จับมือหนีตาย..สหายร่วมชาติ
เรื่องราวตื่นเต้น ระทึกลุ้น และชวนประทับใจ ในเหตุการณ์อิงเรื่องจริง
เมื่อคณะฑูตเกาหลีทั้งเหนือและใต้ตกอยู่ท่ามกลางสงครามเดือดระอุ กลางเมืองโมกาดิชู
โดยสี่นักแสดงน่าชม คิมยุนซอก โจอินซอง ฮอจุนโฮ และคูคโยฮวาน
Escape from Mogadishu เป็นภาพยนตร์ที่โด่งดัง มียอดขายตั๋วและทำรายได้สูงสุดของปี 2021 แบบทิ้งห่างเรื่องอื่น ๆ ในลำดับที่ตามมา ด้วยขึ้นชื่อผู้กำกับเป็น รยูซึงวาน ก็มั่นใจได้ในความเป็นเจ้าพ่อสายงาน Blockbuster บันเทิง ชนิดเข้าตาโดนใจมหาชนแน่นอน กวาดทั้งรายได้และรางวัลเสมอ ผลงานเด่น ๆ ที่ผ่านมาก็มี The Battleship Island (2017), Veteran (2015) The Berlin File (2011)
ตอนนี้นอกจาก Escape from Mogadishu (2021) กำลังทยอยรับรางวัลจากเวทีเทศกาลหนังต่าง ๆ แล้ว ยังได้รับเลือกจากสมาพันธ์ภาพยนตร์เกาหลีใต้ให้เป็นตัวแทนเข้าชิงรางวัลออสการ์ปี 2022 อีกด้วย จากความโดดเด่นของการอิงมาจากโครงเรื่องจริงซึ่งถ่ายทอดเนื้อหาได้น่าประทับใจ และมีคุณภาพในงานผลิตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความบันเทิงของฉากแอคชันสุดเร้าใจ
รับชมภาพยนตร์ Escape from Mogadishu ได้ทาง VIU
หนังเล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงทศวรรษของ 1980 ซึ่งประเทศเกาหลียังไม่ได้รับการรับรองเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ (UN) ประเทศในทวีปแอฟริกาจะเป็นผู้ลงคะแนนเสียงสำคัญของ UN จึงเป็นที่มาที่เกาหลีส่งเอกอัครราชฑูตไปประจำที่ประเทศโซมาเลีย ณ เมืองหลวงโมกาดิชู (Mogadishu)
ทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ต่างต้องแย่งชิงเสียงสนับสนุนตนเอง จึงต่างพยายามเดินเกมล็อบบี้และงัดกลยุทธ์พิชิตใจประธานาธิบดีนายพล โมฮัมเหม็ด ไซอัด บาร์รี และทีมรัฐบาลของเขา ประหนึ่งการก่อสงครามทางการฑูต เรียกว่าแทบจะทุกกลเม็ดบนโต๊ะใต้โต๊ะกันเลยเชียว
ฟากเกาหลีใต้ นำโดย ท่านฑูตฮันซินซอง (รับบทโดย คิมยุนซอก) มีผู้ช่วยมือขวามือซ้ายเป็น เลขากงซูชอล (รับบทโดย จองมันชิก) และ ที่ปรึกษาคังแทจิน (รับบทโดย โจอินซอง) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของหน่วยงานเพื่อการวางแผนความมั่นคงแห่งชาติ (Agency for National Security Planning หรือ ANSP ซึ่งก็คือ KCIA เดิมแหละ) ถึงจะเด็กกว่าคนอื่น ๆ แต่แบคอัพของหน่วยงานก็ทำให้เขากร่างได้พอตัว ด้วยทักษะในงาน ความมีลูกล่อลูกชน อ่านเกมแบบนักวางแผนกลยุทธ์ ก็ต้องยอมรับในฝีมือ ในทางกลับกัน ความเลือดร้อน เจ้าเล่ห์ อวดดี ก็อาจดูชวนหมั่นไส้ได้บ้าง
ฟากเกาหลีเหนือก็มี ท่านฑูตริมยงซู (รับบทโดย ฮอจุนโฮ) ซึ่งมีมือขวาเป็น ที่ปรึกษาแทจุนกิ (รับบทโดย คูคโยฮวาน) เจ้าหน้าที่ข่าวกรองจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ (Ministry of State Security) คนนี้ก็เลือดร้อนและไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ เช่นกัน
ระหว่างที่สองฑูตเหนือใต้ยังขับเคี่ยวเกมชิงคะแนนความนิยมจากรัฐบาลของ ไซอัด บาร์รี อยู่นั้น ก็เกิดเหตุจราจลกลางเมืองขึ้นเสียก่อน ก่อการโดยขบวนการ U.S.C. (United Somalia Congress สภาคองเกรสโซมาเลีย) ที่นำโดย นายพลโมฮัมเหม็ด ฟาราห์ ฮัสซัน ไอดิด เรียกร้องการปล่อย ผู้นำอิสลามิค ที่ถูกรัฐบาลจับไป และขับไล่รัฐบาลของไซอัดบาร์รี ซึ่งปกครองแบบสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ โดยการกล่าวอ้างว่าการใครสนับสนุนรัฐบาลบาร์รี ก็ถือว่าขัดต่อผลประโยชน์แห่งชาติของโซมาเลีย องค์กรต่างชาติหรือสถานฑูตก็ต้องเลือกให้ชัดว่าจะสนับสนุน ‘รัฐบาล’ หรือ ‘ประชาชน’ ซึ่งคือการแสดงตนเป็นมิตรหรือศัตรู
ความชุลมุนที่ก่อตัวอย่างรวดเร็ว จนสถานฑูตเกาหลียากจะตัดสินใจอย่างปัจจุบันทันด่วน เพราะไม่รู้ว่าว่าข้อมูลใดจริงหรือเท็จ จราจลที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีกลุ่มต่อต้านติดอาวุธอื่น ๆ เข้ามาร่วมสมทบ จนทั้งเมืองโมกาดิชูที่ร้อนอยู่แล้ว ระอุเดือดเหมือนตกอยู่กลางสนามรบ แม้แต่เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการฑูตก็เหมือนจะไม่สามารถการันตีความปลอดภัยให้ได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ที่น่าตกใจเพิ่มไปกว่านั้น เมื่อพบว่ากลางดึกคืนนั้น ท่านฑูตริมยงซู พาคณะเจ้าหน้าที่และครอบครัวอพยพออกจากสถานฑูตเกาหลีเหนือมาขอพึ่งพิงหลบภัยในสถานฑูตเกาหลีใต้ เป็นการตัดสินใจที่ยากยิ่งของทั้งสองฝ่าย ในฐานะตัวแทนสำคัญของประเทศที่ยืนคนละฟาก กับจิตสำนึกความเป็นมนุษย์ที่ต้องช่วยเหลือผู้อ่อนแอโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง หรือเศษเสี้ยวลึก ๆ ที่จะรู้สึกได้ถึงความเป็นคนเชื้อสายเกาหลีเดียวกันหรือไม่ ก็ต้องไปติดตามดูว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ถ้าเชื่อคติที่ว่าสองหัวจะดีกว่าหัวเดียว พวกเขาจะร่วมมือกันได้ราบรื่นอย่างไร และการหนีตายของทั้งสองคณะจะน่าลุ้นติดตามขนาดไหน
ความน่าสนใจของตัวหนังในการอิงเรื่องจริงที่ทำให้คล้อยตามไปกับสถานการณ์ได้ง่าย การถ่ายทำที่พิถีพิถันในความเป็นโลเคชั่นต่างแดนย้อนยุค ได้ฟิลอินกับบรรยากาศมาก ผนวกอันตรายความเป็นความตายของสงครามกลางเมืองแล้ว เติมความสลดอนาถกับภาพเด็ก ๆ ถืออาวุธปืนยิงกระหน่ำอย่างกับเป็นปืนของเล่น ยังยังมีหัวใจของเรื่องที่เล่าความบีบอารมณ์ของปฏิสัมพันธ์ของชาวคณะฑูตเหนือ-ใต้ ถ่ายทอดรายละเอียดออกมาได้ดีมากในฉากย่อย ๆ ต่าง ๆ จะเรียกว่าศึกในศึกนอก ความคับขันในบ้านนอกบ้าน มาเจอกันก็ว่าได้นะ
แต่ถึงจะกดดันอารมณ์และบิวด์ความระทึกจนพีคสุดแล้ว หนังก็ปลดล็อคความเครียดนั้นออกไปให้ด้วยอารมณ์ที่ทั้งโล่งอกและจุกอกตื้นตันไปพร้อม ๆ กัน เป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นของเรื่องนี้ นักแสดงคือเล่นได้ดีเป็นธรรมชาติจนไหลลื่นมาก (ไม่เน้นความหล่อนะจ๊ะ เพราะร้อนหน้ามันย่อง มอมเชียว อิอิ)
และที่เป็นฉากบันเทิงพระเอกของเรื่องอย่างมากก็คือ ฉากแอคชั่นระทึกที่คณะฑูตเราซิ่งขบวนรถปุเลง ๆ 4 คันหนีตายไปบนถนนหลบห่ากระสุนปืนที่สาดจากข้างทางรอบทิศ ตัวรถที่ถูกบุกันกระสุนแบบภูมิปัญญาชาวบ้านได้อย่างน่ารักชวนอมยิ้ม ความทุลักทุเลชวนลุ้นระทึกเอาใจช่วยอย่างมาก เป็นฉากที่ทำออกมาได้สนุกสนาน ดูเพลินต่อเนื่องยาวอยู่ อารมณ์ประมาณหนัง Peninsula (2020) หรือต้นฉบับอย่าง Mad Max ของฮอลลีวู้ด แต่อันนี้คงมาโทนตื่นเต้นผสมอมยื้มนิด ๆ
สำหรับชาวเกาหลีแล้ว ผู้เขียนเชื่อว่าเรื่องนี้กินใจพวกเขามาก เหมือนสื่อสะท้อนความสัมพันธ์ลึก ๆ ของความเหนือ-ใต้ในใจของพวกเขา จึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมจึงเป็นหนังขายดีและเป็นเรื่องที่พวกเขาชื่นชมมาก สำหรับเราคนไทยก็บอกได้ว่าดูเหอะ สนุกดี พลาดแล้วเสียดายจ้า
รับชมภาพยนตร์ Escape from Mogadishu ได้ทาง VIU
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡