เมื่อมนุษย์คิดค้นการโคลนสมองมนุษย์ไปสร้างเอไอประดิษฐ์ที่เหนือมนุษย์
โลกของมนุษย์จะเปลี่ยนไปหรือไม่..อย่างไร..
ตามไปดูเรื่องราวของ ‘ทหารฮีโร่จองอี’ VS ‘โปรแกรมจองอี‘
JUNG_E เป็นผลงานเขียนบทและกำกับโดย ผู้กำกับยอนซังโฮ เจ้าของผลงานภาพยนตร์ Train to Busan (2016), Psychokinesis (2018), Peninsula (2020) รวมถึงงานเขียนบทของซีรีส์ The Cursed (2020), Monstrous (2022) ดูพอร์ตงานแล้ว ก็จะเห็นภาพความคิดที่มีความแหวกกรอบ กล้าต่าง และสอดแทรกสาระสะท้อนสังคมหรือมนุษย์ได้ดี
หนังจั่วหัว Genre ไว้ว่าเป็น Sci-fi Action และ Drama บนท้องเรื่องที่สะท้อน ‘โลกดิสโทเปียยุคไซเบอร์พังค์‘ (Dystopia คือ โลกที่เลวร้ายรุนแรง สถานการณ์หายนะเหมือนนรก ไม่น่าอยู่, Cyberpunk คือ โลกที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแต่สังคมหรือคุณค่าความเป็นมนุษย์เสื่อมถอยสวนทาง) แถมบางแหล่งระบุเพิ่มด้วยว่าเป็นสงคราม จึงอาจสร้างความคาดหวังเกินเลยไปบ้าง เหมือนปกและคำนำหนังสือที่ทำให้เราเผลอตั้งตารอความระทึกตื่นเต้นจากหุ่นยนต์สู้รบประจัญบานระห่ำเต็มรูปแบบ แต่เอาเข้าจริง มันเป็นเพียงการปูท้องเรื่อง เพื่อนำเข้าสู่ประเด็นเบื้องลึกจิตใจมนุษย์ที่อยู่ในสังคมดิสโทเปียและไซเบอร์พังค์ ที่ชวนให้ต้องดิ้นรนเพื่อการปลดปล่อยสู่อิสระซะมากกว่า
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ศูนย์วิจัยโครนอยส์ ที่ทำงานพัฒนาวิจัยปัญญาประดิษฐ์ ตั้งอยู่บนดิสโทเปียที่สภาพแวดล้อมหายนะไปแล้ว มนุษย์ส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่บนอวกาศระหว่างวงโคจรและดวงจันทร์ที่เรียกเป็น ‘เชลเตอร์ (Shelter)’ ต่อมาเชลเตอร์ที่ 8, 12 และ 13 ตั้งตนเป็น กลุ่มปกครองตนเอง สาธารณรัฐอาเดรียน เข้าโจมตีเชลเตอร์อื่น ๆ ก่อสงครามระหว่างอาเดรียนกับกองกำลังพันธมิตรของเชลเตอร์อื่น ๆ (เฉกเช่นกลับสู่ยุคสงครามโลกอีกครั้ง!) ศูนย์วิจัยโครนอยล์จึงมุ่งมั่นคิดค้นพัฒนานักรบเอไอเพื่อการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำ ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง
โครงการวิจัยนักรบเอไอที่พัฒนาจาก ‘โปรแกรมจองอี’ ตั้งต้นมาจากการนำเอาสมองของมนุษย์ทหารที่เก่งกาจการรบคนหนึ่งของกองกำลังพันธมิตรอย่าง กัปตันยุนจองอี (รับบทโดย คิมฮยอนจู) มาโคลนนิ่งใส่ให้ฝูงหุ่นยนต์ หวังให้ถ่ายทอดจิตวิญญาณของสุดยอดทหารรับจ้างในตำนาน ที่เด่นทั้งด้านการคิดเชิงกลยุทธ์ ทักษะการต่อสู้ และจิตใจที่จงรักภักดี สร้างเป็นกองกำลังหุ่นรบทรงประสิทธิภาพ
ในอดีต ยุนจองอี เป็นฮีโร่ที่ผู้คนยกย่องชื่นชม แต่ด้วยโคม่านอนเป็นเจ้าหญิงนิทราจากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 35 ปีก่อน และเพราะความยากจนของเธอ เป็นเหตุให้ครอบครัวต้องยอมยกสิทธิ์ของสมองยุนจองอีให้รัฐนำไปใช้ประโยชน์
ปัญหาที่โครนอยด์แล็ปกำลังเผชิญนั้นคือ นักรบเอไอสั่งการของโปรแกรมจองอียังไม่สามารถผ่านขั้นตอนการพัฒนาสุดท้ายได้ แม้ว่าผอ.ของแล็ป คิมซังฮุน (รับบทโดย รยูคยองซู) และ หัวหน้าวิจัย ดร.ยุนซอฮยอน (รับบทโดย คังซูยอน) ได้นำทีมทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็ตาม ทำให้ลูกค้า VIP จากกองทัพไม่พึงพอใจ
แต่แล้ว สถานการณ์ก็เปลี่ยนเพราะสงครามเกิดยุติลงได้โดยไม่คาดคิด ส่งผลกระทบให้ประธานโครนอยด์คิดพลิกแผนธุรกิจ เปลี่ยนเป้าหมายการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อการค้าไปยังตลาดกลุ่มอื่น ๆ แทนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ สร้างความบีบคั้นทางใจให้กับยุนซอฮยอน ในฐานะผู้ผูกพันใกล้ชิดกับจองอี จนเกิดเรื่องราวอันชวนระทึกและสะเทือนใจตามมา
โดยรวมถือว่าหนังดูได้สนุกถ้าไม่คิดเล็กคิดน้อย มีความน่าสนใจในการผูกพล็อต ที่นำหลายประเด็นใหญ่มาร่วมผูกสร้างแกน แต่อาจถูกใช้แบบไม่สุดในหลายเรื่อง เช่น ใช้เรื่องดิสโทเปียแบบผิว ๆ เพื่อแค่การปูท้องเรื่อง หรือแค่ใช้เป็นองค์ประกอบเพื่อเป็นสะพานส่งต่อประเด็น และยังละรายละเอียดให้เข้าใจกันเองแบบรวบหลวม ๆ ไว ๆ รวมถึงที่ได้เกริ่นไว้ตอนแรก ความคาดหวังก่อนดูกับเมื่อดูไปจนเข้าครึ่งเรื่องหลัง จึงอาจรู้สึกเหมือนถูกหลอกหลงประเด็นหรือไม่?
กว่าจะเข้าสู่แก่นเรื่องที่ชัดเจนก็ปาเข้าไปองก์สาม ความรักความผูกพันแม่ลูกที่สร้างพลังปกป้องสุดชีวิตได้ จิตวิญญาณมนุษย์ในความรักบริสุทธิ์ยังมีค่าเสมออยู่ในส่วนลึกที่ไม่มี AI หรือเทคโนโลยีใดจะมาควบคุมบงการหรือทดแทนได้ เช่นการพูดถึงพื้นที่สมองส่วนสีเหลือง หรือการเปรียบเปรยเรื่องหม้อหุงข้าวของประธานโครนอยล์ ถ้าดูจนจบจะรู้สึกดีขึ้นในความกล้าคิดบทออกมาแบบนี้ ได้คะแนนความสดใหม่ไปเลย
เนื้อหาที่โปรยปูภาพด้านมืดของโลกอนาถสังคมน่าชิงชังนั้น ยังคงเป็นความจริงที่ถูกจิกกัดเสียดสีอย่างโดน ๆ อัดมาแน่น ๆ แม้ว่าโลกจะเคลื่อนตัวไปสู่อนาคตข้างหน้าด้วยวิวัฒนาการเทคโนโลยีล้ำหน้าชวนทึ่งเพียงใด ต้นตอของจิตมนุษย์ที่สร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับแรงปรารถนาความโลภความเห็นแก่ตัวที่ก่อให้เกิดสิ่งเลวร้ายได้เสมอ ไม่ว่าจะในแง่มุมของสงคราม การสร้างอำนาจเพื่อครอบครองสิ่งต่าง ๆ ไม่จบไม่สิ้น ในแง่ของการแบ่งแยกชนชั้น การจัดค่าของคนด้วยเงินทอง ตัดเกรดคนด้วยตัวอักษร A, B, C เพื่อให้สิทธิ์พื้นฐานในการดำรงชีพแบบเหลื่อมล้ำกัน จนทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ก็ลดหลั่นกันไปด้วย ไปจนถึงค่าความเป็นฮีโร่หรือเกียรติคุณงามความดีที่เลือนหายได้ง่าย ๆ ในโลกสังคมทุนนิยม นายทุนมองแต่ผลประโยชน์ตัวเอง ทุกอย่างรอบข้างเป็นเพียงวัตถุด้อยค่าจริงๆ
ในแง่งานโปรดัคชั่นจัดว่าเต็มที่ CG ปราณีตในระดับที่ไม่ขัดตา ฉากแอ็คชั่นเสิร์ฟเยอะพอประมาณได้แบบเสมอตัว ไม่มีซีนว้าวพิเศษหรือมุมแปลกใหม่ หรืออาจจะใหม่บ้างสำหรับงานเกาหลีถ้าไม่เทียบกับฟากตะวันตก
ที่ดูน่าสนใจคงเป็นฝีมือการแสดงของ คิมฮยอนจู ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจเปลี่ยนลุคดี คังซูยอน กับคาแรคเตอร์นิ่งๆสุขุมมาก ปล่อยแววตาทำหน้าที่ส่งอารมณ์อย่างลึกซึ้ง (เป็นที่อาลัยยิ่งที่สูญเสียเธอไปจากวงการเมื่อปีที่แล้ว ทิ้งผลงานนี้ไว้เป็นเรื่องสุดท้าย จึงทำให้ทุกฉากที่เห็นเธอ มีความจุกอกเป็นพิเศษ) ส่วน รยูคยองซู ผิวเผินอาจดูเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยให้อะไรเท่าไหร่ แต่ดูๆไปก็แอบคิดว่านี่อาจเป็นมุกเด็ดในการเหน็บพวกเศรษฐีนายทุนที่สร้างคนได้ก็ทำลายคนได้ คนไม่ได้มีค่าเพราะถูกมองเป็นเพียงหุ่นยนต์ทำงาน เมื่อไม่ได้ดั่งใจหรือไร้ประโยชน์ก็พร้อมกำจัดทิ้ง ซึ่งถ้ามองมุมนี้ ถือว่ารยูคยองซูถ่ายทอดไว้ได้ดีเลยนะ นอกจากนี้มี น้องพัคโซอี มาร่วมแสดงเป็นยุนซอฮยอนวัยเด็กด้วย น้องฝีมือดีและน่าเอ็นดูเป็นทุน แอร์ไทม์นิดเดียวก็ยังสะดุดตาได้เลยค่ะ และมี ออมจีวอน มาร่วมฉากรับเชิญที่จัดจ้านด้วยอีกคน
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡