ลำพังแค่คำว่าฆาตกรโรคจิตกับเหยื่ออ่อนแอก็ชวนสยองแล้ว
มาเจอกับสถานการณ์ของเหยื่อที่เป็นสาวใบ้และหูหนวก
แม้เธอจะได้ยินภัย แต่จะส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างอย่างไร
การเอาชีวิตรอดของเธอจึงชวนลุ้นระทึกมาก !
Midnight เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ว่าด้วยพล็อตฆาตกรโรคจิตไล่ล่าเหยื่อ เน้นจับโมเมนต์ Hide and Seek คือฝ่ายหนึ่งตามล่า และอีกฝ่ายหนึ่งหลบหนี เป็นเกมซ่อนหาที่เดิมพันด้วยชีวิต เท่านั้นยังไม่พอ หนังยังถ่ายทอดช่องว่างความสามารถระหว่างสองตัวละครนี้ให้ต่างชั้นกันมากขึ้นไปอีก เมื่อฝ่ายฆาตกรโรคจิตนั้นโหดเต็มขั้น ติดอาวุธพร้อม และยังฉลาดเป็นกรด เจ้าเล่ห์สุด ๆ ในขณะที่ฝ่ายเหยื่อกลับอ่อนแอ ช่วยเหลือตัวเองได้ยากกว่าปกติ เพราะเธอเป็นเพียงหญิงสาวที่เป็นใบ้และหูหนวกเท่านั้น!
ในค่ำคืนหนึ่ง ณ พื้นที่ซึ่งเคยเป็นชุมชน แต่ในตอนนี้กลับเปลี่ยวร้างด้วยเป็นตอนกลางคืนและอยู่ในระหว่างการเตรียมรื้อถอนพัฒนาพื้นที่ คยองมี (รับบทโดย จินกีจู) และ แม่ (รับบทโดย กิลแฮยอน) สองแม่ลูกซึ่งเป็นใบ้และหูหนวกทั้งคู่กำลังเดินทางกลับบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น คยองมีต้องนำรถไปจอดที่อาคารจอดรถก่อนเดินกลับมาหาแม่ที่รออยู่ในกลางซอย เพื่อเดินกลับเข้าบ้านพร้อมกัน เป็นกิจวัตรเฉกเช่นทุกวัน แม้วันนี้จะเป็นค่ำคืนที่ดึกกว่าปกติไปหน่อยก็ตาม
สาเหตุที่คืนนั้นพวกเธอกลับดึก ก็เพราะคยองมีทำงานเป็นพนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ ทีมภาษามือ ที่ให้บริการลูกค้าซึ่งใช้ภาษามือเหมือนกัน และเธอมีความรักในงานที่ทำแม้บางทีจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง เธอจึงยอมไปร่วมเลี้ยงรับรองลูกค้าพิเศษตามที่หัวหน้าขออาสาสมัครจนกระทั่งเลิกราค่ำมืด เช่นเดียวกับแม่ของเธอที่ทำงานเป็นช่างเย็บผ้า และขยันทำงานเป็นพิเศษเพื่อหวังนำเงินก้อนไปเที่ยวเกาะเชจูกับลูก
ในขณะที่ฆาตกรโรคจิต โดชิก (รับบทโดย วีฮาจุน) ป้วนเปี้ยนหาเหยื่ออยู่แถวนั้นพอดีและกำลังเล็งแม่ของคยองมีซึ่งเดินอยู่ลำพังไว้ ทันใดนั้นเอง หญิงสาวอีกคนที่กำลังง่วนอยู่กับคุยโทรศัพท์ก็เดินสวนมา ดึงดูดความสนใจโดชิกไปทันที และเธอผู้โชคร้ายคนนี้ก็คือ โซจอง (รับบทโดย คิมฮเยยุน) ซึ่งกำลังโวยพี่ชาย จงทัก (รับบทโดย พัคฮุน) ที่บ่นตามจิกให้เธอรีบกลับบ้าน โดยที่บ้านของสองพี่น้องคู่นี้ก็อยู่ในละแวกนั้นเช่นกัน และนั่นก็ทำให้เหยื่อเป้าหมายของโดชิกเปลี่ยนไป…
ในระหว่างที่คยองมีเดินมาหาแม่อยู่นั้น ความเป็นคนดีของคยองมีทำให้เธอเข้าไปช่วยโซจองซึ่งบาดเจ็บและหนีมาหลบซ่อนตัวที่ซอกตึก จนทำให้คยองมีตกอยู่ในอันตรายเพราะเห็นหน้าคนร้าย นับจากวินาทีนั้นเอง เธอจึงต้องหนีให้รอดจากการเป็นเหยื่อเป้าหมายรายต่อไปอย่างช่วยไม่ได้
ในขณะที่ จงทัก ที่กำลังออกตามหาน้องสาวก็ได้พบกับสองแม่ลูกคู่นี้ เขายังคงหาโซจองไม่เจอแม้ว่าตำรวจจะปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ได้มาแค่ตำรวจนี่สิ เพราะฆาตกรเองก็ด้วย… การประจันหน้ากันของทุกฝ่ายไม่ได้เกิดผลอย่างที่คิด กลับกลายเป็นความผิดเพี้ยนของเรื่องราวที่ถูกบิดเบือนจากความฉลาดเจ้าเล่ห์ของฆาตกรโรคจิต ส่วนหนึ่งก็มาจากอุปสรรคความหูหนวกเป็นใบ้ที่ขาดคนเข้าใจของคยองมีและความมุทะลุของจงทักด้วย
และในที่สุดก็ไม่มีใครช่วยสองแม่ลูกได้ปลอดภัยรอดฝั่งได้… สถานการณ์ที่ยังคงพลิกไปพลิกมา เกือบพลาด เกือบรอด ทำให้ลุ้นระทึกอย่างต่อเนื่องไป ความตื้นเต้นไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อฆาตกรโรคจิตได้หมายหัวพยานคนนี้แล้ว ยังไงเธอก็ต้องตายคืนนี้ให้ได้แม้ว่าเธอจะพูดไม่ได้ก็ตามเถอะ
มาถึงตรงนี้ ที่เหลือก็คงต้องปล่อยให้ผู้ชมตามไปลุ้นกับคยองมีกันเอง อย่างที่บอกแต่แรกว่า เรื่องนี้โฟกัสที่เกมไล่ล่า-หนีตายกันเกือบตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งก็สอบผ่านนะ ในประเด็นบันเทิงลุ้นระทึก ทั้งเนื้อหา จังหวะ บรรยากาศ และอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานซาวน์เพลงประกอบที่ได้จังหวะปั่นอารมณ์อย่างลงตัว นอกจากนี้การปล่อยภาพระทึกแต่เสียงกลับเงียบสนิทก็ทำให้คนดูได้มีอารมณ์ร่วม เหมือนเป็นคนหูหนวกเช่นเดียวกับคยองมีผู้เป็นเหยื่อ เป็นเทคนิคที่น่าสนใจดี ในส่วนที่ผู้เขียนชอบที่สุดคือ ฉากวิ่งไล่ที่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ภาพมุมไกลแช่โมเมนต์ยาว ๆ ไม่ต้องสลับคัตซีนวุ่นวายเยอะ ๆ แต่กลับสนุกซะงั้น เกินความคาดหมาย
แต่ไม่ต้องถามหาที่มาที่ไปนะว่าฆาตกรโรคจิตเป็นใคร มาจากไหน ทำไมจึงจิดโหดขนาดนี้ เพราะเขาละไว้ไม่กล่าวถึง แปลว่าไม่เปิดช่องให้เกิดความเห็นใจหรือเข้าใจภูมิหลังใด ๆ ให้ตีตราไปเลยว่าเป็นตัวร้ายที่มากเล่ห์เพทุบายและเลือดเย็น เอาให้สุดขั้วไปเลย ซึ่งวีฮาจุนสอบผ่าน แม้จะแสดงบทแนวนี้ครั้งแรก แต่ก็ลืมภาพบทหนุ่มคนดีนุ่มนวลที่เคยแสดงมาก่อนหน้านี้ไปเลย เรียกว่าแทบจะเห็นความจิตในแววตากับบทฆาตกรนี้เลยก็ว่าได้ แถมหนุ่มคนนี้ยังกับทุ่มเท ลงทุนลดน้ำหนักเพื่อหนังเรื่องนี้ไปตั้ง 12 กก.อีกด้วย!
ส่วนอีกข้างก็สุดขั้วในความด้อยความสามารถในการสื่อสาร เพราะพวกเธอทั้งหูหนวกเป็นใบ้พ่วงคู่ทั้งสองแม่ลูก ไม่เพียงเป็นการไร้ ‘เสียง’ ทางกายภาพ ที่ภัยอยู่ประชิดตัวก็ยังไม่ได้ยินไม่รู้ตัว แต่ยังเป็นการไร้ ‘เสียง’ ในเชิงนามธรรมก็ถูกนำมาเติมไว้เป็นอุปสรรคให้เธอรอดยากขึ้นไปอีก ในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะผู้คนรอบตัวหรือแม้กระทั่งตำรวจเองก็ไม่เข้าใจเข้าถึงการสื่อสารภาษามือของเธอ จึงเท่ากับไม่ได้ยิน ‘เสียงขอความช่วยเหลือ’ ของเธอ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่หนังทิ้งไว้ให้สังคมได้ตระหนักต่อไป
แม้ว่าบทหนังบางมุมอาจดูประดิษฐ์เว่อร์ไปหน่อยหรืออ่อนเหตุผลไปบ้าง แต่ก็คิดว่าคงพอจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้บ้าง พาร์ตนี้ก็อาจทำผู้ชมพลอยอึดอัดฮึดฮัดหรือเศร้าสลดใจตามได้ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการแสดงของ จินกีจู ที่ปล่อยฝีมือการแสดงที่สมควรยกนิ้วให้รางวัลเลย รวมถึง กิลแฮยอน ที่ก็บีบหัวใจคนดูได้อย่างชะงัดด้วยเช่นกัน
ความน่าสนใจชวนคิดอีกประเด็นคือ ภัยอันตรายที่คิดว่าอยู่ในที่เปลี่ยวแล้วยากจะรับมือ แต่เอาเข้าจริง การอยู่ท่ามกลางสาธารณชนโจ่งแจ้งก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เมื่อไม่มีใครได้ยินเสียงช่วยเหลือ จะอยู่ในที่เปลี่ยวหรืออยู่ในที่แจ้ง ความหมายของเสียงนั้นก็มีค่าเท่ากัน เป็นประเด็นที่ช่วยขบคิดกันต่ออีกเรื่องหนึ่ง
อีกมุมที่ผู้เขียนชอบคือ การสอดแทรกความฟิลกู้ดของแม่ลูกที่รักกัน โลกของแม่ลูกพูดคุยกันเป็นภาษามือ ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจของกันและกัน ส่วนนี้เป็นการเปิดหูเปิดตาให้ผู้เขียนเริ่มคิดตามในรายละเอียดที่เราอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน คือการใช้ชีวิตของคนหูหนวกเป็นใบ้ อุปกรณ์พวก Noise Light ไฟที่สว่างด้วยเสียง หรือตุ๊กตาตีฉิ่งฉาบเตือนภัย ต่างให้ทั้งความรู้สึกน่าทึ่งและอึ้ง จนแอบหวังเล็ก ๆ ว่าเนื้อหาของเรื่องนี้จะช่วยกระตุ้นสังคมให้เข้าใจและใส่ใจคนพิการในด้านสวัสดิภาพมากขึ้นไม่มากก็น้อย
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ https://www.facebook.com/MoviesAllDay.SeriesAllNight
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡