หนึ่งเหยื่อถูกสังหารอำมหิตเป็นปริศนา
หนึ่งผู้ต้องสงสัย เพราะเป็นคนใกล้ชิดที่หลบหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อีกหนึ่งนักเขียน ที่อาจเป็นผู้ต้องสงสัยหรือเบาะแส เพราะนวนิยายของเขาเล่าเรื่องของฆาตกรรมนี้
เป็นที่มาให้นักเลงเก่าเก๋าโหด ต้องออกโรงไล่ล่าฆาตกร เพราะเหยื่อคือน้องชายคนเดียวของเขา
Nocturnal หรือชื่อเดิมคือ Broken และชื่อไทยว่า แค้นนี้เอาให้น็อก เป็นภาพยนตร์ผสมผสานรสชาติและเนื้อหาของอาชญากรรม นัวร์ ดรามา ปริศนา ทริลเลอร์ แอ็กชัน ล้างแค้น แกร่งกร้าว หนังถ่ายทำไว้ตั้งแต่ปี 2021 แต่ติดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จึงเลื่อนยาวๆมาจนเพิ่งได้ฉายเอาปีนี้
เปิดเรื่องมาด้วยฉากจากท้ายเรื่อง แพมินแท (รับบทโดย ฮาจองอู) ในชุดสูทเข้ม ลุคบ่งบอกว่าเพิ่งต่อสู้โชนโชนจบไปอย่างเท่ๆ พร้อมกับอาวุธคู่ใจคือ ท่อแป๊บเหล็ก ทว่า เรื่องราวก่อนหน้านี้ ที่จะเล่าย้อนต่อไป ผู้ชมจะได้เห็นลุคมินแทในคอสตูมซอมซ่อหน้าตาเถื่อนหยาบสักหน่อย ถ่ายทอดการเดินทางอันเคี่ยวกรำกว่าจะมาถึงจุดนี้ (แต่เหล่าคนที่เผชิญหน้ากับเขานั้นก็สาหัสสากรรจ์กันเลยค่ะ)
แพซอกแท (รับบทโดย พัคจงฮวาน) เป็นน้องชายคนเดียวที่รักยิ่งของแพมินแท และเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊งนักเลง บอสใหญ่คือ ซอกชางโม (รับบทโดย จองมันชิก) มินแทเองก็เคยเป็นมือดีอยู่ในแก๊งนี้ และเป็นคนฝากฝังน้องเข้าไป แต่เพราะเหตุช่วยเหลือน้องชายที่ชอบก่อเรื่องจนตัวเองต้องเข้าคุก หลังพ้นโทษออกมามินแทเลยวางมือ ใช้ชีวิตทำงานก่อสร้างเลี้ยงชีพ
คืนหนึ่งซอกแทเมายาฆ่าลูกชายของผู้มีอิทธิพลรายหนึ่ง แล้วหนีไปหลบที่ร้านคาราโอเกะที่แฟนตัวเองคือ ชามุนยอง (รับบทโดย ยูดาอิน) ทำงานอยู่ เป็นเหตุให้คืนนั้นมุนยองหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตำรวจพบศพของซอกแทถูกทิ้งอำพรางในเวลาต่อมา การสืบคดีทำให้รู้ว่าถูกฆ่าที่ร้านคาราโอเกะ มินแทที่รู้ข่าวไปดูศพน้องชาย แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลร่วมมือกับทีมตำรวจ สายสืบพัคชางยง (บทรับเชิญโดย ฮอซองแท) สายสืบซน (รับบทโดย ซอฮยอนอู) และสายสืบมิน (รับบทโดย อีซอล) จากฝ่ายยาเสพติด ก็เพราะว่ามินแทเตรียมจะล่าความจริงคืนนั้น และจัดการกับฆาตกรด้วยมือตัวเองให้หายแค้น เขาจึงไล่ตามหาผู้ต้องสงสัยหลักคนแรก คือมุนยอง โดยเขาเรียก บยองกยู (รับบทโดย อิมซองแจ) ลูกน้องเก่ามาช่วยภารกิจนี้อีกคน
จากการตามสืบไปสืบมา ก็เจอเข้ากับ คังโฮรยอง (รับบทโดย คิมนัมกิล) นักประพันธ์นิยายเรื่อง Nocturnal หรือ ล่าราตรี ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกับคดีนี้ โดยมีตัวเอกเหมือนมุนยองที่ฆ่าสามีเพราะความเลวร้ายชอบทารุรกรรมเธอ โฮรยองซึ่งรู้จักกับมุนยองมาก่อน แต่ส่อแววมีเงื่อนงำ และเริ่มติดตามหาเธอเช่นกัน แน่นอนว่ามินแทไม่ปล่อยให้โฮรยองพ้นข่ายผู้ต้องสงสัยอีกรายที่เขาต้องจับตามอง หรืออย่างน้อยก็ต้องได้เบาะแสในการตามเจอมุนยอง
หนึ่งคนพยายามหนี สองคนพยายามตามล่า และยังมีทีมตำรวจที่ไล่กวดติดตามพวกเขาอีกทอดด้วย จะเป็นเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ชม ตามดูว่า มุนยองหนีพ้นไหม คืนนั้นเกิดอะไรขึ้น และภารกิจแค้นของมินแทจะลุล่วงอย่างไร
ประเด็นแรกเลย ตัวอย่างหนังที่ตัดโปรโมตหรืองานประชาสัมพันธ์อาจจูงผู้ชมไปคาดหวังแอ็กชันระห่ำกระหน่ำแค้น แต่ในความเป็นจริง เรื่องนี้จัดเป็นงานแอ็กชันอีกแนว ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตามแกะรอยหาเบาะแสจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง จากคนหนึ่งโยงไปอีกคนหนึ่ง หลายทอดทีเดียว ในลีลาที่ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างความอัดอั้นสะสมในใจมินแท และสร้างฟิลระทึกเบาๆให้ผู้ชมไปกับเบาะแสแต่ละครั้ง จนอาจทำให้ช่วงกลางของเรื่องดูยืดเยื้อน่าเบื่อไปบ้าง ในขณะที่ช่วงต้นและช่วงท้าย หนังเดินเรื่องกระชับไวใช้ได้อยู่ การเฉลยปมสงสัยจะทยอยปล่อยในช่วงท้าย รวมถึงการหยอดหักมุมเล็กๆให้มีสีสันเพิ่มด้วย แต่ถ้าว่าด้วยงานแอ็กชันเพียวๆก็ไม่ได้มีอะไรเกินมาตรฐานนะ
ในส่วนของบท โดยโครงถือว่าไม่เลวนะ ปริศนาใครฆ่า ทำให้หนังเลี้ยงจังหวะใคร่รู้ได้ ซึ่งเอาจริง คอหนังแนวนี้ก็คงอ่านเกมเดาทางได้อยู่บ้าง แต่รายละเอียดของบทออกจะรวบรัดตัดที่มาที่ไปหรือขาดความสมเหตุสมผลไปบ่อย หลายตอนจึงเกิดคความเอ๊ะๆ ทำไม หรือรู้ขนาดนี้ได้ไง ภาพรวมหนังเลยดูหลวมๆหน่อย
สำหรับนักแสดง ฮาจองอู จัดเต็มอิ่มตลอดเรื่องไปเลย แฟนคลับได้แปลกตากับลุคโหดมาก หุ่นหนาล่ำ น้ำหนักเกือบ 90 กก. หน้าเถื่อนกร้าน ขนาดเจ้าตัวยังบอกว่าเป็นสิ่งใหม่ เสื้อผ้าแนวนี้ก็ไม่เคยใส่มาก่อน แล้วยังอาวุธบู๊ชนิดใหม่ ‘ท่อแป๊บเหล็ก’แบบติดข้อต่อมาด้วย จากไอเดียของผู้กำกับซึ่งเข้าตาตอนสมัยเคยทำงานพิเศษเป็นช่างประปา พอเข้ามือฮาจองอูก็เหมาะกับบทดีและดูบู๊คล่องได้พลังดี โดยรวม เขาก็ชอบที่งานนี้ที่ทำให้ได้รำลึกถึงงานเก่าๆอย่าง The Chaser (2008) หรือ The Yellow Sea (2010) แต่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่ค่อยปลื้มตัวละครนี้นักเลย
ในส่วนของ คิมนัมกิล ก็สวนทางหน่อย เพราะหนังเน้นจากมุมของมินแท โฮรยองเลยเหมือนตัวประกอบ บทน้อย แอร์ไทม์น้อย ทั้งๆที่เปิดพล็อตมาเหมือนจะสำคัญมาก นักแสดงอื่นๆก็มากันเยอะนะ แต่บทก็เกลี่ยๆกันไปคนละหน่อยเช่นกัน
Trailer :