Castaway on the Moon เป็นภาพยนตร์โรแมนติคคอมมาดี้น่ารักๆฮาๆ ดูสนุกเพลินๆ แต่ไม่ไก่กานะ เพราะมีรางวัลติดตัวบ้าง แม้จะไม่ใช่รางวัลใหญ่โตมากนัก แต่ก็ได้มาจากหลายๆเวทีสากลกันเลยเชียว พระเอกจองแจยองเองก็ได้รางวัลด้วยเช่นกัน
เรื่องราวของชายหนุ่มที่คิดลาโลก หนีกรรมจากหนี้สินมากมาย แต่บุญอุ้มไว้ไม่ยักตายได้ง่ายๆ กลับไปติดเกาะร้าง กลายเป็นหนุ่ม Castaway ถูกลอยแพโดดเดี่ยว ให้บังเอิญว่าวิถีการดำรงชีพอยู่รอดของเขาเกิดไปสะดุดตาหญิงสาวบนห้องในอาคารสูงใกล้เคียงเข้าให้ เธอคนนั้นจึงกลายเป็นสตอล์คเกอร์ทางไกล เพราะว่าเธอเป็นโรคแปลกแยกจากสังคม (Hikikomori) ใช้ชีวิตแต่บนเวอร์ชวลออนไลน์ เอ! งั้นก็ไม่เห็นแววว่าจะสปาร์ครักกันได้อย่างไร แค่จะเจอหน้ากันยังยากเลย ช่างชวนติดตามดีแท้
คิมซึงกึน (รับบทโดย จองแจยอง) หนุ่มในยุคสังคมดิ้นรนของเกาหลี เขามีหนี้สินเงินกู้และหนี้บัตรเครดิตอีกมากมายหลายใบ ขืนปล่อยเวลาล่วงเลยไปอีก ก็มีแต่จะพอกพูนไปเรื่อย ผสมโรงด้วยโดนแฟนสาวเทเฉยเลย เขาจึงขอโดดแม่น้ำฮันตายดีกว่า แต่ดวงดีแคล้วคลาด ทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็นนะ ก็ยังลอยมาติดเกาะร้างกลางแม่น้ำ (จริงๆแล้วมันคือ เกาะบัมซอม กลางแม่น้ำฮันที่มีอยู่จริง ปัจจุบัน รัฐขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ มีพืชพรรณไม้หลากหลายเป็นร้อยชนิด และเป็นจุดพักอพยพย้ายถิ่นของเหล่านกในฤดูหนาว เรื่องนี้ถ่ายทำจริงกันบนเกาะนี้) อาศัยว่าเขาเป็นคนฉลาดพอตัวอยู่ และมีความอึดอดทนเป็นเลิศ ทำให้สามารถดิ้นรนจนใช้ชีวิตรอดบนเกาะได้
คิมจองยอน (รับบทโดย จองรยอวอน) อาศัยอยู่กับพ่อและแม่บนคอนโดสูงริมแม่น้ำฮัน แต่เธอเป็นโรคฮิคิโคโมริ (Hikikomori) คือ แปลกแยกจากสังคม ไม่ต้องการพบปะใคร เอาแต่เก็บตัวในห้องมืดๆอับๆซกมกมา 3 ปีละ แม้แต่พ่อแม่ยังไม่ได้เห็นหน้าเธอ ชีวิตเธออยู่กับงานหลัก คือ ดำเนินชีวิตปลอมๆที่เนรมิตได้บน Cyworld (คือ minihompy แปลว่าโฮมเพจเล็กๆ มีเจ้าของเพจสามารถเขียนไดอารีเรื่องราวของตนตามต้องการ คงอารมณ์คล้ายเขียนบล็อค (Blog) ในปัจจุบัน เป็นเว็บที่นิยมมากในหมู่ดาราและวัยรุ่นเกาหลียุคนั้น) แม้แต่งานอดิเรกก็ยังเลือกสิ่งที่จะไม่ต้องพบเห็นผู้คน คือการส่องกล้องและถ่ายรูปดวงจันทร์! จินตนาการเป็นคนที่อยู่ลำพังบนดวงจันทร์อย่างมีความสุข
เรื่องราวมันเกิดเพราะว่า หลังจากที่ซึงกึนตัดสินใจลงหลักปักฐานเป็นคนป่าครอบครองเกาะแต่เพียงผู้เดียวแล้ว ด้วยเหตุผลว่ามันทำให้เขาตัดขาดจากโลกหนี้เส็งเคร็งได้ ในระหว่างที่ชีวิตของเขากำลังเริ่มทยอยไปได้ดี มีเรือเป็ดปั่นเก่าๆขนาดย่อมๆพอใช้เป็นที่หลับที่นอนได้ มีอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ หยิบฉวยมาจากขยะที่ตระเวนหาเก็บได้ มีแปลงผักที่ปลูกไว้หลายชนิด จองยอนก็เกิดส่องพบเขาเข้าโดยบังเอิญในวันหนึ่ง หลังจากจองยอนเป็นสต็อล์คเกอร์ทางไกลมาพักหนึ่ง เก็บภาพถ่ายทุกกิจกรรมเพื่อศึกษาจนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เห็นนี้อาจเป็นเอเลี่ยนเพราะพฤติกรรมแปลกดี ลองสื่อสารด้วยสักทีก็คงไม่เสียหายอะไร
ปฏิบัติการวางแผนการสื่อสารจึงเริ่มขึ้น ตั้งแต่สั่งซื้อขวดแก้ว เพื่อใส่จดหมาย ทำแผนที่เดินทางออกไปที่สะพาน อำพรางตัวในการออกจากห้องมิให้ใครเห็นหน้าตา และแล้ว Message in A Bottle ก็ได้ผล จดหมายฉบับแรกได้ถูกซึงกึนพบหลังจากผ่านไป 3 เดือน
และการสื่อสารระหว่างเขาทั้งสองจึงดำเนินต่อมาอีกหลายๆรอบ โดยซึงกึนมิอาจรู้ได้ว่าเขาติดต่อกับใครอยู่ รู้เพียงว่ามีคนมองเห็นเขา คอยส่งข้อความมาทางขวด และรับรู้ข้อความตอบกลับของเขาผ่านการเขียนลากไว้บนผืนทราย
ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดำเนินไปอย่างไร ต่างคนต่างก็โดดเดี่ยวแปลกแยกไม่แพ้กัน ต้องตามไปลุ้นกันต่อเองค่ะ
หนังเรื่องนี้ ดูผิวเผินก็ฮาๆเพลินๆได้ตั้งแต่ต้นเรื่องไปเรื่อยๆเลย โดยเฉพาะบทของซึงกึน เป็นแนว ‘คนเดียวเอาอยู่’ จริงๆส่วนของจองยอนก็ขำตามกันมาแบบ ‘คนเดียวเอาอยู่’ เช่นกัน ก็เล่นกันอยู่แค่นี้แหละ คนอื่นๆก็มาเป็นตัวประกอบบทนิดๆหน่อยๆเอง
จากหนุ่มชุดสูทคนเมืองกลายเป็นหนุ่มชาวเกาะคนป่า จากคนที่ร้องขอความช่วยเหลือกับเรือที่แล่นผ่านไป มารับผมไปที กลายเป็นวิ่งหลบเพราะกลัวใครพบเข้าแล้วจะต้องกลับเข้าเมือง จากคนที่ไม่มีอะไรกิน ก็สามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยลำแข้งตนเอง วิถีการเอาตัวรอดของเขา ช่างดูเพลินมากๆ มีอารมณ์คล้ายหนังฮอลลีวู้ดดัง เรื่อง Castaway ที่ทอม แฮงค์แสดง แต่เรื่องนี้มีความผ่อนคลายกว่ามากเพราะแฝงความฮาไว้แน่นเอี้ยด
ตัวอย่างความฮา ที่เป็นแบบแนวเกรียนบ้าง ตลกร้าย จิกกัด เสียดสีบ้าง ชวนขำและสงสารไปพร้อมๆกัน ยกมาพอเห็นภาพ เช่น
ฉากโทรศัพท์ของซึงกึนที่ติดเกาะ ต้องการความช่วยเหลือ บทสนทนาของเจ้าหน้าที่ขายแพกเกจโทรศัพท์ ที่เอาแต่ขายของ สวนทางกับความเดือดร้อนเป็นตายของซึงกึน การันตีค่ะว่าจะอยู่เกาะร้างที่ไหน สัญญาณเราก็ไปถึงค่ะ 555
ฉากหลอนจิตในขณะที่ซึงกึนกำลังจะจมน้ำตาย คือสาวเต้นระบำฮาวายด้วยเพลงเงินกู้ กู้ง่ายกู้เพลิน ดุจช้อปปิ้ง
ความดวงดีเว่อร์ของซึงกึน พยายามจับปลาจับนกยังไงก็ไม่ได้ พอสระผมจากน้ำยาในซากขวดที่เจอ ปลาในน้ำเกิดตายลอยมาให้กินซะเฉยๆ ลาภปากเขาเลย กินไม่หมด นกมาจิกแทะต่อ ปรากฏว่านกยังตาย แต่ซึงกึนปลอดภัยดี! ดังนั้น นกจึงกลายเป็นอาหารมื้อถัดไปของซึงกึน 555
บทคิดของซึงกึนตอนเจอซากเรือเป็ดปั่นที่เอามาทำเป็นที่ซุกนอนได้ โถ! 7 ปีของการดิ้นรนอดออมเพื่อให้มีบ้านเป็นของตัวเอง วันนี้ก็สำเร็จแล้ว 555
นาทีที่ซึงกึนจะฆ่าตัวตาย สิ่งที่มาขวางปฏิบัติการคือ อาการปวดขรี้ค่ะ (ขออนุญาตไม่สุภาพ) 555 ต้องขอไปจัดการภารกิจให้เสร็จสิ้นก่อน กว่าจะเสร็จ เขาก็มีเหตุให้เปลี่ยนใจซะละ
และอีกมากมายเลยค่ะ
หัวเราะกันไปแล้ว ก็มีความสนุกแบบยี้ๆในความซกมกของการ survive บนธรรมชาติ ดิน หิน มูลนก เหงื่อตัวเอง เป็นต้น หรือความซกมกของห้องจองยอนที่ไม่ต่างจากกองขยะ วิถีความเป็นอยู่ที่ผู้ชมจะนึกไม่ถึง แม้จะเป็นคนดูมีความคิดที่มีระเบียบแบบแผนอยู่บ้าง แต่มันเป็นวิถีชีวิตที่แปลก weird เอาเรื่องอยู่
อย่างไรก็ตาม หนังก็ไม่ได้เอาแต่ฮาไปวันๆเท่านั้น ผู้ชมสามารถติดตามความคิดในใจ ความเป็นไป การพัฒนาอารมณ์ของตัวละคร การก่อร่างความสัมพันธ์ที่เขาทั้งสองมีต่อกัน มันเป็นมุมน่ารัก น่าเอ็นดู เหมือนคนโดดเดี่ยวเข้าใจคนโดดเดี่ยวด้วยกัน หนึ่งเป็น Castaway บนเกาะธรรมชาติ อีกหนึ่งเป็น Castaway ในห้องที่สร้างกักบริเวณตัวเอง การเรียนรู้ที่จะก้าวเท้าออกมาเผชิญโลกและความจริง มันเป็นเรื่องซึ้งและดีงามทีเดียว รวมทั้งการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่แม้ตกอยู่ในภาวะขาดความช่วยเหลือ แต่ถ้าเขายังมีศักดิ์ศรี ก็ควรช่วยในมุมที่จะทำให้เขามีความหวัง
และ ‘ความหวัง’ นี่แหละคือพลังที่จะพยุงชีวิตเราให้เดินหน้าต่อไปได้ในยามที่ชีวิตมีปัญหา
Trailer :