ช่วงนี้เห็น ชาซึงวอน ออกรายการวาไรตี้สัปดาห์ละตอน เลยทำให้อยากแนะนำหนังของชาซึงวอนสักเรื่องให้ดูอิ่มจุใจหน่อย เอาที่ยังใหม่ ดูสนุกเพลินๆเบาๆ แต่มีเนื้อมีสาระบ้าง ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้เลย Cheer Up Mr. Lee คุณผู้ชมจะได้พบกับชาซึงวอนในอีกคาแรคเตอร์ ที่จะสะกดสายตาให้อยากติดตามเรื่องราวของเขา ออกสีออกรสอย่างกลมกล่อม ว่าตามสูตรเฉพาะตัวของงานเกาหลี เรียกเสียงหัวเราะได้ฮาๆอยู่ดีๆ เผลอโดนหยอดดรามารีดน้ำตาไปแบบไม่ทันตั้งตัว และพร้อมตลบหลังกลับเป็นความสุขอบอุ่นหัวใจกับเรื่องราวที่คลี่คลายได้ แต่ถึงจะคลุกคลีชมหนังสูตรนี้มาตลอดชีวิต เราๆก็ยังสามารถดูได้เรื่อยๆอย่างไม่มีเบื่อ เพราะเนื้อหาแต่ละพลอตที่นำมาเล่น มักมีอะไรที่แตกต่างน่าสนใจอยู่ในตัวรายละเอียดของหนังเสมอ
เรื่องนี้ จะเป็นการเล่าถึงความสัมพันธ์พ่อลูกที่มีจุดเริ่มต้นแบบคาดไม่ถึง การพัฒนาความสัมพันธ์ที่เริ่มจากติดลบ ไปสู่ความเป็นบวกสุดๆ ผ่านช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันสั้นๆให้ชวนลุ้นติดตาม และจุดพีคสำคัญสุดก็คือ ตัวละครของเราไม่อยู่ในสภาพปกติ คือ พ่อเป็นคนบกพร่องทางสติปัญญา ส่วนลูกวัยประมาณ 10 ขวบ ก็บอบบางเพราะป่วยเป็นลูคีเมีย ต่างเป็นคนที่ถูกมองว่าอยู่ในสภาพอ่อนแอที่ยังต้องการการปกป้องทั้งคู่ แล้วอย่างงี้ ใครจะเป็นเสาหลักให้ใครดีหละ แต่สุดท้ายแล้ว ก็จะพบว่าการได้อยู่ด้วยกัน เป็นการเรียนรู้กัน เติมเต็มทางจิตใจ และเป็นพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ควรค่าต่อการชมเลยค่ะ
ในมุมหนึ่งของโซล ชอลซู (รับบทโดย ชาซึงวอน) ผู้ชายหล่อล่ำสูงใหญ่ในลุคบ้านๆเสื้อกล้ามตราห่านคู่ 555 แต่สมองเอ๋อเด๋อด๋าเหมือนเด็ก ภายใต้ความมีจิตใจดี ชอลซูอาศัยอยู่กับน้องชายและน้องสะใภ้ คือ ยองซู (รับบทโดย พัคแฮจุน) และ อึนฮี (รับบทโดย จอนฮเยบิน) ซึ่งเปิดร้านขายอาหารอยู่ และมีลูกสาววัยพรีทีนหนึ่งคน ชอลซูก็พอช่วยงานที่ร้านได้บ้าง ความขำๆน่าเอ็นดูเมื่อเขาเจอคนแปลกหน้าที่ไม่น่าไว้วางใจ เขาจะเบ่งกล้ามโตพร้อมปั้นหน้าขึงขัง ให้รู้ว่าฉันแข็งแรงนะ อย่าได้คิดมารังแกเชียวหละ
วันหนึ่ง ที่ริมถนน มีรถคันหนึ่งปาดเข้ามาถามทางไปโรงพยาบาลกับชอลซู คนขับเป็นหญิงสูงวัย ที่คะยั้นคะยอให้ชอลซูนั่งรถไปด้วยเพื่อนำทางไปให้ถึงโรงพยาบาล การณ์กลับกลายเป็นว่าคุณป้าคนนี้ เป็นอดีตแม่ยาย (รับบทโดย คิมฮเยอ๊ก) ของชอลซู เซอร์ไพร์ซนี้ก็อึ้งแล้ว ยังมีที่เซอร์ไพร์ซหนักกว่าอีก คือ เด็กหญิงวัยประมาณ 10 ขวบ ที่เขากำลังนั่งตอดขอแบ่งขนมถุงจากเธอ ถูกแนะนำจากแม่ยายว่า เธอเป็นลูกสาวของเขา! ชื่อว่า เซตบยอล (รับบทโดย ออมแชยอง) เซตบยอลเป็นคนไข้ในของโรงพยาบาลนี้ ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือที่เรียกว่าลูคีเมีย กำลังรอความหวังรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งคุณแม่ยายที่อยากช่วยชีวิตหลานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การรอหาผู้บริจาคก็เกรงจะช้าไม่ทันการ จึงล่อลวงชอลซูมาโรงพยาบาลเจาะเลือด เพื่อไปตรวจหาความเข้ากันได้
แต่เมื่อยองซูตามมาหาชอลซูเจอ จึงทำให้เรารู้ว่า ครอบครัวชอลซูมีเรื่องขุ่นเคืองถึงขั้นตัดญาติกับอดีตแม่ยายมาก่อน ในขณะที่แม่ยายจำยอมปล่อยวางชั่วขณะ ขอได้เช็คเลือด เผื่อพ่อคนนี้จะช่วยชีวิตลูกสาวตัวเองได้ ซึ่งแน่นอนว่ายองซูต้องกีดกัน ในขณะที่ชอลซูก็ตกอยู่ในสภาพมึนๆไม่ค่อยอินอะไรกับการที่จู่ๆก็มีลูกสาวโตขนาดนี้ การได้ถุงขนมจากเธอ ยังน่าจะตื่นเต้นดีใจกว่าอีก
ในวันรุ่งขึ้น เซตบยอลแอบหนีออกจากโรงพยาบาล เพื่อจะเดินทางไปเมืองแทกู หวังจะไปขอลายเซ็นต์นักเบสบอลคนดัง มาเป็นของขวัญวันเกิดให้เพื่อนที่ป่วยเป็นลูคีเมียเหมือนกัน วันเกิดของเด็กเหล่านี้ที่ไม่รู้ชะตากรรมว่าจะได้มีวันครบรอบในปีหน้าอีกครั้งหรือไม่ มันจึงเป็นภารกิจสำคัญที่เพื่อนๆคนอื่นๆก็ช่วยกันสุดใจให้เธอหนีออกไปได้
แต่เธอได้เจอกับชอลซูระหว่างทาง เขาสกัดกั้นไม่ให้เธอลงสถานีรถไฟใต้ดินเพราะเห็นว่าอันตราย ไปๆมาๆเขาก็ตกกระไดพลอยโจนเป็นเพื่อนเดินทางจำเป็นขึ้นรถบัสข้ามเมืองไปกับเธอ และกลายเป็นทริปผจญภัย ณ แทกู ที่ไม่รู้ว่าใครควรพึ่งใครดี แต่ทุกสิ่งที้เกิดขึ้น เป็นเรื่องราวที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาเป็นความผูกพันกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่ตอนแรกเซตบยอลก็ออกจะยี้ว่าได้คนนี้เป็นพ่อ แทนที่จะเป็นอายองซู แล้วจะไหวไหมเนี่ย
ไม่เพียงเรื่องราวที่คาดไม่ถึงของการผจญภัยต่างเมืองของสองพ่อลูกจำเป็น หรือมิตรภาพบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของกลุ่มเด็กๆ ผู้ป่วยหัวอกเดียวกัน ซึ่งคาดไม่ได้เช่นกันว่าวิกฤติกระทันหันจะเกิดเมื่อไหร่ รวมไปถึงเรื่องเซอร์ไพรซ์คาดไม่ถึงในอดีตของชอลซู ล้วนเป็นปมสำคัญของเรื่องที่ชวนติดตาม
และนำมาสู่คำถามที่ว่า ชีวิตที่มีคุณค่า ความสุขที่สวยงาม หาได้จากตรงไหน ชีวิตแบบชอลซูที่สติไม่ครบ รับรู้แค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือชีวิตแบบเซตบยอลที่วันพรุ่งนี้อาจมาไม่ถึง หรือชีวิตนักเลงอันธพาลที่ถูกตราหน้าว่าสร้างปัญหาไปวันๆ
แต่ในเมื่อโลกนี้ยังมีเรื่องราวดีๆ แทรกอยู่ในสายสัมพันธ์ ความเป็นเพื่อนมนุษย์ มิตรภาพ และครอบครัว ที่พร้อมหยิบยื่นต่อกันในจังหวะเวลาที่เหมาะสม คือสิ่งที่หนังเรื่องนี้จะมอบให้ผู้ชมได้อิ่มเอมตื้นตัน เป็นความสวยงาม อบอุ่นหัวใจเหลือเกินเมื่อดูจบค่ะ
การนำชาซึงวอน ที่มีใบหน้าเข้มๆ ดุดัน ไม่ใสซื่อเลย มารับบทคนเอ๋อ เด๋อด๋า ก็เป็นอะไรที่คาดไม่ถึงสำหรับผู้เขียนนะ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูแปลก สะดุดตาดี เคยเห็นแต่อารมณ์ฮาหน้าตาย เขาให้สัมภาษณ์ไว้ในวันแถลงข่าวว่า เป็นช่วงระยะหนึ่งเลยที่เขาไม่อยากเล่นหนังคอมมาดี้ เพราะการมีผลงานไปเยอะมากๆในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แต่หลังจากเสร็จงานนี้แล้ว เขากลับรู้สึกได้ว่าหนังเรื่องนี้ได้เติมพลังให้กับเขาอย่างมากเลย
น้องออมแชยองก็สวมบทบาทคุณลูกสาวได้น่ารักน่าเอ็นดู เคมีเข้ากับชาซึงวอนได้ดี ส่วนใครที่ติดตาม พัคแฮจุนมาจากซีรีส์ ก็จะได้เห็นอีกบทบาทที่ดูบ้านๆไม่ค่อยเอาไหนหน่อย การเข้าบทกับแม่ยายของชอลซู กับเมียกับลูก ก็สร้างซีนสนุกสนานขำๆดีเช่นกัน และมีนักแสดงฝีมือดีอีกหลายๆคน อาทิเช่น อันกิลคัง โจฮันชอล ยุนบยองฮี คิมพับแร ซองจีรู และชินฮยอนบิน มาร่วมกันเติมสีสันให้เรื่องนี้สนุกสนานขึ้นอีก
ภายนตร์เรื่องนี้ยังเข้าตาฝั่งตะวันตก จนได้ขายลิขสิทธิ์รีเมคให้กับฝรั่งเศสไปแล้วด้วย
Trailer :