ปริศนาของระเบิดกลางเมืองพลุกพล่าน
ถูกเร่งรัดให้วินาศเร็วขึ้นด้วย ‘เสียง’ ที่ดังเกิน 100 เดซิเบล
ปริศนาของเสียงขู่จากผู้ก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลัง
เขาหวังสิ่งใด และใครสมควรส่งเสียงรับผิดชอบต่อ ‘เสียง’ นี้
Decibel ใช้ชื่อไทยว่า ‘ลั่นระเบิดเมือง’ เป็นภาพยนตร์ทริลเลอร์แอ็คชั่น เล่นกับพล็อตการก่อวินาศกรรมด้วยระเบิดในแบบฉบับดั้งเดิม ที่หลาย ๆ คนคงคุ้นชินในหนังบล็อกบัสเตอร์ตะวันตก ฮีโร่ของเรื่องจะถูกผลักดันให้ทำภารกิจช่วยชีวิตผู้คนบริสุทธิ์ในที่สาธารณะให้ทันในเวลาจำกัด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเบิ้ลเงื่อนไขความอ่อนไหวของระเบิดต่อ ‘เสียง’ ใด ๆ ก็ตามที่ดังเกินกว่า 100 เดซิเบลในบริเวณนั้น ซึ่งจะทำให้เวลาที่มีอยู่ลดหายไปครึ่งหนึ่ง เป็นการเติมตัวแปรปั่นดีกรีลุ้นระทึกในการคุมฝูงชนไปอีกระดับ
และไม่เพียงเท่านั้นอีก ยังมีการวางตัวละครฮีโร่ในเรื่องนี้เป็น ผู้พันทหารเรือซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการเรือดำน้ำที่เกิดเหตุถูกระเบิดยิงใส่เมื่อ 1 ปีก่อน จนเป็นเหตุให้มีการสูญเสียนายทหารในความรับผิดชอบไปจำนวนหนึ่ง นั่นคือการผูกปมปริศนาดราม่าเชื่อมโยงสองเหตุการณ์ให้ชวนติดตามว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นในอดีต? และ จะเกิดอะไรต่อในอนาคต? จนคนดูต้องลุ้นติดตามว่าเขาผู้กลายเป็นเป้าหมายของคนร้ายจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร ในเมื่อมีเดิมพันเป็นชีวิตของภรรยาและลูกของเขาด้วย!
*บทความหลังจากนี้ มีการกล่าวถึงเนื้อหาในภาพยนตร์บางส่วน*
ผู้พันคังโดยอง (รับบทโดย คิมแรวอน) ได้รับสายขู่การวางระเบิดจากคนร้ายในสถานที่ต่าง ๆ ที่ล้วนมีฝูงชนคราคร่ำทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น สวนน้ำ หรือสนามฟุตบอลที่มีการแข่งขันอยู่ แค่ไปให้ทันเวลาจำกัดเพื่อหยุดระเบิดก็หนักหนาแล้ว แต่ยังมีเงื่อนไขเรื่องเสียงที่ทวีคูณความยากของภารกิจนี้เข้าไปอีก เพราะเสียงดังอึกทึกของผู้คนจะกลายเป็นตัวเร่งเวลาระเบิด แต่จะห้ามได้อย่างไรโดยไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นล่ะ
ที่สนามฟุตบอล คังโดยองได้บังเอิญเจอกับ นักข่าวโอแดโฮ (รับบทโดย จองซังฮุน) ที่จู่ ๆ ก็ได้เปลี่ยนบทของการเป็นผู้ชมข้างสนาม มาเป็นผู้ช่วยจำเป็นและฮีโร่จำยอมอย่างงง ๆ (ทำเอาอิชั้นงงตามด้วยคร่า!!!)
ในขณะที่ ภรรยาของผู้พันคือ จางยูจอง (รับบทบทโดย อีซังฮี) เป็นเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดที่ไปช่วยสถานการณ์ทางสนามเด็กเล่น แต่กลับถูกระเบิดเข้าให้จนบาดเจ็บหนัก และลูกสาวก็ถูกลักพาตัวไปในช่วงเวลาไล่ ๆ กัน ภายหลังทั้งคู่ถูกผูกติดกับระเบิดควบคุมระยะไกล เพื่อบีบบังคับกดดันผู้พันให้ต้องตัดสินใจ ‘เลือก’ ดีๆ
เนื่องจากเป้าหมายระเบิดครั้งแรกของคนร้ายในเรือดำน้ำเมื่อ 1 ปีก่อน ได้ประสบความสำเร็จในการปลิดชีพนายทหารเรือคนสนิทของผู้พันไปแล้ว ทำให้ ชายองฮัน (รับบทโดย พัคบยองอึน) เจ้าหน้าที่ความมั่นคงสังกัดกลาโหม หรือหน่วยข่าวกรองนั่นแหละ เริ่มมาติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในภารกิจนี้ในเวลาต่อมา
หลังเหตุการณ์ระทึกไประทึกมา ในที่สุดแล้ว คนร้ายก็ยอมเผยตัวเองออกมาว่าเขาคือ ร้อยโทจอนแทซอง (รับบทโดย อีจงซอก) ทหารเรือที่ร่วมเหตุการณ์เรือดำน้ำในอดีตกับผู้พัน เรื่องราวที่มาจึงเริ่มทยอยเล่าและเผยออกมา สลับกลับมากับการลุ้นต่อว่าสุดท้ายแล้ววินาศกรรมครั้งนี้จะจบลงอย่างไร
หนังจึงดูเหมือนแบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ พาร์ทระทึกตื่นเต้นลุ้นกับการจัดการระเบิด และพาร์ทปริศนาดราม่าที่มาของเรื่องราวนี้ ซึ่งโทนต่างกันโดยสิ้นเชิง จะว่าไปก็เป็นเอกลักษณ์เด่นของงานเกาหลีที่มักผูกปมดราม่าเข้า Genre ทริลเลอร์หรือฮอเรอร์ได้เนียนแยบยล ต่างจากหนังฟากตะวันตก
เรื่องนี้ ถ้าใครตั้งใจมาชมด้วยความอยากดู คิมแรวอน หรือ อีจงซอก ก็บอกได้เลยว่า ‘งานดี’ ทั้งรูปลักษณ์ บทบาท และฝีมือ ชุดทหารเรือขาวสะอาดตายิ่งเพิ่มมาดความเท่เข้าไปอีกเยอะเลย นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรับเชิญคนอื่นในบทของทหารเรือเช่นกัน ทั้ง ชาอึนอู และ อีมินกิ (คนนี้คือนักแสดงคู่บุญของผู้กำกับเลยก็ว่าได้ ร่วมงานกันมาสร้างชื่อเสียงก็หลายเรื่องละ)
ส่วนถ้าใครเป็นโรคแพ้กล้องที่เคลื่อนไหวเยอะ ๆ ก็บอกได้เลยว่าค่อนข้างเวียนหัวค่ะ เพราะเรื่องนี้เขามีถ่ายแบบ Handheld Camera (คือการถือกล้องควบคุมการถ่ายด้วยมือเปล่า ทำให้ภาพมีความสั่นไหวอยู่ตลอดเวลา) แถมเจอจังหวะเร่งเร้า โหมซาวน์ และจังหวะการจับภาพฉึบฉั่บ ผสมโรงด้วยโทนอึมครึมโลว์คีย์แล้ว ยิ่งชวนปวดลูกตาเข้าไปอีก
สำหรับจังหวะสนุก ถ้าดูแบบไม่ติดว่าพล็อตออกจะคร่ำครึไปหน่อย หรือไม่คิดถึงรายละเอียดมาก ก็เพลิน ๆ ตามเกณฑ์มาตรฐาน ตัดท่อนเป็นเหตุการณ์ ๆ ไปก็เรียกอารมณ์ได้อยู่ แต่พอมาตื่นเต้นแบบซ้ำเดิม ๆ ถี่ ๆ เข้าก็ชวนชาชิน ความพีคมันไม่ชัดเพราะแย่งกันพีคไปหมดแล้ว เมื่อมาถึงจุดเฉลยเลยดึงพีคไม่ขึ้นซะแล้ว บวกการตัดครึ่งเรื่องราวระทึก ต่อด้วยเรื่องราวดราม่า อารมณ์ก็เลยเหมือนลงรถแล้วต่อคันใหม่ ต่อเนื่องแต่ก็ไม่ต่อเนื่องบ้าง^^ แต่ก็ไม่ขัดเท่าความไม่เมคเซนส์ที่มีอยู่เยอะ ความพยายามใส่บทขำ ๆ เข้ามาผ่อนคลายเครียดที่ดูเป็นความเกินและไม่สมจริง ที่ยิ่งชวนแปลกไปอีก
และที่น่าเสียดายยิ่งกว่าคือคอนเซ็ปต์ของ ‘เสียง’ น่าจะขยี้ความหมายได้อีก แต่กลับปล่อยจบไปกับระเบิดที่ถูกใช้เป็นเพียงรูปธรรม และบทสรุปของ ‘การรับผิดชอบ’ มันก็ไม่สุดพอที่จะชดเชยความสูญเสีย หรืออย่างน้อยมีทิ้ง Hint ปลายเปิดไว้ก็ยังดี ทั้ง ๆ ที่ได้พยายามขยี้ ‘ความรับผิดชอบ’ ในส่วนของผู้พัน ซึ่งทำหน้าที่บัญชาการในเหตุการณ์วิกฤต ถึงขั้นตกสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และก้ำกึ่งระหว่างตัดสินได้ยากว่าถูกหรือผิด เข้าสูตร Trolley Problem เลย
มุมนี้ผู้เขียนว่าไปได้ไกลกว่านี้อีก เพราะหนังจุดประเด็นไว้ดี ชวนน่าคิดตามเลยนะ ถ้าผู้พันย้อนเวลากลับไปได้ จะตัดสินใจอย่างไร? ถ้าเป็นเราจะตัดสินใจอย่างไร? และถ้าจอนแทซองเป็นผู้บัญชาการตอนนั้นจะตัดสินใจอย่างไร?
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน
บทความที่เกี่ยวข้อง
4 หนังเกาหลีน่าดู จ่อคิวยกขบวนเข้าฉายรัวในไทย ก่อนสิ้นปี 2022
รวม 8 ซีรีส์ของ ‘อีจงซอก’ นักแสดงผู้ท้าทายตัวเองด้วยบทบาทใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ส่องเส้นทางการแสดงของ ชาอึนอู ผ่านผลงานหลากหลาย ที่ได้ฉายา ‘ชายผู้หลุดออกมาจากการ์ตูน’
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡