งานอิงเหตุการณ์จริงที่ไม่เพียงสะเทือนขวัญกับเหตุร้ายจี้เครื่องบิน
แต่สะเทือนใจไปกับรอยร้าวฉานบานปลายของเกาหลีเหนือ-ใต้
Hijack 1971 เป็นภาพยนตร์แนวแอ็กชัน อาชญากรรม ภัยพิบัติ ระทึกขวัญ ที่สร้างอิงเหตุการณ์จริงของการจี้เครื่องบินพาณิชย์ของ Korean Air เที่ยวบิน F27 เมื่อวันที่ 23 มกราคม ปี 1971 ซึ่งมีผู้โดยสาร 55 คนและลูกเรืออีก 5 คน โดยหนังนำมาเล่าด้วยการเปลี่ยนชื่อต่างๆและแต่งเติมเรื่องราวบางส่วน
เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ในปี 1969 ทหารอากาศ แทอิน (รับบทโดย ฮาจองอู) ในเครื่องบินขับไล่ขณะตรวจตราน่านฟ้าในจังหวัดคังวอนใกล้เขต DMZ ก็พบเครื่องบินพาณิชย์เที่ยวบิน YF-11 ฝ่าฝืนคำเตือนมุ่งหน้าจะเข้าเกาหลีเหนือ จึงได้รับคำสั่งให้ยิงสกัดการข้ามแดน ซึ่งเป็นมาตรการเด็ดขาดทางการทหาร แต่เขาพบว่าเครื่องบินถูกจี้และคนขับก็คือรุ่นพี่ของตน รวมถึงความเป็นห่วงผู้โดยสารทั้งลำ ทำให้ตัดใจยิงไม่ลง เสี้ยวเวลานั้นเครื่องบินจึงข้ามแดนไป ผู้โดยสารและลูกเรือจึงตกเป็นเชลยของเกาหลีเหนือ ต่อมาภายหลังค่อยได้รับการปล่อยตัวกลับส่วนหนึ่ง ที่เหลือ 11 คนตกค้างอยู่ที่นั่น (ซึ่งไม่ได้กลับมาอีกเลยตามข้อเท็จจริง อาจเป็นเพราะเป็นกลุ่มคนที่มีอาชีพหรือความรู้ที่เป็นประโยชน์ใช้งานได้) และที่น่าตกใจคือ เกาหลีเหนือออกข่าวว่าได้ตบรางวัลเงินก้อนโตให้ชายที่จี้เครื่องบิน พร้อมเชิดชูเขาเป็น ‘ฮีโร่ของชาติ’ ด้วย!
(ยุคนั้นสองเกาหลียังตอบโต้กันค่อนข้างรุนแรง รัฐบาลทหารของเกาหลีใต้เองก็มีนโยบายแข็งกร้าว ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ตรวจตราคนฝักใฝ่หรือติดต่อกับเกาหลีเหนือ ด้วยข้อหาร้ายแรงว่าเป็นสายลับ จะใช้วิธีทรมานร่างกายเพื่อรีดคำสารภาพ และใช้บทลงโทษหนัก กลุ่มเชลยจากเคสจี้เครื่องบินที่กลับมา ทางการก็นำเข้ากระบวนการสอบปากคำเลยเพราะตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอาจถูกล้างสมองและปล่อยตัวกลับมาเป็นสายลับให้เกาหลีเหนือก็ได้)
แทอินรับโทษทางวินัยสูงสุดคือถูกปลด แต่เขาเจ็บปวดกับบาดแผลในใจมากกว่า คือการไม่สามารถช่วยเหลือคนเหล่านั้น แม้ในตอนแรกคิดว่าตัดสินใจถูกแล้วก็ตาม รุ่นพี่ของเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ได้กลับ เขาและภรรยาจึงให้ความช่วยเหลือเป็นกำลังใจใกล้ชิดให้กับภรรยาของรุ่นพี่เสมอ
ในปี 1971 เมื่อแทอินทำงานเป็นนักบินผู้ช่วยของสายการบินพาณิชย์เที่ยวบินจากซกโขไปโซล บินร่วมกับกัปตันกยูชิก (รับบทโดย ซองดงอิล) ผู้เป็นเหมือน mentor คอยให้กำลังใจว่า แทอินอาจเป็นทหารไม่ดีที่ขัดคำสั่ง แต่เขาจะเป็นนักบินเครื่องพาณิชย์ที่ดีเยี่ยมแน่นอน ที่คำนึงถึงชีวิตผู้โดยสารเป็นสำคัญ และไฟลท์นี้กัปตันตั้งใจจะให้แทอินได้นำเครื่องลงจอดที่โซลด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกด้วย
เมื่อเครื่องออกเดินทาง ผู้โดยสารหนุ่มรุ่นๆที่ชื่อ ยงแด (รับบทโดย ยอจินกู) กลายเป็นคนร้ายทำการจี้เครื่องบิน ข่มขู่ด้วยอาวุธมีดและระเบิดมือทำเองจำนวนหนึ่ง เป้าหมายของเขาคือต้องการไปเกาหลีเหนือ เอาเยี่ยงอย่างการจี้เครื่องบินเมื่อสองปีก่อน เขาไม่ได้ขู่เฉยๆ แต่คลั่งปล่อยระเบิดจริงจนทำพื้นห้องโดยสารทะลุ ทำกัปตันบาดเจ็บที่ตาจนมองไม่เห็นไปข้างหนึ่ง ตลอดระยะเวลาชั่วโมงวิกฤติ มีการพยายามต่อสู้และขู่ระเบิดตลอด จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เกิดความโกลาหลบนเครื่อง ให้ชวนติดตามว่า แทอินจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร
ต้องยอมรับว่าหนังพล็อตจี้เครื่องบินมีให้ดูบ่อย ดูกันมานานอย่างจำเจตั้งแต่จากฟากตะวันตกมา โครงสร้างของเรื่องราว รูปแบบของตัวละครหลักตัวละครเสริมล้วนยากจะดิ้นจากกรอบเล็กๆเดิมๆของพื้นที่เครื่องบินกลางท้องฟ้า เราเลยค่อนข้างจะเดาความระทึกลุ้นออกตั้งแต่ยังไม่เริ่มดูเลยด้วยซ้ำ!
นั่นเลยอาจเป็นเหตุผลที่เรื่องนี้ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับตัวละครเสริมหรือเหล่าผู้โดยสารในเครื่องมากนัก ทุกคนมาแบบไม่มีภูมิหลังขยาย เหมือนแค่จัดมาเข้าฉากให้ครบองค์ บิวด์อารมณ์จบไวๆ ถ้ายิ่งขยายก็จะยิ่งตอกย้ำความจำเจไปอีก เลยยกแอร์ไทม์มาฉายปมในใจของแทอินกับยงแด ซึ่ง ‘เดิมพันชีวิต‘ เพื่อเป้าหมายที่ต่างกัน หนึ่งทำเพื่อเซฟชีวิตคนกลุ่มหนึ่ง แต่อีกหนึ่งทำเพื่อสร้างชีวิตใหม่ของตนด้วยการขายชีวิตคนกลุ่มนั้น คำว่า ‘ฮีโร่‘ ที่เขาต้องการ จึงแตกต่างจาก ‘ฮีโร่‘ ที่อีกฝ่ายได้รับอย่างน่าปวดใจ
สำหรับ แทอิน ตามที่เกริ่นไว้ว่าเขามีปมกับเรื่องเมื่อสองปีก่อน สถานการณ์ตัดสินใจยากในเสี้ยวเวลาจำกัด ย้อนรอยมาเกิดกับเขาอีกครั้งในฐานะผู้ควบคุมการบิน กลายเป็นภารกิจสุดชีวิตที่ขอรักษาชีวิตผู้โดยสารไว้ให้ได้ ท่ามกลางการคุกคามของยงแดที่ทวีความคลั่ง ในเวลาที่เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ และยังต้องเผชิญหน้ากับเครื่องบินขับไล่ของทหารที่พร้อมยิงสกัดใส่อีก
ส่วนยงแดเอง มีปมชีวิตที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นเด็กดีเด็กเก่ง เป็นประชาชนเกาหลีใต้แท้ๆที่ถูกทางการจับ ปรักปรำว่าฝักใฝ่เกาหลีเหนือ และลงเอยด้วยการสูญเสียแม่อย่างน่าอนาถ เขาจึงขอหันไปหาเกาหลีเหนือซะดีกว่า ด้วยเชลยจากเครื่องลำนี้ เพื่อแลกเงินรางวัล และรับการเชิดชูคุณค่าตัวตน ดูๆไปก็แอบเป็นห่วงว่าจะได้เงินจริง เชิดชูจริงหรือไม่ อาจเป็นกลอุบายการบลัฟทางการเมืองก็ได้นะ พอคิดเช่นนี้แล้วก็อดเวทนายงแดไม่ได้ และพาลสลดใจไปถึงปัญหาความแตกแยกของเกาหลีเหนือเกาหลีใต้
โดยรวม หนังเกือบจะเรียกได้ว่า cliché ทั้งตัวบทและตัวละคร ยังดีที่พาร์ตท้ายเรื่องได้ vibe พีคขึ้น เร้าใจกับฉากตื่นเต้นที่แปลกตาดี ตามด้วยการบีบอารมณ์เรียกน้ำตาคลอ สำหรับนักแสดงที่ได้โอกาสฉีกความเดิมๆก็คือ ยอจินกู บทแนวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็น ยกเว้นเรื่อง Hwayi : A Monster Boy (2013) ถือว่าเป็นการก้าวไปอีกขั้น ที่เพื่มเติมความกร้าน ความจิต ตาลอย แค้นคลั่ง แต่เอาจริงก็ยังไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่นะ
ส่วนนักแสดงสมทบหรือรับเชิญอื่นๆก็มาเสริมบทคนละนิดละหน่อย เช่น มุนยูคัง อิมเซมี คิมซอนยอง มุนอูจิน คิมดงอุค ชเวกวังอิล และคิมจงซู ยกเว้น แชซูบิน ที่ทำหน้าที่เยอะหน่อย เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของแทอินในบทของพนักงานต้อนรับบนเครื่อง
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน