‘ยิ่งแสงสว่างมากขึ้นเพียงใด เงาจะดำมืดยิ่งขึ้นเท่านั้น’
ยิ่งเขาเฉิดฉาย กลับกลายเป็นเราที่ไร้ตัวตน
หรือจะเป็นได้เพียงเงาและด้านมืดมิดของความเจิดจรัสให้เขา
Kingmaker : The Fox of Election เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าการเมือง ที่ให้ทั้งความบันเทิงบนความสมจริง พาเราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การเมืองยุคสุดเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนของชาวเกาหลี ในช่วงทศวรรษที่ 60 ต่อเนื่องถึงทศวรรษที่ 70 เดินเรื่องอยู่ในโลกแห่งการแข่งขันเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง ผ่านตัวละครหลักที่เป็น ‘นักการเมืองท้องถิ่นปลายแถว’ ที่มีเพียงทุนแห่งความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ และความเหนียวแน่นในหลักการ กับอีกหนึ่งคือ ‘นักวางแผนจอมอุบาย’ ที่กล้าเดินต่าง แต่ก็ถึงเป้าสำเร็จได้ เป้าหมายที่ทั้งคู่มีตรงกันคือ ‘โลกใหม่’ ที่มีเสรีภาพให้พูด ให้แสดงออกได้ มีสิทธิเสมอภาค ไม่ถูกยัดเยียดความเป็นคอมมิวนิสต์ พาประชาชนชาวเกาหลีให้หลุดพ้นระบอบเผด็จการในยุคมืดนั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากบุคคลทางการเมืองจริง และอิงประวัติศาสตร์การเมืองจริง แต่นำมาสร้างพล็อตผูกเรื่องปรุงแต่งใหม่ให้เป็นงานบันเทิงอรรถรสที่มีรสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น
รับชมภาพยนตร์ Kingmaker ได้ทาง VIU
ก่อนอื่น มาดูความหมายของ Kingmaker กันก่อน Kingmaker คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพลังหรืออำนาจควบคุม กำหนดให้บุคคลเป้าหมายขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำการปกครองสูงสุด ในเรื่องนี้ก็จะหมายถึง ซอชางแด ผู้ที่ผลักดันให้นักการเมืองหน้าใหม่ คิมอุนบอม เดินทางไปถึงจุดสูงสุดเพื่อที่จะมีอำนาจเปลี่ยนโลก ด้วยแผนการหาเสียงเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความฉลาดแกมโกง สารพัดเล่ห์เพทุบาย เขาจึงถูกเรียกว่าเป็น Fox of Election
คิมอุนบอม (รับบทโดย โซลคยองกู) มักถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเกาหลีเหนือแะเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะท่าทีและทัศนคติของเขา เขาเข้าสู่โลกการเมืองเพราะอยากเปลี่ยนแปลงโลก แต่ทุนไม่มี เส้นสายก็ไม่มี เป็น Nobody ที่ต่อให้มีนโยบายดีแค่ไหนก็ยังสอบตกอยู่เสมอ แต่เขาเกิดไปเข้าตา ซอชางแด (รับบทโดย อีซอนคยุน) ที่พื้นเพเป็นคนเกาหลีเหนือ แต่ปัจจุบันใช้ชีวิตกลมกลืนจนกลายเป็นคนเกาหลีใต้ไปแล้ว เขามีอาชีพเป็นหมอยา แต่อยากผันตัวมาทำงานการเมือง อยากใช้สติปัญญาและความสามารถการคิดเชิงกลยุทธ์ที่มีให้เป็นประโยชน์กับนักการเมืองดี ๆ สักคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน
แล้วเขาก็เสนอตัวเองให้คิมอุนบอมได้สำเร็จ ซอชางแดได้เข้าร่วมทีม เป็นแกนการสร้างแผนการหาเสียง ส่งให้คิมอุนบอมชนะการเลือกตั้งติดต่อกันหลายสมัย ไต่เต้าจากสนามท้องถิ่นที่มกโพ มาสู่สนามใหญ่ระดับประเทศ คือเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จาก Nobody จึงกลายเป็นคนที่ถูกฝ่ายรัฐบาลเผด็จการและพรรคคู่แข่งหันมาจับตาระวังอย่างจริงจัง
ความสนุกเบื้องต้นที่หุ้มห่อเรื่องไว้คือ การตีแผ่สาวไส้วิถีคนการเมือง เป้าหมาย VS วิธีการ เห็นแผนกลยุทธที่คิดซับซ้อน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล หลอกล่อวางกับดักบ้าง จัดฉากดิสเครดิตบ้าง ปลุกเร้าสร้างสงครามจิตวิทยา เบี้ยตัวเล็กตัวน้อยบนกระดานก็หาใช่ใคร คือประชาชนผู้หลงเฮโลไปตามสื่อ ตามอินฟลูเอ็นเซอร์ในสังคมนั่นแหละ จะได้เห็นการล็อบบี้จับขั้วเพื่อผลประโยชน์ ที่ต้องอ่านเกมเดาทาง การเปลี่ยนข้างที่เหมือนหักหลังไปมา จนดูเหมือนไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร สำหรับคนที่อยู่นอกวงการดูแล้วก็คงมีตะลึงกันบ้าง และด้วยจังหวะเล่าที่กระชับจับประเด็นอยู่ อารมณ์ไม่สะดุด ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ แถมด้วยการแทรกคั่นฉากคลายเครียด เป็นตลกร้ายหน้าม่านแซะล้อการเมืองให้ขำ ๆ เป็นช่วง ๆ
ส่วนปมแกนหลักที่สปอตไลต์ให้จับตาดูกัน คือความสัมพันธ์ของ คิมอุนบอม กับ ซอชางแด ที่เหมือนผู้ร่วมอุดมการณ์ ผู้รู้ใจ บอสและกุนซือคู่บุญ ตลอดเส้นทางการเติบโตทางการเมืองหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา สะท้อนความภักดีที่ซอชางแดมีให้คิมอุนบอมมาตลอด แม้ว่าเหตุผลลึก ๆ ในใจของซอชางแดที่อยากเปลี่ยนโลก เพื่อที่จะได้มีตัวตน มีที่ยืนอย่างภาคภูมิบนโลกใบนี้
แต่นานไปเขายิ่งพบว่าตัวเองก็เหมือนจมดิ่งติดอยู่ในเงามืดที่มืดลง ๆ หามีใครรู้จักไม่ นอกจากจะบั่นทอนจิตใจเขาเองแล้ว ยังกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกคู่แข่งหยิบมาใช้บดขยี้แทงใจ เรียกขานสมญาว่า ‘เงา’ ที่จะไม่มีวันได้ส่องแสง เป็นแค่ด้านมืดของคิมอุนบอมที่ต้องปกปิดเก็บไว้ และถ้าเมื่อไหร่ฟางเส้นสุดท้ายขาด มิตรภาพและคุณค่าหมดไปจากสายตาคิมอุนบอม อะไรจะเกิดขึ้น หวนนึกถึงคำเปรียบเปรยนัยของดอกไม้ที่สามารถเป็นได้ทั้งยาและพิษ ซึ่งซอชางแดเคยกล่าวอ้างอิงไว้ในต้นเรื่องในฐานะหมอยาที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้
เรื่องราวก็น่าสนใจขนาดนี้ แถมยังได้ทัพนักแสดงทีมใหญ่มากมาร่วมกันสวมบทบาทอีก เช่น โจอูจิน, ยูแจมยอง, พัคอินฮวาน, แบจงอ๊ก, คิมซองโอ, ซออึนซู, จอนแบซู, คิมจงซู, อีแฮยอง, และยุนคยองโฮ รวมถึง จินซอนกยู ที่มาแสดงรับเชิญฉากเปิดเรื่องให้ แต่ทว่า ความคับคั่งย่อมทำให้หลาย ๆ คนอาจมีบทน้อยไปนิด จนเหมือนตัวประกอบ เสียดายที่ไม่ได้ปล่อยของกันสักเท่าไหร่
อีกความโดดเด่นที่จะขอยกให้กับงานโปรดัคชั่น เต็มคุณภาพ เก็บรายละเอียดของงานพีเรียดย้อนยุคได้ดี งาน Cinematography ให้อารมณ์สมจริงด้วยเทคนิคสไตล์สารคดีข่าว แต่ไม่รู้สึกเชยเลย ลีลาการกำกับศิลป์คุมโทนสีภาพ และการสื่อสัญลักษณ์ของแกนไอเดียเรื่อง ความสว่าง vs เงามืด ทำออกได้สวยงามเนียน ๆ สะดุดตาเป็นภาพจำได้ในหลายๆฉาก ทุกซีนผ่านการคิดมาอย่างดี แฝงนัยเด็ด ๆ ก็หลายฉาก แต่ก็ยังหลุด CG ขัดตาบ้าง เช่นฉากปราศรัยริททะเลในมกโพ (หรือเขาอาจตั้งใจเป็นแค่ฉาก Backdrop ก็ได้นะ) ในส่วนของบทพูดบทบรรยายก็ดีงาม ทั้งโดนทั้งคมเลยค่ะ
เบื้องต้น (ณ ขณะที่ผู้เขียนรีวิว) หนังยังค่อนข้างใหม่ เพิ่งได้ผ่านเวทีประกวดรางวัลงานแรกอย่างงาน 58th Baeksang Arts Awards ไป แต่ก็คว้ารางวัลหลายรางวัลไปครองเรียบร้อย ทั้ง ‘ผู้กำกับบยอนซองฮยอน‘ ในรางวัล ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ‘โซลคยองกู‘ ในรางวัล นักแสดงนำยอดเยี่ยม และ ‘โจอูจิน‘ ในรางวัล นักแสดงสนับสนุนยอดเยี่ยม หลังจากนี้ก็เชื่อว่าหนังเรื่องนี้คงทยอยได้รางวัลจากเวทีอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกหลายรางวัลแน่ ส่วนด้านรายได้ก็ทำเงินได้ดีทีเดียว ณ ตอนนี้ยืนอันดับสองของปีกันเลยทีเเดียว
โดยส่วนตัวแล้ว จัดว่าเป็นเรื่องที่ชอบมาก ดีพร้อมทุกองค์ประกอบ เล่าเรื่องการเมืองได้น่าติดตาม เรียกว่าสนุกได้ สาระมี ย้อนยุคขาวดำจืด ๆ ได้อย่างสวยงามมีเสน่ห์ เท่ดี ขอเชียร์เลยว่าคุ้มค่าน่าชมค่ะ
ทิ้งท้ายกันอีกนิด ชวนคิดในความยากของการเป็น Kingmaker ที่จะบริหารเป้าหมายของงานและกำหนดความสำเร็จของตนเอง แท้จริงคนอย่างซอชางแดต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ นักคิดอย่างเขาจะหาคำตอบออกมาอย่างไร เป็นการเปิดปลายเรื่องให้คนดูได้ลองขบคิดตาม
รวมถึงคำถามคลาสสิคที่กลับมาท้าทายอีกครั้งว่า ถ้าผลลัพธ์สำเร็จ วิธีการที่นำไปถึง จะเป็นอะไรก็ได้จริงหรือ ยอมรับกันได้ไหม อ้างอิงกันอย่างคมคายจากในเรื่อง ปราชญ์อริสโตเติลกล่าวไว้ว่า ‘ความยุติธรรมสร้างระเบียบให้สังคม’ แต่เพลโต (ครูของอริสโตเติล) กล่าวไว้ว่า ‘ถ้าเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ก็สามารถใช้วิธีการใดๆก็ได้’
รับชมภาพยนตร์ Kingmaker ได้ทาง VIU
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡