หนังดีจากงานเขียนของ ยูยองเอ ผู้เขียนบทหนังดีๆหลายๆเรื่อง เช่น Because I love you (2017), Like for likes (2016), No breathing (2013), My paparotti (2013) และซีรีส์ Entertainer (2016) รวมทั้งยังเป็นผู้แปลงงานเขียนเป็นบทหนังให้กับหนังดังๆอีกหลายเรื่อง เช่น Royal tailor (2014), Steal my heart (2014), Miracle in cell no.7 (2013), The tower (2012), Always (2011) เป็นต้น
หนังเรื่องนี้เป็นแนวดราม่าผสมคอมเมดี้ ด้วยชื่อเรื่องและใบปิด หรือเทรลเลอร์หนัง ดูจะเน้นไปทางคอมมาดี้สนุกสนาน แต่ด้วยแกนพลอตจริงๆแล้วเป็นดราม่าที่สะเทือนใจเอาการอยู่ ตามชื่อเรื่องออริจินัลของเกาหลีว่า ‘Hyeong’ ซึ่งเป็นคำที่น้องชายใช้เรียก ‘พี่ชาย’
เรื่องย่อ
โกดูยอง นักกีฬายูโดทีมชาติ ที่มีอนาคตแต่พลาดบาดเจ็บจากการแข่งขันถึงขั้นตาบอด ทำให้เขาท้อแท้สิ้นหวัง ทิ้งชีวิตและอนาคตนักกีฬา หมกตัวในห้องนอนมืดๆอย่างไม่ใยดีโลก
พี่ชายต่างแม่ของเขา โกดูซิก เป็นนักโทษคดีฉ้อฉลทรัพย์ ได้รับทัณฑ์บนปล่อยตัวออกมาชั่วคราวด้วยเหตุผลว่าจะมาดูแลน้องชายตาบอดซึ่งอยู่ตัวคนเดียว เพราะพ่อแม่เสียไปนานแล้ว ภูมิใจมากนะที่ฉลาดหาข้ออ้างได้ออกมาจากคุก ไม่ได้อินอะไรนักหนากับความรับผิดชอบน้องชายขนาดนั้นหรอก เพราะเขามีเหตุผลจากปมชีวิตครอบครัว
การกลับมาอยู่ร่วมกันด้วยความสัมพันธ์เริ่มต้นอย่างกระท่อนกระแท่น ไม่มีแววจะเปิดรับกัน เพราะต่างมีปมอดีตฝังใจ โกดูซิกกลายเป็น My annoying brother ของโกดูยองตามชื่อเรื่อง
แต่เมื่อได้อยู่ๆกันไป ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นๆเรื่อยๆ ด้วยสกิลกระล่อนของดูซิกสร้างประสบการณ์ร่วมชวนขำคลายความตึงเครียด บวกความรักความจริงใจที่ต่างก็อยู่ในจิตวิญญาณความเป็นพี่น้องได้ไหลออกมาเองตามธรรมชาติในสถานการณ์ต่างๆที่เผชิญร่วมกัน
แม้ชะตาจะไม่ได้เอื้อให้พี่น้องคู่นี้ได้ตักตวงความสุขของคำว่าครอบครัวร่วมกันได้อย่างที่ต้องการ แต่เพียงช่วงเวลาเล็กๆที่พวกเขาได้ใช้ร่วมกัน ก็ทำให้โกดูซิกกลายเป็นคนที่มีความหมายมากที่สุดกับชีวิตเกิดใหม่ของโกดูยอง เป็น ‘ฮยอง – พี่ชาย’ แท้จริงในดวงใจเขาไปตลอดกาล
ดารานำแสดง : โจจองซอก โดคยองซู (หรือ ดีโอ จากวง EXO) พัคชินฮเย คิมกังฮยอน
ผู้เขียนชอบหนังเรื่องนี้นะ เสน่ห์มันอยู่ที่ความเป็นหนังง่ายๆ ทั้งด้วยพลอตธรรมดาๆ typical จนเดาได้ และการเล่าเรื่องก็มาแบบตรงไปตรงมามาก จึงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ก็ยังสามารถทำให้ผู้เขียนมีอารมณ์ร่วมได้อย่างมากมายเหลือเชื่อ
ครึ่งแรกของเรื่อง จะรู้สึกเกลียดพี่ชายพอควร ก็เล่นได้ดูหยาบ ห่าม กระด้าง และเห็นแก่ตัวซะขนาดนั้น และอึดอัดกับน้องชายจอมรั้น หลับหูหลับตาปิดตัวเองตลอดเวลา (เอ! ก็เขาตาบอดนิ ก็ต้องปิดตาสิเนอะ)
แต่พอมากลางเรื่องก็จะเริ่มได้อารมณ์ซึ้งละ เมื่อพี่น้องเริ่มเจอจุดปลดล็อคความรู้สึก คลายปม ทลายกำแพงให้เข้าถึงกันได้ ความเป็นธรรมชาติของปฏิสัมพันธ์สไตล์พี่ชายน้องชาย ซึ่งผู้เขียนไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ก็ยังรู้สึกอินได้ถึงความโบรมานซ์ที่มีความแมนๆผสมอยู่อย่างมีเสน่ห์ คงต้องยกให้ฝีมือการแสดงของโจจองซอกและดีโอที่มีเคมีเข้ากันดีงามมาก และตัวบทไดอาล็อคที่เนียนเป็นธรรมชาติ ทะลึ่งตึงตังในแบบฉบับผู้ชาย-ผู้ชาย ชวนขำ และน่าเอ็นดูจริงๆ แต่แฝงความเป็น ‘พี่ชาย’ ได้ดี
สลับมาหาอีกอารมณ์ ผู้เขียนเริ่มอินจนน้ำตามาตั้งแต่กลางเรื่องเป็นต้นไป ซึ่งเป็นการสลับกับขำบ้าง อมยิ้มบ้าง เป็นความลงตัวของอารมณ์ที่ผู้เขียนบทและผู้กำกับพาเราไปอย่างมีจังหวะจะโคนดี และซาบซึ้งประทับใจทีเดียวเลย
ถ้าจะรู้สึกติดนิดหน่อยก็แค่บทโค้ชของพัคชินฮเยคนเดียวนี่แหละ ที่ไม่สามารถทำให้ผู้เขียนเชื่อว่าเธอเป็นโค้ช ไม่รู้ว่าลุคไม่ได้เพราะเธอดูสวยเกินไป overqualified สำหรับบทมั้ง และบทเองก็ไม่ได้เน้นส่วนนี้เท่าไหร่ ทำให้แอบแว้บๆนึกว่า จริงๆแล้วเอาใครคนอื่นมาเล่นบทนี้ก็ได้นะ ไม่ต้องเป็นพัคชินฮเยหรอก เหมือนใช้ไม่คุ้มเลย 555
Trailer :