Inseparable Bros เป็นชื่อเรื่องที่ว่าตามพลอตอย่างตรงไปตรงมา ความเป็นพี่น้องที่ตัดขาดจากกันไม่ได้ แยกจากกันไม่ได้ ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ร่วมสายเลือดเดียวกัน แล้วทำไมจึงรักผูกพันกันได้ปานนั้น ทำไมเรื่องราวของพวกเขาจึงชวนอบอุ่นหัวใจนัก มาตามไปดูกันค่ะ
ณ สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าของโบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่ง ที่มีบาทหลวงพัค (รับบทโดย ควอนแฮฮโย) เป็นผู้ดูแล นอกเหนือจากเรื่องชอบดื่มเหล้าแล้ว อย่างอื่นที่นอกรีตนอกรอยก็ไม่มี เขามีจิตใจดี เอาใจใส่หาทุนจากผู้ใจบุญบริจาคมาใช้ดูแลเด็กๆร่วมสิบ ในกลุ่มนี้มีเด็กที่ด้อยโอกาสซ้ำซ้อน คือทั้งกำพร้าและพิการ 2 คนที่จะเป็นตัวละครหลัก
เซฮา (รับบทโดย ชินฮาคยุน) เขาประสบอุบัติเหตุตอนเป็นเด็กเล็กซึ่งกระทบสันหลังจนเป็นอัมพาตไปทั้งตัว ใช้ชีวิตบนวีลแชร์ที่ต้องมีคนเข็นให้ มีคนดูแลป้อนข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการธุระขับถ่ายให้ หรือคอยพลิกตัวไปมายามนอนหลับ แต่เขาก็ยังมีเรื่องดีชดเชยที่ว่า มีสติปัญญาดี เฉลียวฉลาด ได้เรียนหนังสือ และเป็นคนกล้า มีจิตใจมุ่งมั่นดี ติดที่เป็นคนหัวร้อนปากร้ายนิดหน่อย ก็คงเพราะสมองและใจไปแล้ว แต่ร่างกายเป็นอุปสรรค ยิ่งถ้าใครรอบข้างคิดไม่ทันหรือทำอะไรไม่ได้ดั่งใจด้วยนะ
ทงกู (รับบทโดย อีกวังซู) เป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าเซฮา มีพัฒนาการทางสมองไม่สมบูรณ์ แต่กลับมีร่างกายแข็งแรง สูงใหญ่ แถมมีพรสวรรค์ว่ายน้ำเก่งมาก ครั้งแรกที่เซฮาและทงกูเจอกัน เซฮาก็ช่วยทงกูจากถูกเพื่อนๆรังแกได้อย่างฮีโร่มาก ทงกูจึงรู้สึกดีกับเซฮา นับถือเรียกเป็น ‘ฮยอง’ (แปลว่าพี่ชาย) ทงกูเต็มใจและมีความสุขกับการเป็นพี่เลี้ยงป้อนข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พลิกตัวยามดึกให้ฮยอง และเข็นรถวีลแชร์ไปไหนมาไหนด้วยกัน ประหนึ่งตัวจะติดกันไปแล้ว ส่วนเซฮาก็คอยช่วยเหลือชี้นำทงกูด้านการคิดการตัดสินใจ ดูแลประหนึ่งเป็นผู้ปกครองเลย ทงกูเองก็เคยช่วยชีวิตเซฮาจากการจมน้ำมาแล้วครั้งหนึ่ง ชะตาสายสัมพันธ์จึงแนบแน่นมาก
พวกเขาเติบโตมาด้วยกันร่วม 20 ปี โดยทงกูทำหน้าที่แขนขาให้เซฮา เซฮาทำหน้าที่สมองให้ทงกู ช่างเป็นจิ๊กซอว์ที่ลงตัว เป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกขอบคุณโลกใบนี้ที่ยังมีสิ่งดีๆแบบนี้ให้เห็น หนังจะถ่ายทอดโมเมนท์ธรรมชาติที่น่ารักน่าเอ็นดูมากมาย ทำให้ขำไปหัวใจพองโตไปกับโลกโบรมานซ์เล็กๆที่น่าทึ่งของเขาทั้งสอง
แต่แล้ว ชีวิตก็ต้องมีอุปสรรค เมื่อบาทหลวงพัคจากโลกนี้ไป เซฮาในฐานะพี่ใหญ่ก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาจุนเจือศูนย์แห่งนี้เพื่อให้อยู่รอด โดยใช้ลูกเล่นเล็กน้อย หาเงินจากผู้ที่ต้องการชั่วโมงงานอาสาเพื่อสังคม (ที่เกาหลี การสมัครเรียนต่อหรือสมัครงาน ถ้ามีคุณสมบัติทำกิจกรรมอาสาเพื่อสังคมมา ก็จะช่วยให้โปรไฟล์ดูดีขึ้น หรือร้านค้าธุรกิจก็อยากทำงานอาสาเพื่อสร้างภาพลักษณ์สังคมที่ดี) เขาจัดให้ลูกค้าของเขาได้ถ่ายภาพ ถ่ายคลิปทำงานอาสาดูแลป้อนข้าวอาบน้ำหรือเล่นกับน้องๆในศูนย์เป็นหลักฐาน พร้อมออกเอกสารรับรองให้ แลกกับเงินค่าจ้าง แล้วนำเงินไปใช้จ่ายเลี้ยงดูน้องๆในศูนย์ แต่เซฮาก็โดนเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายดูแลสวัสดิการคนด้อยโอกาสตำหนิว่าเป็นการกระทำที่ผิด เซฮาเองก็ไม่ใช่ผู้บริหารศูนย์นี้ สมาชิกทุกคนจะต้องถูกแยกย้ายไปอยู่ศูนย์สวัสดิการอื่นๆ และที่นี่ก็จะถูกรื้อทิ้งในเร็วๆนี้
เพราะเซฮาเห็นความรักในการว่ายน้ำของทงกู เขาจึงวางแผนให้ทงกูได้ว่ายน้ำแข่งบ้าง เงินรางวัลก็เป็นส่วนหนึ่ง ความเป็นข่าวก็จะส่งผลดีต่อการหาทุนให้ศูนย์ยังคงอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ภาครัฐมายุบทิ้ง แต่ความสุขของน้องน่าจะเป็นเป้าหลัก เขาทาบทามครูประจำสระ มีฮยอน (รับบทโดย อีซอม) มาฝึกว่ายน้ำให้ทงกู โดยดีลเป็นการแบ่งเงินรางวัลตอบแทน ซึ่งก็จูงใจมีฮยอนผู้มีรายได้น้อย และทำให้เธอเข้ามาเป็นเพื่อนที่ดีของทั้งสองในภายหลัง
ในสนามแข่งขัน ทงกูมีพรสวรรค์การว่ายน้ำจริงๆ แต่การว่ายให้ถึงเส้นชัยก็ยังมีอุปสรรคที่ไม่คาดคิด เพราะมันเป็นปมบางอย่างทางใจของเขา ทำให้เขาหยุดว่ายกลางทางซะดื้อๆโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ
เมื่อศูนย์มาถึงวันที่ต้องปิดตัวลง ทุกคนถูกจับแยกย้ายไปอยู่ที่อื่นกัน เหลือเพียงเซฮากับทงกูที่ไม่ยอมไป ก็ต้องระเห็จไปขอพึ่งพิงบ้านของเจ้าหน้าที่ซง (รับบทโดย พัคชอลมิน) ที่ดูแลสวัสดิการคนพิการด้อยโอกาส ซึ่งเคยเป็นเพื่อนเรียนต่างวัยของเซฮามาก่อน
สิ่งที่ไม่คาดคิดเหนืออื่นใด แม่ของทงกูปรากฏตัวขึ้น และต้องการรับทงกูไปอยู่ด้วย หลังจากทิ้งลูกในวัยเด็กไป ซึ่งตอนนี้เธอตั้งตัวได้แล้ว พร้อมจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ให้ทงกู ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ควรยินดีหรือไม่สำหรับเด็กชายทงกูที่เคยโหยหาแม่ แล้วเซฮาพี่ชายจอมไฟท์จะยอมแยกกับทงกูได้ง่ายๆหรือไม่ ในเมื่อทงกูคือแขนขาชีวิตของเขา คือน้องที่รัก และในเมื่อเซฮาก็เป็นพี่ชายที่รักของทงกู เด็กเอ๋อคนนี้จะคิดเป็นหรือไม่ ตัดสินใจเลือกทางไหน สุดท้ายแล้วชีวิตพวกเขาจะลงเอยอย่างไร ต้องไปติดตามชมกันค่ะ
เรื่องนี้ตอบโจทย์ความบันเทิงได้แน่นอน เพราะบทขำก็ขำจริงจัง บทเศร้าก็น้ำตาคลอแน่นอน บทซึ้งก็ตื้นตันมากมาย หลายๆฉากในเรื่องคือดีงาม เรื่องราวมีความชวนติดตามกับอุปสรรคชีวิตที่ดาหน้ากันมา ความเอาใจช่วยคือทวีคูณขึ้น ไม่เพียงความผูกพันลึกซึ้งของคนสองคนซึ่งชีวิตต่างไม่มีใคร แต่เพราะตัวละครหลักของเราทั้งคู่ไม่สมประกอบเช่นคนปกติอีกด้วย
นอกจากนี้ยังทิ้งแง่คิด ให้เราเข้าใจถึงโลกของคนพิการได้อย่างดี นี่ขนาดประเทศเกาหลีเขามีสวัสดิการค่อนข้างดีนะ หลายๆเหตุการณ์ในเรื่องยังสะเทือนใจ เช่น เซฮาบอกว่า เขาเองก็อยากวิ่งมาเร็วๆให้ทันเวลาปิดรับสมัครแข่งขัน ชวนแปล๊บๆใจว่าก็เพราะเขาวิ่งไม่ได้ ทำให้สูญเสียโอกาสที่ควรมีไป เป็นความผิดที่เขามาไม่ทันคนอื่นเองหรือ
เซฮาได้อ้างอิงสิ่งที่บาทหลวงพัคเคยสอนไว้ว่า คนที่อ่อนแอก็สามารถช่วยเหลือกันเองได้ ความรักต่อกันทำให้ต่างพึ่งพากันได้ มีชีวิตที่ดีขึ้นไปด้วยกัน การใช้ใจเป็นตัวตั้ง ไม่ต้องรอใช้วัตถุมาสร้างความรัก สร้างครอบครัว แบบแม่ของทงกูที่รอเวลาไปสร้างตัวสร้างฐานะแล้วค่อยกลับมาหาทงกู
นำมาสู่หัวใจของหนังเรื่องนี้ที่จะสะท้อนให้เห็นว่า การร่วมสายเลือด คือการบ่งบอกความเป็นครอบครัวในทางกายภาพ แต่ความรักความเอื้ออาทรต่อกัน ก็สามารถสร้างให้เป็นครอบครัวได้เช่นกัน จึงอาจสั่นคลอนคำกล่าวที่ว่าเลือดข้นกว่าน้ำ เพราะความรักความผูกพันของพี่เซฮาและน้องทงกูนั้นแยกกันไม่ออก ตัดกันไม่ขาด เป็น Inseparable Bros ทั้งๆที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
ความโดดเด่นที่ต้องชื่นชมอีกเรื่องคือ นักแสดงหลักทั้งคู่แสดงได้ดี เนียนสมจริงมาก อีกวังซูถ่ายทอดความเอ๋อได้น่ารัก น่าเอ็นดู หรือแม้แต่บทเครียด ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ หรือบทเศร้าที่ชวนสงสารสุดๆ ส่วนชินฮาคยุน เรื่องนี้ดูเผินๆจะคิดว่าเล่นง่าย นั่งเฉยๆ แต่จริงแล้ว คือยากมาก เพราะเขาแสดงออกได้เพียงทางสีหน้าแววตาเท่านั้น ซึ่งก็ทำได้ดีมากเลยละ ดดยรวม จัดว่าเป็นหนังดี หนังสนุก ควรค่าแก่การชมค่ะ
Trailer :