เมื่อคดีอาชญากรรมข้ามชาติทำให้เกิดภารกิจสายลับในเกาหลี
โดยคู่หูบังเอิญ ตัวจริงมือใหม่ กับ ตัวปลอมมือหน่อมแน้ม
ช่างชวนลุ้นว่าความขาดๆเกินๆฉบับคู่หูไม่เข้าขา จะไปรอดกันได้อย่างไร
Mission : Possible โดยชื่อ ดูเหมือนจะเป็นการล้อเลียนภาพยนตร์ชุดอันโด่งดังของฮอลลีวู้ด แต่โดยเนื้อหาแล้ว ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย ผู้เขียนคิดว่า มุกล้อเลียนนี้น่าจะเกิดจากแนวคิดที่ว่า สายลับมือฉมังแบบอีธานใน Mission Impossible ที่จัดการแต่ละภารกิจซึ่งดูยากเกินตัว เกินความเป็นไปได้ แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้สำเร็จ ในทางกลับกัน ภารกิจใน Mission : Possible นี้ ดูมีแวว possible ทั้งนั้น แต่สายลับของเรารวมหัวกันสองหน่อยังกลับทำให้ลุ่มๆดอนๆ หมิ่นจะ impossible อยู่ตลอด 555
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจาก กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของประเทศจีน ได้พบว่ามีการลักลอบขนอาวุธปืนลอตใหญ่ที่ถูกอ้างว่าจะนำไปส่งให้เกาหลีเหนือ แต่จริงๆแล้วกลับถูกนำเข้าไปค้าเถื่อนในเกาหลีใต้ ทางการจีนไม่ต้องการให้เป็นประเด็นโฉ่งฉ่างกระทบภาพลักษณ์ จึงใช้วิธีส่งเจ้าหน้าที่ฝึกหัดหนึ่งคนเข้ามาสืบความลับๆ หากการเผชิญหน้ากับแก๊งค้าอาวุธเถื่อนหรือเกิดปัญหาใดๆขึ้นในเกาหลีใต้ถึงตาย ก็ถือเป็นการยอมสละชีวิตเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆแลกกับการได้ตอกหน้าเกาหลีใต้ที่ไม่ทำอะไร โดยสรุปคือองค์กรไม่คาดหวังว่าสายลับจะรอดกลับมาอยู่แล้ว omg!
หวังไอ่หลิง หรือ ยูดาฮี (รับบทโดย อีซอนบิน) คือเจ้าหน้าที่ฝึกหัดคนดังกล่าว จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยในจีน แต่เติบโตในเกาหลี สื่อสารเกาหลีคล่อง เธอรับมอบหมายงานจากหัวหน้าเฉา (รับบทโดย ชเวบยองโม) ที่หวังดีต่อเธอ จึงแอบหาผู้ช่วยลับให้ภารกิจเธอรอด คนที่เขาไหว้วานขอมาช่วยก็คือเพื่อนสนิทของเขา ชินกีรู (รับบทโดย คิมแทฮุน) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้มือดี ฉายา ‘อมา ซิง’ (เข้าใจว่าเพี้ยนล้อมาจาก amazing เพราะความเก่งกาจ นี่ถ้าผันต่อเข้าบริบทเราๆก็จะกลายเป็น อาม่าซิ่ง มโนให้ขำยิ่งขึ้นไปอีก)
ชินกีรูตกปากรับคำเป็นจ๊อบส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวใดกับองค์กรแล้วจึงไปขอเช่าออฟฟิศใช้ชั่วคราว 1 เดือนเพื่อการนี้จากสำนักงานนักสืบเอกชนเล็กๆที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของคือ อูซูฮัน (รับบทโดย คิมยองกวัง) แต่โชคร้ายที่ชินกีรูประสบอุบัติเหตุถูกรถชนน็อคไปก่อนได้เจอกับยูดาฮี โดยไม่มีใครรู้เรื่องเลย
เมื่อยูดาฮีมาตามนัดที่ออฟฟิศ จึงได้เจอกับอูซูฮัน และเข้าใจว่าอูซูฮันคือสายลับที่จะช่วยเธอตามที่หัวหน้าเฉาได้ประสานงานไว้ให้ ส่วนอูซูฮันที่เห็นแก่เงินค่าจ้างของงาน จึงรับร่วมงานจ๊อบนี้ไปกับยูดาฮี โดยไม่ท้วงติงใดๆและไม่รู้ว่ายูดาฮีเป็นใคร แค่เดาๆว่าอาจเป็นเจ้าหน้าที่ NIS (สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) หรือ DSC (กองกำลังรักษาความปลอดภัยของกองทัพ) สักอย่าง
นั่นคือจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการคู่หูที่ไม่เข้าขา ขาดๆเกินๆกันตลอด ส่วนหนึ่งก็เป็นความเกรียนรั่วเหมือนกึ่งเล่นกึ่งจริงจังของอูซูฮัน ความบังเอิญของโชคที่เข้าข้างบ้างไม่เข้าข้างบ้าง และบางครั้งจังหวะของฝีมือเล็กๆน้อยๆ ก็ลงตัวเข้าทาง ในขณะที่ความพยายามจริงจังบางครั้งก็เฟลซะเฉยๆ หรือแย่กว่านั้นคือการพาตัวเองไปตกที่นั่งลำบากเกินคาด แม้ว่ายูดาฮีจะเอะใจในความหน่อมแน้มอ่อนสกิลของอูซูฮัน จนแคลงใจว่านี่จะใช่สายลับมืออาชีพจริงหรือ แต่ด้วยความที่ถูกย้ำกำชับมาจากหัวหน้าเฉาแล้วว่าต้องปิดบังตัวตนกันและกัน ก็ต้องยอมเชื่อและถูลู่ถูกังทำหน้าที่กับสายลับที่จัดมาให้ต่อไปอย่างดีที่สุด
กระบวนการสืบหาเส้นทางของอาวุธปืนเถื่อน ก็ต้องค่อยๆสาวหาจากแก๊งอันธพาลมาเฟีย แต่เบาะแสมันไม่ยอมจบได้ง่ายๆในเงื่อนแรก ถูกตัดตอนบ้าง ชวดพลาดท่าเองบ้าง ปฏิบัติการที่พ่วงความฮาจึงได้เรียงร้อยมาให้ชมกันสนุกสนาน ต่างๆสถานการณ์กันไป รวมถึงฉากแอคชันที่ทำหน้าที่สำคัญในครึ่งเรื่องหลัง ให้ความมันส์เพลินมาก ทั้งลีลา จังหวะ และความสร้างสรรค์ในการหยิบฉวยของธรรมดาๆข้างตัวมาเป็นอาวุธ เช่นฉากสู้กันในห้องครัวโรงแรม หรือในโกดังก่อสร้าง ซึ่งสไตล์หนังแบบนี้ชวนให้นึกถึงหนังจีนแนวแอคชันคอมมาดี้ของเฉินหลง หรือ โจวชิงสือ ใครที่ทันยุคนั้นน่าจะชอบกันนะ
โดยรวม หนังสอบผ่านฉลุยมากในความบันเทิงสมเป็นแอคชันคอมมาดี้ สาดมุกให้ฮารัวๆกันตลอดเรื่อง จัดมาหมดทั้งแนวตลกดื้อๆ ตลกเจ็บตัว ตลกล้อเลียนเสียดสี ตลกหักมุม หรือตลกเล่นคำ (เช่นที่ผู้เขียนเอ็นดูไอเดียในฉากจ้างสืบหาสุนัขหาย จากการปัดให้ลูกค้าไปหา pet detective ที่เป็น specialist แต่เงินค่าจ้างทำให้อูซูฮันพลิกคำยอมเป็น s-pet-cialist ได้ในทันใด 555) และแม้จะเป็นเนื้อหาบนพลอตของอาชญากรรมอาวุธปืน แต่กลับไม่ได้ดาร์คอะไรมาก ขนาดเหตุผลเบื้องหลังการซื้อขายอาวุธของตัวร้ายยังออกไปทางจิตติดเพี้ยนหน่อยๆ ปมชีวิตเรื่องราวในอดีตของพระเอกก็เล่าแตะผิวๆ (มีอ้างอิงไทยในบทด้วย) ใช้ไว้เป็นแค่เหตุผลของความหิวเงิน และเหตุผลของการทุ่มเทกลับไปช่วยนางเอก เรียกได้ว่าไม่ปล่อยเผลอหลุดจากคอมมาดี้เลย
ช่างเป็นหนังที่เหมาะกับเสิร์ฟในช่วงเวลาที่มีแต่เรื่องเครียดๆรอบตัว ขอการันตีในความผ่อนคลาย เบาสมอง ฮาได้ฮาดี เคมีพระนางเข้ากันดีมาก เถียงกัดกันไปมายังน่ารักเลย ปกติผู้เขียนก็เป็นคนเส้นลึก ขี้เบื่อความจำเจ ยังหลุดขำจริงขำจังได้รัวๆ หนังเสิร์ฟมุกฮาจนหยดสุดท้ายจริงๆ อย่าลืมชมบทส่งท้ายของหนังด้วยนะคะ
Trailer :
ติดตามงานรีวิวหรือบทความอื่นๆของ WARUMANU ได้ที่ https://www.facebook.com/MoviesAllDay.SeriesAllNight/