I Can Speak ภาพยนตร์ขายดีของปี 2017 อีกเรื่อง ได้รับการต้อนรับล้นหลามในช่วงเปิดฉาย ตัวหนังเองก็มีความโดดเด่น ได้รางวัลไปมากมายจากหลายๆสำนัก ซึ่งเป็นป้านามุนฮีนักแสดงนำหญิงที่กวาดรางวัล Best Actress ไปเยอะแยะทีเดียว ตามมาด้วยรางวัลประเภท Film of the year, ผู้กำกับ และ ดารานำชาย อีเจฮุน ก็มีรางวัลติดมือไปด้วยเช่นกัน
I Can Speak เป็นเรื่องราวของคุณยายจอมฟ้อง กับ คุณเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องคอยรับเรื่องฟ้องร้องเรียน ไปๆมาๆเขากลายเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้คุณยายไปซะงั้น ว่าแต่คุณยายอายุตั้ง 70 กว่าแล้ว จะเรียนไปทำอะไรหรือ ต้องไปชมกันค่ะ
นาอ๊คบุน (รับบทโดย นามุนฮี) คุณยายวัย 73 เปิดร้านตัดเสื้อเล็กๆอยู่ในตลาดเก่าของชุมชนที่อยู่กันมานาน เธออยู่ตัวคนเดียว งานร้านเสื้อก็พอมี แต่ยายไม่สนใจเท่างานอดิเรก คือสอดส่องปัญหาชุมชน เธอเก็บทุกเม็ด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่ แค่เรื่องทิ้งก้นบุหรี่ลงถนน ไปจนถึงเรื่องบุคคลลึกลับชวนสงสัยว่าจะประสงค์ร้ายทำอาคารถล่มเพื่อไล่ที่ นอกจากจะต่อว่ากันไปจะๆถ้าเห็นซึ่งๆหน้าแล้ว เธอก็จะทำเรื่องร้องเรียนพร้อมหลักฐานส่งสำนักงานเขต เพื่อให้รัฐเข้ามาแก้ไข ด้วยความที่คุณยายแกเป็นคนจริง เสียงดัง กัดไม่ปล่อย ขยันร้องเรียนเรื่องแบบมืออาชีพไม่มีหยุดหย่อนมาตลอด 20 ปี จนชาวสำนักงานเขตต้องขนานนามเธอเป็นคุณยายก็อบลิน ผิวๆก็ดูเหมือนยายอ๊คบุนจะค่อนข้างดันทุรัง ขี้บ่น จุ้นจ้าน แต่จริงๆแล้วก็มาจากความมีน้ำใจและรักความถูกต้อง ชาวเมืองบางคนที่ห่วงแต่ประโยชน์ส่วนตนก็มักจะรำคาญความ ‘เยอะ’ ของยายอยู่เหมือนกัน
พัคมินแจ (รับบทโดย อีเจฮุน) เจ้าหน้าที่รัฐสำนักงานเขตเพิ่งย้ายมาจากเขตอื่น เขาอยู่ในตำแหน่งระดับ 9 (ของเกาหลี เลขเยอะระดับต่ำ ตรงข้ามกับซีของบ้านเรา) มีเป้าหมายคิดอยากสอบเลื่อนขั้นเป็นระดับ 7 มินแจเป็นคนเก่ง เรียนจบอเมริกา มีความสุภาพเรียบร้อย มีความ ‘เป๊ะ’ รักษากฎกติกา ปฏิบัติหน้าที่แข็งขัน มินแจอยู่กับน้องชายวัยรุ่นวัยเรียนชื่อ ยองแจ อายุห่างกันเยอะ และไม่ได้อยู่ด้วยกันมาก่อน จึงค่อนข้างจะเข้าไม่ถึงใจน้องชาย
คุณยายอ๊คบุนมีเพื่อนสนิท ชื่อ จองชิม ซึ่งดูทันสมัย พูดภาษาอังกฤษปร๋อ เธอพยายามชวนอ๊คบุนไปเที่ยวอเมริกา เอ็นจอยชีวิตให้เต็มที่ แม้ยายอ๊คบุนจะไม่สนใจ แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนแอคทีฟ ใฝ่รู้ กระตือรือล้น พลังสูง จึงไปลงคลาสเรียนภาษาอังกฤษ แต่ไปไม่รอด เพราะครูสอนเร็วจนยายตามไม่ทันนักเรียนหนุ่มสาวคนอื่นๆ
บังเอิญว่ายายได้ยินพัคมินแจสนทนากับฝรั่งอย่างโปร จึงมาตื๊อขอให้มินแจเป็นครูให้ มินแจรำคาญจึงให้งานแบบยากๆเพื่อให้ยายถอยไปเอง แต่เมื่อรู้ว่ายองแจมาอาศัยอาหารบ้านยายอ๊คบุนกินเป็นประจำ ดูแลยองแจอย่างดี โดยไม่ได้รู้ว่ายองแจเป็นน้องมินแจ มินแจจึงเริ่มซึ้งน้ำใจ ประกอบกับอาหารของยายอ๊คบุนอร่อยมาก จึงตัดสินใจสอนภาษาให้ยายอย่างจริงจัง ไม่คิดค่าจ้าง แต่ขอฝากท้องไว้แทน
การเรียนเป็นไปด้วยดี ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้น จนต่างได้รู้จักกันมากขึ้น มินแจเคยฝันอยากเป็นสถาปนิก แต่ปัญหาครอบครัวขาดพ่อและแม่ จึงเบนเขาชีวิตไป ยายอ๊คบุนมีน้องชายที่พลัดพรากไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็ก พูดเกาหลีไม่ได้ ไม่เคยติดต่อกันเลย เพราะยายอ๊คบุนสื่อสารด้วยไม่ได้ แต่ก็คิดอยากมีโอกาสได้เจอเขาบ้างสักครั้งในชีวิต
ความสัมพันธ์ของนาอ๊คบุนและพัคมินแจ เจอจุดสะดุด เพราะมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้น มินแจโทรไปหาน้องชายของยายอ๊คบุน แต่คำตอบที่ได้มา กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ในขณะเดียวกัน จองชิม เพื่อนรักของยายอ๊คบุนล้มป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ฉับพลัน จดหมายฉบับสุดท้ายที่จองชิมทิ้งไว้ให้มีผลทำให้ชีวิตของยายอ๊คบุนเปลี่ยนแปลงไป ยายมีเป้าภารกิจใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตซึ่งต้องทำให้สำเร็จ มันคืออะไร และจะสำเร็จหรือไม่ ภาษาอังกฤษที่เรียนมาจะช่วยอะไรได้บ้าง และความสัมพันธ์ยายอ๊คบุนและมินแจจะเป็นอย่างไร ต้องไปลุ้นติดตามที่เหลือต่อนะคะ
หนังเรื่องนี้ ขึ้นต้นเป็นหนังสนุกขำๆ แต่ละมุกก็มีความอมยิ้มน่ารักมากมาย พฤติกรรมยายอ๊คบุนก็ชวนฮา ระดับป้านามุนฮีเล่นดีหายห่วงจริงๆ เรื่องราวปฏิสัมพันธ์น่ารักๆของสองดาราหลักก็ดำเนินไปได้น่าสนใจ ชวนติดตาม เห็นอีเจฮุนในหลายฉากที่อยู่ในคอสตูมและแบกเป้ เหมือนประธานยูโซจุนจากซีรีส์ Tomorrow with you ทำให้รู้สึกเหมือนเพิ่งเดินทางข้ามมิติเวลา ข้ามมิติเซลลูลอยด์จากเรื่องนั้นมาโผล่เรื่องนี้เลย 555 (ถ้าไม่เชื่อ ลองกลับไปดูรูปข้างบนดูสิ เหมือนมาก)
แต่เข้าครึ่งหลังของหนัง พลิกมู้ดกันไม่ทันตั้งตัวเลยเชียว ปมพลอตของหนังกลายเป็นเรื่องสะเทือนใจไปหมด แทบทุกจุดทุกบท แถมยังลากไปถึงแกนที่เป็นไคลแมกซ์หลักของเรื่อง ผูกโยงเข้ากับประเด็นใหญ่ของสังคม เรื่องจริงสะเทือนใจของระดับชาติ ทำเอาได้บริหารต่อมน้ำตาอีกแล้ว และนี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่หนังเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากชาวเกาหลีมากเป็นพิเศษ
ผู้เขียนแนะนำว่า ถ้าอยากได้อรรถรสเต็มที่กับหนังเรื่องนี้ ควรไปชมเรื่อง Spirits’ Homecoming (2016) มาก่อนเพื่อปูพื้นเนื้อหาในช่วงครึ่งหลังของ I Can Speak ได้อินมากขึ้น เล่าคร่าวๆให้ว่า Spirits’ Homecoming เป็นหนังดัง หนังน้ำดี อิงเรื่องจริงของเด็กหญิงเกาหลีจำนวนมากที่ถูกจับไปเป็นทาสหญิงบำเรอกาม (Comfort woman) ในกองทัพทหารญี่ปุ่น ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นประวัติศาสตร์ที่แสนขมขื่นเจ็บปวดใจของชาวเกาหลี หนังเรื่องนี้ใช้เวลาสร้างยาวนาน เพราะต้องรวบรวมข้อมูลที่หายากยิ่ง รวบรวมเงินทุน หาโรงฉาย มีอุปสรรคมากมายกว่าจะสำเร็จได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 14 ปี ผู้เขียนชมไปร้องไห้ทำนบน้ำตาแตก ประทับใจและสะเทือนใจจริงๆ
I Can Speak ของยายอ๊คบุนในเรื่องนี้ จึงนอกจากจะเล่าความว่า ยายสามารถพูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ยังสื่อความหมายนัยอีกขั้นของเธอ ในฐานะชาวเกาหลี ในฐานะผู้หญิงของโลกนี้ที่จะ ‘can speak’ คือ สามารถได้พูดความจริงให้โลกได้รับรู้ เพื่อความยุติธรรม ความถูกต้อง เหมือนปรัชญาและวิถีชีวิตของยายอ๊คบุนที่ขยันฟ้องมาตลอด 20 ปีนั่นแหละ
Trailer :