึงถูกแนะนำต่อให้กับเสนาบดีคิมจงซอ (รับบทโดย แพคยุนชิก) บุคคลผู้มีบารมีอิทธิพลแข่งกันมากับราชนิกูล องค์ชายซูยาง (รับบทโดย อีจองแจ) จนเป็นที่โจษจันกันไปทั่วเมืองว่า พยัคฆ์คิมจงซอ กับ หมาป่าซูยาง ใครจะแน่กว่าใคร
แนคยองมองเห็นใบหน้าของคิมจงซอเป็นคนดีมีราศีความเป็นพยัคฆ์ที่ทรงอำนาจ คิมจงซอให้แนคยองได้เข้าไปทำงานในราชสำนัก ใช้สกิลอ่านโหงวเฮ้งเพื่อคัดเลือกข้าราชการขุนนาง และเขาก็ได้พบกับจินฮยองที่สอบผ่านเข้ามาได้โดยใช้นามอื่น
ในที่สุดพระเจ้ามุนจง (รับบทโดย คิมแทอู) ก็มีพระราชบัญชาเรียกใช้งานแนคยอง โดยให้ไปตรวจดูว่ามีใครรอบตัวพระองค์ที่มีโหวงเฮ้งเป็นกบฏ เป็นภัยต่อบัลลังก์ซึ่งพระองค์กำลังจะต้องส่งมอบต่อให้พระโอรสที่ยังทรงพระเยาว์ วัยเพียง 12 พรรษา คือ พระเจ้าทันจงในรัชสมัยต่อมา แต่ทว่าแนคยองก็ไม่พบว่ามีผู้ใดตรงตามลักษณะดังกล่าว แม้แต่องค์ชายซูยางที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมาป่าแห่งราชนิกูล (ทำไมโหงวเฮ้งกบฏไม่เผย ต้องติดตามชม)
องค์ชายซูยางจึงเดินเกมเตรียมก่อกบฏ ยึดอำนาจพระเจ้าทันจง ซึ่งจริงๆแล้วเป็นหลานที่เคารพรักพระปิตุลา (ลุง) มาก ถึงขั้นไม่ยอมเชื่อคำทักท้วงใดๆจากการอ่านโหงวเฮ้งของแนคยองในภายหลังว่า องค์ชายซูยางมีใบหน้าลักษณะเดียวกับพระอัยกา (ปู่) คือพระเจ้าแทจง (ซึ่งคือ อีบังวอน – ผู้ติดตามงานซากึกเรื่องอื่นๆมาก่อนจะรู้กิตติศัพท์ความร้ายของอีบังวอน)
แนคยองจะนำเอาศาสตร์ความรู้ของตน เข้าไปช่วยแก้ไขสถานการณ์ สร้างกลเกมใดต่อกรกับองค์ชายซูยางอย่างไร ต้องติดตามดูกันค่ะ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ราบรื่นหรอก สิ่งที่ไม่คาดคิด การพลิกเกม ก็ยังเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจของเรื่องนี้ ด้านหนึ่งคือการชิงอำนาจของราชนิกูล อีกด้านหนึ่งคือการรักษาชีวิตตน ปกป้องครอบครัวที่ตนรักของคนธรรมดาๆที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดด้วย แต่มันดันต้องมาเกี่ยวพันกัน
ความจริงของโลกที่ผู้คนมีความเทาๆ การหวงแหนรักษาอำนาจและผลประโยชน์ หรือแม้กระทั่งการเอาตัวให้รอด ก็สามารถกลายเป็นอาวุธเข่นฆ่าทำร้ายกันเองได้ นี่คือเนื้อหาที่จะทำให้ปลายทางของหนังเรื่องนี้เข้มข้น บีบคั้นอารมณ์กันสุดๆ หนึ่งในตัวละครปริศนาที่มีบทบาทในครึ่งหลัง คือ ฮันมยองฮวี (รับบทโดย คิมอึยซอง) ก็จะเป็นคนที่มีบทบาทช่วยให้องค์ชายซูยางได้ก้าวขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเซจงต่อไป
ในบรรดา 3 เรื่องของชุดพยากรณ์ศาสตร์นี้ ผู้เขียนชอบเรื่องนี้มากที่สุดนะ ด้วยว่าบทมีความกลมกล่อม หลากรสชาติ แต่ละตัวละครหลักมีบทที่ส่งหนุนกันดี มีเสน่ห์ในลูกเล่นกลเกม และการพลิกเรื่องราวที่คาดไม่ถึง ทั้งๆที่ก็รู้ว่าประวัติศาสตร์เป็นไปอย่างไรอยู่แล้ว นอกจากนี้สาระข้อคิดที่แฝงมาในเรื่องก็มีความน่าสนใจ นำไปปรับใช้ได้ในชีวิต ในการทำงานทั่วไปได้เยอะเลย
ชอบคำคมเตือนสติของแนคยองที่กล่าวถึงการอ่านใบหน้าคน
“มันก็เพียงการเห็นแค่สิ่งที่อยู่บนใบหน้าเท่านั้น แต่ขาดบริบทอื่นที่เป็นตัวแปร ดุจเห็นคลื่นในทะเลแต่มิเห็นลม ลมที่จะหอบพัดคลื่นให้เป็นคลื่นเล็กใหญ่ขนาดไหน ถ้าไม่ได้ตระหนักก็เหมือนชีวิตเขาที่ถูกคลื่นใหญ่ซัดกระจายไป แต่ก็เป็นสัจธรรมที่ว่า เมื่อคลื่นลูกนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมมีคลื่นลูกใหม่มาพัดสลายคลื่นลูกเดิม เป็นวัฏจักรการแทนที่อย่างแน่นอน … ไม่มีอำนาจใดที่อยู่ได้ค้ำฟ้า…”
ส่วนใครที่เป็นแฟนอีจงซอก อยากเห็นมุมมองงานแสดงที่ต่างไปจากปกติ จากบทรอมคอมมุ้งมิ้ง หวานใส ก็ควรดูอย่างยิ่ง เพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขาไม่ค่อยมั่นใจนักกับลุคย้อนยุคโบราณ ดังนั้น จากเรื่องนี้แล้ว อีจงซอกคงไม่ยอมเล่นซากึกอีกแล้วมั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาก็แสดงได้ดีพอควรนะ (ณ ตอนนั้น ยังถือว่าเป็นมือใหม่อยู่) ลองชมดูกันค่ะ
Trailer :