Essay ฉบับคนโสด ของหนุ่มผู้รัก‘โสด’เหนียวแน่น ที่ต้องร่วมงานกับ บก.สาวผู้อยาก‘ไม่โสด’ดูบ้าง
จะได้ผลิตผลหนังสือออกมาโรแมนติคแบบไหน อีดงอุคและอิมซูจองจะพาผู้ชมไปดูให้รู้กัน
Single in Seoul เป็นผลงานของนักเขียนอีจีมิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นนักเขียนคู่ขวัญของผู้กำกับคนดังในงานเด่นๆหลายคน เช่น ร่วมกับผู้กำกับอูมินโฮ ใน The Man Standing Next (2020), The Drug King (2018) ร่วมกับผู้กำกับคิมจีอุนใน Illang : The Wolf Brigade (2018), The Age of Shadow (2016) ร่วมกับผู้กำกับเฮอจินโฮใน The Last Princess (2016) โห..ล้วนแต่เป็น genre เข้มข้นเนื้อหาหนักๆทั้งนั้น ส่วนงานเขียนเดี่ยวๆของเธอก็มี Sori : Voice from the Heart (2016) รวมถึงงานแนวโรมานซ์ที่อาจไม่ดังเท่า genre เข้มๆข้างต้น เช่น My New Sassy Girl (2016) หรือซีรีส์ The Spies Who Loved Me (2020) เมื่อมารวมตัวกับผู้กำกับของเรื่องนี้ที่อาจยังมีชั่วโมงบินไม่สูงนัก Single in Seoul จึงอาจไม่ปังนัก ไม่ติดกระแสตลาด แต่ผู้เขียนก็ยังมองเห็นอีกด้านที่มีความสมเหตุสมผลของสิ่งที่นำเสนอ ที่อยากเล่าสู่แนะนำให้กับผู้ที่ชื่นชอบงานโรมานซ์ฉบับผู้ใหญ่ สูตรเรียบง่าย ค่อยๆละเลียดได้แบบไม่สะดุด toxic อารมณ์ ดุจดื่มด่ำไปกับหนังสือหรือบทกวีที่ดีต่อใจ
เรื่องราวของ Single in Seoul ที่กินความหมายถึง ชาวผู้รักชีวิตโสด อินเทรนด์ของสังคมทุกวันนี้ พบได้ทั่วไปตามเมืองใหญ่ๆ เรื่องราวของพวกเขาถูกสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งบรรเจิดไอเดียเอามาทำหนังสือขาย ในสไตล์ความเรียง (Essay อ่านให้ถูกต้องคือ เอส-เซ) ซึ่งมีนัยคือเป็นงานอิงเรื่องจริง โดยจะจัดทำเป็นชุดด้วย 3 นักเขียนจาก 3 เมืองใหญ่ คือ โซล บาร์เซโลนา และนิวยอร์ก
ทว่า เหตุขัดข้องเกิดขึ้นจากนักเขียนของโซลดันเสียสถานะโสดกระทันหันจากการท้องไม่คาดคิด ประธานสำนักพิมพ์ จินพโย (รับบทโดย จางฮยอนซอง) นำเสนอตัวเลือกใหม่มาแทน คือ พัคยองโฮ (รับบทโดย อีดงอุค) โดยให้ หัวหน้า บก. จูฮยอนจิน (รับบทโดย อิมซูจอง) ทำหน้าที่ทาบทามและประสานงาน ซึ่งทั้งสามคนเคยรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้วในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องสถาบันศึกษาเดียวกัน
พัคยองโฮ เป็นครูติวเตอร์สถาบันกวดวิชาสอบเข้ามหาวิทยาลัย วิชาการเขียน หล่อดูดีแต่มีความตึงๆเข้าถึงยาก เขาเคยมีความฝันอยากเป็นนักเขียน และชีวิตที่แน่วแน่ในการเป็นโสดของเขา โปรไฟล์นี้ดูจะลงตัวดีกับงานเขียน แต่การเจอกับ จูฮยอนจิน บก.ผู้มีความเนี๊ยบ ละเอียดยิบ ทุ่มเทจริงจังกับงาน และตรงไปตรงมา ปฏิสัมพันธ์ในการทำงานของทั้งคู่รวมถึงมุมมองความคิดเห็นไม่ได้คล้อยไปทางเดียวกันนัก จึงมีการโต้เถียงกันบ่อย แม้ว่าจูฮยอนจินจะสถานะโสดเช่นกัน หัวใจแอบมองหารักทั้งๆที่ไม่มีสกิล ไม่มีไหวพริบ หรือประสบการณ์ที่ช่วยส่งเลย ส่วนพัคยองโฮก็ตั้งมั่นที่จะไม่เปิดใจ เลยดูเป็นการตั้งต้นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะขลุกขลักเลย
หนึ่งในเนื้อหาของงานเขียนที่กลายเป็น topic สำคัญของเรื่องคือ ‘รักแรก’ เพราะมันจะเป็นการอธิบายที่มาของความอยากโสด หนังจึงขยายส่วนนี้ออกมาให้ชวนติดตามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำหน้าที่เชิงบวกให้กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ได้ค่อยๆเปิดใจค่อยๆมองเห็นอะไรดีๆในตัวของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็ใช้มันพลิกหักมุมเป็นปมไคลแม็กซ์ที่ทำเอางาน ‘สะดุด’ ซึ่งผู้ชมอาจคาดไม่ถึง ความน่าห่วงไปอีกก็คือการนำไปสู่ความสัมพันธ์สะดุดด้วยนะสิ ชวนตามลุ้นว่า หนังสือจะได้ผลิตออกมาแบบไหน พัคยองโฮจะได้เป็นนักเขียนจริงๆไหม หนังสือจะขายได้ไหม ลงเอยแฮปปี้และสมเหตุสมผลหรือไม่
หลายคนอาจมองว่าเรื่องนี้ดูจืดชืด แบนๆทื่อๆไปหน่อย ส่วนหนึ่งก็อาจมาจากความคาดหวังจะได้เห็นเรื่องราวฮิปๆของคนโสดรักสนุกมั้ง และแน่นอนว่ามักถูกเอาไปเปรียบเทียบกับหนังแนวเดียวกัน 2 เรื่องที่ออกมาก่อนและประสบความสำเร็จดีทั้งคู่ ก็คือ Honey Sweet และ Love Reset ซึ่งได้ทั้งฟิลโรแมนติค ใจฟู ชูเสียงฮาอย่างรัวๆ แต่เรื่องนี้มากับคนโสดที่รักสงบ เป็น minimalist มีเทสต์ดื่มด่ำงานศิลป์ ให้ฟิลเหมือนชีวิตจริงที่ค่อยเป็นค่อยไป (แม้การเดินเรื่องไม่ช้า) ไดอาล็อกแบบธรรมชาติแต่คมคายอยู่นะ ถ้าจะขำก็เป็นขำที่ไม่ตั้งใจให้โฉ่งฉ่าง เป็นอมยิ้มที่มาหลังจากค่อยๆคิดตามได้ เป็นมุกที่ตบแบบเบาๆนุ่มๆซะมากกว่า เผลอๆก็อาจถูกมองข้ามไปได้^^ ความโรแมนติคพระนางก็เป็นไปแบบค่อยๆซึมไม่ใช่แนวรุกตะโกน แหม..คิดให้ดี ก็พล็อตตั้งต้นมาแต่แรกอยู่แล้วว่าเขาเขียนความเรียง มันก็ต้องรสชาตินี้สิจึงจะถูกต้องเข้ากันสินะ
ทั้งนี้ผู้เขียนคิดว่า มันเหมาะสมกับคาแรคเตอร์ตัวละคร และสถานะอาชีพของพวกเขา คนรักการอยู่คนเดียว ย่อมมากับความสงบ ความเรียบง่าย อาชีพนักเขียน คนทำหนังสือ คนรักวรรณกรรม ก็มักจะมีความละเอียดอ่อนในจิตใจ อีดงอุคถ่ายทอดตัวละครพัคยองโฮได้อย่างธรรมชาติเหมือนไม่ได้ปรุงแต่งการแสดงใดๆลงไป ช่วงหลังมาอาจไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นอีดงอุครับงานแนวนี้ ตั้งแต่ซีรีส์เรื่อง Bubble Gum (2015) มา ส่วนอิมซูจองอาศัยความถนัดเจนจัดงานโรมานซ์ก็เอาอยู่ได้สบายๆ เติมลุคผมหยองๆรวบไว้ใส่แว่นแบบหนอนหนังสือและคนหมกมุ่นเนิร์ดนิดๆ ผู้เขียนว่าดีแล้วหละที่ไม่เห็นซีนโก๊ะเกรียน overact แบบสูตรสำเร็จทั่วไป
ในแง่เนื้อหา ก็สอดแทรกอะไรบ้างเล็กน้อย ให้ข้อคิดเรื่อง ‘single หรือ alone’ ให้ข้อดีที่เรารู้จักรักตัวเองให้มากขึ้น ให้เรามีเวลาไตร่ตรองกับตัวเองมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกเวลาที่เราจะใช้ชีวิตคนเดียวบนโลกได้ บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ทำให้เราไขว้เขวเข้าใจอะไรผิดไปในทางที่เข้าข้างตัวเองเกินไป การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนบ้างจึงเสมือนได้กระจกส่อง ทำให้เข้าใจตัวเองได้มากขึ้นด้วย คนมีคู่มีเพื่อนก็ใช่ว่าจะเสียความอิสระ ความสบายใจซะที่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าคู่คนนั้นเป็นคนยังไงต่างหาก
สำหรับนักแสดงสมทบเรื่องนี้ แม้ว่าไม่เยอะคน แต่ก็ได้คุณภาพไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็น อีซม อีมีโด อีซังอี (ลุคที่อาจจำกันไม่ได้เลยเชียว) คิมจียอง และรับเชิญอย่าง โจดัลฮวาน และยุนคเยซัง
ปล.ท้ายเรื่องที่เห็นรูปอิมซูจองเบลอๆหลายรูปนั้น เป็นฝีมือถ่ายโดยอีดงอุค ถ่ายแบบธรรมชาติมาก 555
รับชม Single in Seoul ซับไทยถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ VIU
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน