Late Autumn เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนเกาหลี-จีน รีเมคจากเวอร์ชั่นปี 1966 ซึ่งใช้ชื่อว่า Full Autumn (แต่ผู้เขียนเองยังไม่เคยดูเหมือนกัน) เป็นหนังที่ได้เปิดรอบปฐมทัศน์ที่งาน Toronto International Film Festival 2010 และได้รับเชิญเข้าร่วมงาน Seattle International Film Festival 2010, Busan International Film Festival 2010, Berlin International Film Festival 2011 โห! เยอะไปหมด ลุคอินเตอร์ดีค่ะ เป็นหนังที่ดังฮือฮามากในจีนด้วย มีชื่อไทยว่า ‘ครั้งหนึ่ง ณ ฤดูแห่งรัก’
พลอตหนังเป็นเรื่องการพบกันของหญิงชายแปลกหน้าคู่หนึ่ง ที่ได้ใช้เวลาเตร็ดเตร่ร่วมกันเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่มีความหมาย เปลี่ยนแปลงชีวิตหม่นมัวให้มีความหวัง
ท้องเรื่องเกิดที่เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งท้องฟ้าหม่น ทึมๆ ฝนยังโปรยปรายอยู่บ้าง
แอนนา รับบทโดย ถังเหว่ย (นางเอกดังของจีน) นักโทษสาวชาวจีนสัญชาติอเมริกัน วัยประมาณ 30 ปี ติดคุกด้วยคดีฆาตกรรมสามี รับโทษมาแล้ว 7 ปี ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปร่วมงานศพแม่ที่เมืองซีแอตเทิล คุกคงอยู่ห่างออกไปนอกเมืองหรือต่างเมืองมิได้ระบุไว้ จึงมีเวลาให้เดินทางไปกลับรวม 3 วัน โดยต้องอยู่ภายใต้การรายงานตัวและติดตามตัวได้ทางโทรศัพท์ตลอดเวลา
ฮุน รับบทโดย ฮยอนบิน หนุ่มเกาหลีหน้าตาดี เป็นโรบินฮู้ดลักลอบเข้าอเมริกาผิดกฎหมาย อาศัยอยู่ในเมืองซีแอตเทิล มีอาชีพเป็นเอสคอร์ทขายบริการให้คุณสาวใหญ่ใจเปลี่ยวทั้งหลาย (บินนี่เล่นได้หน้าตากรุ้มกริ่มโปรยเสน่ห์ผสมขี้เล่น ได้กำลังดี ผู้เขียน bias เกินไปรึปะเนี่ย) นอกจากจะต้องคอยหลบตำรวจแล้ว เพื่อนยังส่งซิกให้ระวังการถูกตามล่าของนักเลงสามีขี้หึงของสาวใหญ่คนหนึ่งที่ติดพันเซอร์วิสของฮุน ถึงขั้นติดใจอยากจะชวนฮุนหนีไปต่างประเทศด้วยกัน จูงใจฮุนด้วยข้อเสนอเปิดร้านให้ลงหลักปักฐาน แต่ฮุนไม่รับ
หนังจะเล่าความหม่นหมอง ไร้ความหวัง และเก็บความรู้สึกของแอนนา การออกจากคุกเที่ยวนี้ ไม่ได้มีอะไรน่าอภิรมย์กับชีวิตเลย ในครอบครัวของเธอที่มีญาติพี่น้องมากมาย แต่หาใครสนใจเธออย่างแท้จริงไม่ได้ พวกเขาจดจ้องเพียงลายเซ็นต์อันมีค่าของเธอที่จะทำให้ขายบ้านของแม่ได้ เพื่อพี่น้องจะได้แบ่งสมบัติกันไป
ความพยายามที่เธออยากทำให้ช่วงเวลาอิสระสั้นๆที่เหลืออยู่ก่อนกลับคุก จรรโลงความสุขเล็กน้อยขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผล เช่น ใช้เงินซื้อเสื้อผ้าเติมความสดใสสวยงาม แต่ก็ไม่สามารถเติมชีวิตชีวาให้จิตใจเธอได้เลย สุดท้ายเธอก็เลือกกลับมาอยู่ในชุดเสื้อผ้าผมเผ้าสภาพเดิมๆดีกว่า
ยังมีความพยายามที่จะลองใช้ชีวิตให้เต็มที่ หลังจากเจอฮุนโดยบังเอิญอีกครั้ง และรู้ว่าซื้อบริการเขาได้ จึงอยากลองดูบ้าง แต่ก็ขึ้นเตียงไม่สำเร็จอีก เพราะเธอทำใจไม่ได้ และจบลงด้วยการเปลี่ยนเป็นซื้อบริการฮุนให้เป็นเพื่อนทัวร์เที่ยวรอบเมืองแทนดีกว่า
ทว่า หนึ่งวันของการเตร็ดเตร่ชมเมืองกับฮุน เธอกลับสามารถปลดปล่อยความรู้สึกภายใน โดยเปิดเผยเรื่องราวปมชีวิตในอดีตของเธอออกมาให้ฮุนรับรู้ รักแรกที่ผิดหวัง โดนหักหลังไปแต่งกับสาวอื่น จนเธอต้องแต่งมั่ง แต่ก็โดนสามีทำร้ายจนเธอสติแตกทำร้ายสามีกลับ และกลายเป็นความผิดที่เธอต้องชดใช้กรรม นั่นเหมือนว่าประตูคุกในใจของเธอได้เริ่มถูกถอดสลักออก หรือเป็น ice breaking ให้ฮุนเข้าถึงได้ แต่เมื่อหมดเวลาบริการ ทั้งสองก็กล่าวลากันไป แอนนาก็ยังไม่ได้คาดหวังการพบเจอกันอีก
แต่ในวันรุ่งขึ้น ฮุนได้ตามไปร่วมพิธีงานศพแม่ของแอนนา และได้โอกาสชกต่อยหนุ่มที่เป็นรักแรกของแอนนา (ฮุนตั้งใจเอาคืนให้แอนนานะ แต่สร้างเรื่องการต่อยเป็นวิวาทสัพเพเหระไป) พลอยทำให้แอนนาได้ระเบิดอารมณ์อัดอั้นของตนออกมาจากใจ สามารถตะโกนร่ำไห้เสียงดังๆ ปลดปล่อยความโกรธแค้นที่ไม่รู้จะโทษใครออกมา เหมือนได้ระบายของเสียออกจากตัว เพื่อมีพื้นที่ว่างเปิดรับความรู้สึกดีๆจากฮุนเข้าไปแทนที่ได้
และเมื่อถึงเวลาที่แอนนาต้องลาจากฮุนจริงๆ ต้องขึ้นรถบัสกลับคุกตามกำหนดเวลา ฮุนกลับตามขึ้นรถไปอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงทำท่าไปได้ดี สัญญาที่ให้ไว้ว่าจะกลับมาเจอกันที่จุดพักรถเมื่อแอนนาพ้นโทษในอีก 2 ปีข้างหน้า เป็นสัญญาณเริ่มต้นของความหวัง แต่…..เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับฮุน เป็น 20 นาทีสุดท้ายของหนังที่สร้างความจุก เจ็บ ฉงน ให้ผู้ชมไปขบคิดเดาปริศนาปลายเปิดของผู้กำกับกันเอง เดาสุขเดาเศร้าแล้วแต่จะมโนกันนะ ผู้เขียนจะทิ้งไว้เป็น surprise ให้ผู้ชมไปตามต่อกันเองเลยนะคะ ไม่สปอยล์ไปมากกว่านี้
หนังเรื่องนี้เป็นแนว Low-key Romance คุมโทนสี อารมณ์ เนิบนุ่ม ในบรรยากาศความหม่นเศร้า แต่ถ่ายทอดความโรแมนติคได้ละเมียดละไมมาก บทสนทนาไม่มากนัก น้อยแต่ได้คุณภาพ สื่อความหมายได้ลึกซึ้งกินใจ ตัวอย่างเช่น ฉากบทนั่งคุยกันของพระนางในตลาด ฮุนซึ่งพูดภาษาจีนได้เพียงคำว่า ‘ดี’ ‘ไม่ดี’ เมื่อแอนนาเล่าเรื่องอดีตให้ฟัง แต่ละประโยคแต่ละช่วงที่ฮุนตอบสั้นๆ เพียงคำว่า ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’ มันสะท้อนความรู้สึกจริงใจที่ฮุนส่งออกมาได้อย่างละมุนจริงๆ เข้าสูตร ‘น้อย’ แต่ ‘มาก’ อีกแล้ว ด้วยคำพูดสั้นๆเพียงเท่านี้ ก็ช่วยลดความเหงาโดดเดี่ยวของแอนนาได้ดีเลย ผู้เขียนฟินฉากนี้มากกว่าฉากเลิฟซีนอีกนะเนี่ย
ความฟินที่ไม่ได้มาด้วยภาพหวานๆโรแมนติคแบบปกติ ก็ยังมีอีกเยอะ ฉากชกหนุ่มจีนที่เป็นรักแรกของแอนนา เป็นฉากรุนแรงและเศร้านะ แต่ผู้เขียนก็ยังฟินถึงความจริงใจของฮุนได้ (หรืออาจเป็นเพราะ bias บินนี่อีกแล้ว!)
การใส่ความหมายนัยลงในบทหลายๆอย่างก็น่าสนใจ เช่น นาฬิกาข้อมือของฮุน ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวประกันยัดเยียดให้แอนนาหลายๆครั้ง เหมือนมีนัยว่า สิ่งที่ฮุนมีและหยิบยื่นให้แอนนา คือ ‘เวลา’ ที่จะช่วยให้แอนนามีความรู้สึกดีขึ้นได้อย่างที่เล่าเรื่องข้างต้นไป รวมถึงการสัญญาว่าอีก 2 ปี จะกลับมาเจอกัน
โดยรวม หนังจะออกมาทางเรียลๆนะ แต่ก็มีบท abstract นิดหน่อย ช่วงที่ฮุนและแอนนาไปเที่ยวสวนสนุกร้าง (ความ low-key คุมมาจนถึงสวนสนุก ซึ่งปกติเป็นตัวแทนสถานที่เดทที่มีชีวิตชีวา ผู้กำกับยังเลือกให้เป็นสวนสนุกร้างแทนซะเนี่ย เก็บทุกเม็ดจริงๆ) ฮุนและแอนนาได้นั่งมอง ชาย-หญิงคู่หนึ่งโต้เถียงกันเรื่องความรัก ที่มีทั้ง ‘ความอยากรักและอยากแยก’ จนจบด้วยการเต้นรำคู่ น่าจะสื่อความหมายเปรียบเทียบความรู้สึกในใจของฮุนและแอนนามีต่อกัน เพราะเธอต้องกลับเข้าคุก จึงมีความไม่อยากผูกพัน ผู้เขียนชอบฉากนี้เช่นกัน เพราะบิวท์อารณ์ได้มีสีสันสุดๆ จัดเต็มด้วยซาวน์เพลงถึงใจมาก
ในแง่ทิวทัศน์ท่องเที่ยว อาจไม่ได้โดดเด่นนัก เพราะไม่ได้เน้น และมีโทนหนังที่ถูกคุมไว้ ทำให้ไม่เห็นวิวที่สดใสสดชื่นสักเท่าไหร่ มีเพียงแค่ทัวร์ Ride the Duck (คือ พาหนะชมเมืองของซีแอตเทิล เป็นทั้งรถ และเรือในตัว ดีไซน์เป็นเป็ด คงเพราะเป็ดเดินได้ ว่ายได้มั้ง จริงๆน่าจะมีบินได้ด้วยนะ 555) ชมเมืองนิดหน่อย พอเป็นพิธีช่วยขายของให้ซีแอตเทิล
ความขมุกขมัวของปลายฤดูใบไม้ร่วง Late Autumn ที่ธรรมชาติจะเป็นโทนสีน้ำตาล สภาพหม่นๆของอากาศ สะท้อนอารมณ์โหยหาความรัก และยังเป็นช่วงรอยต่อเข้าต้นฤดูหนาว Early Winter ที่จะเป็นฟิลเหงาๆ เปล่าเปลี่ยวผสมกันไปด้วย น่าจะเป็นความหมายแฝงที่มากับชื่อหนังเรื่องนี้ค่ะ
อีกประเด็นที่ไม่รู้จะเป็นความตั้งใจหรือไม่ เรื่องนี้มีอะไรบางอย่างให้ผู้เขียนนึกไปถึงหนังฮอลลีวู้ดดังเรื่อง Sleepless in Seattle ในเรื่องนั้น พระ-นาง แอนนี่กับแซม ก็เป็นรักที่ถูกชักพาให้มาเจอกันจากคนละซีกของประเทศ แบบไม่รู้จักกันมาก่อน มีความเหงาเป็นตัวส่ง ชื่อนางเอกยังคล้ายๆกันเลย เออ.. คิดมากไปปะเนี่ย
สุดท้าย อยากแนะนำให้ชมเรื่องนี้ในเวอร์ชั่นซับไทย หรือ ซับอิงค์ ดีกว่า อย่าดูเป็นพากย์นะ เพราะจะอดฟังเสียงบินนี่พูดอังกฤษ นุ่มไพเราะ ฟินหูมากมายเชียวแหละ
Trailer :