หากซีรีส์สักเรื่องจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่เพียง ตัวบท นักแสดงนำ นักแสดงสมทบ การดำเนินเรื่อง ซาวน์เอฟเฟกต์ รวมไปถึง เพลงประกอบซีรีส์ที่มีพลังเกื้อหนุนอย่างเท่าเทียม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จินตนาการถึงซีรีส์เกาหลี โดยไม่มี เพลงประกอบ (OST : Original Soundtrack)…เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมเติมแต่ง และถ่ายทอดความรู้สึกให้ผู้ชมได้อรรถรสในการรับชมซีรีส์ได้อย่างดี
เสียงร้อง ทำนอง เเละเนื้อเพลงที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างละเมียดละไมเเละถูกใช้งานในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อเชื่อมโยงคนดูเข้ากับอารมณ์ของฉากเเละตัวละครอย่างสมบูรณ์เเบบ เป็นหนึ่งในกุญเเจความสำเร็จของซีรีส์เกาหลีที่สืบสานกันมาตั้งเเต่ยุค 90s จนถึงปัจจุบัน เเต่ก่อนหน้านั้นซีรีส์เกาหลีใช้เพียง ดนตรีประกอบ (Instrumental Music) หรือเพลงที่ไม่มีคำร้อง มีเพียงเสียงเครื่องดนตรีที่เป็นตัวกลางส่งสาร ความหมายเพลงจึงค่อนข้างเป็นนามธรรม เเต่ผู้ฟังยังสัมผัสได้ว่าเพลงนั้นต้องสื่อถึงความเศร้า โกรธ ดีใจ หรืออารมณ์เพลงในภาพรวมได้ ในปัจจุบันก็ยังถูกเสริมมาใช้งานในหลายๆฉากตามความเหมาะสม
ช่วงยุค 90s นับเป็นจุดกำเนิดของกระเเสนิยมวัฒนธรรมบันเทิงเกาหลี หรือ ฮันรยู (Hallyu) ทั้งด้านเเฟชั่น เพลง ภาพยนตร์ รวมถึงซีรีส์ที่หลายเรื่องเป็นปฐมบทของตำนานที่ยิ่งใหญ่ อย่าง What is Love ออกอากาศในปี 1992 ทำเรตติ้งสูงสุดต่อตอนอยู่ที่ 64.9% หรือในปี 1996 ซีรีส์อย่าง First Love ก็ทำเรตติ้งถล่มทลายถึง 65.8% โดยทั้ง 2 ต่างมีเนื้อหาที่พูดถึงมุมมองความรักได้อย่างงดงาม เพียบพร้อมด้วยองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมตามยุคสมัย รวมถึงเบื้องหลังความสำเร็จที่ขาดไปไม่ได้ คือเพลงประกอบของ คิมกุกฮวาน (Kim Guk-hwan) เเละฮวางชิฮุน (Hwang Chi-hun) ทำให้คนในอุตสาหกรรมเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของเพลงประกอบ กระทั่งถูกผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมหลังการมาของ ทอม ลาร์เซ่น (Tom Larsen) ผู้อำนวยการของบริษัทผู้จัดจำหน่ายซีรีส์เกาหลีอย่าง YA Entertainment โดยเขาเรียนรู้ภาษาเเละวัฒนธรรมของเกาหลีผ่านการดูซีรีส์ จนเกิดความหลงใหลเเละตัดสินใจนำซีรีส์เกาหลีมาจัดจำหน่ายที่อเมริกาในรูปเเบบซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ เขาเล็งเห็นความต่างระหว่างซีรีส์อเมริกาเเละเกาหลีใน 2 ส่วนคือเนื้อหาที่ฝังอเมริกาจะมีความรุนเเรง เปิดเผยทางเพศมากกว่าเกาหลีที่ให้ความสัมพันธ์กับมนุษย์เเละวิถีชีวิต กับอีกส่วนคือเพลงประกอบที่อเมริกาเเละหลายๆชาติอาจไม่ค่อยให้ความสำคัญ เน้นการใช้ดนตรีประกอบที่ไม่มีเสียงคนร้องมากกว่า ส่วนฝั่งเกาหลีเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่ออารมณ์คนดู มีความลึกซึ้งในการถ่ายทอด มีดีพอที่จะกลายเป็นเพลงฮิต เเละต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มจากการขายอัลบั้มเพลง ประจวบเป็นช่วงจังหวะที่วงการเคป๊อปถูกผลักดันจากภาครัฐบาลเเละเอกชนอย่างเต็มรูปเเบบ จึงทำให้หลังเข้ายุค 2000s จะเห็นนักเเสดงนำ ไอดอล หรือนักร้องอาชีพมาร่วมร้องเพลงประกอบซีรีส์อยู่บ่อยครั้ง
ปัจจุบันการร้องเพลงประกอบซีรีส์ เป็นอีกส่วนสำคัญที่ผลักดันอุตสาหกรรมเคป๊อปให้เกื้อหนุนอย่างเป็นวัฏจักร กับการเป็นพื้นที่เเสดงความสามารถเเละเเจ้งเกิดให้ศิลปินคุณภาพจำนวนมาก อาทิ แพคจียอง (Baek Ji-young) ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ราชินีเเห่งเพลงประกอบซีรีส์เกาหลี เธอเริ่มสร้างชื่อจากการร้องเพลง Acacia ประกอบซีรีส์พีเรียด Hwang Jin-Yi ก่อนดังเป็นพลุแตกจากเพลง That Woman ประกอบซีรีส์ Secret Garden ที่ทำให้ได้รางวัลเพลงประกอบซีรีส์ยอดเยี่ยมจาก Seoul International Drama Awards ปี 2011, เควิลล์ (K. Will) ศิลปินชายที่สายเพลงซีรีส์ต้องรู้จักกันถ้วนหน้า มีความโดดเด่นทั้งการร้องเเละเเต่งเพลง เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2005 จากการร้องเพลง Dream ประกอบซีรีส์ A Love To Kill, คิมบอมซู (Kim Bum-soo) ศิลปินเสียงสวรรค์ที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากเพลงประกอบซีรีส์ Purity ตั้งเเต่ปี 1998, ลินน์ (Lyn) ที่สมัยเดบิวต์เคยถูกเอเจนซี่หัวเราะเยาะถึงน้ำเสียงของเธอ ภายหลังเธอได้พิสูจน์คุณภาพเเละถูกยกย่องในฐานะหนึ่งในศิลปินสายเพลงประกอบซีรีส์เกาหลีดีที่สุดตลอดกาล หลังเพลงที่เธอร้องอย่าง My Destiny (My Love from the Star OST.) คว้ารางวัลเพลงประกอบซีรีส์ยอดเยี่ยม เป็นรางวัลพิเศษฉลองครบรอบ 50 ปีของงานประกาศรางวัล แพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ (Baeksang Arts Awards) มาจนถึงล่าสุด กาโฮ (Gaho) ศิลปินหนุ่มที่เดบิวต์ในปี 2018 ผ่านการร้องเพลงประกอบซีรีส์มา 3 เรื่อง Time, My Secret Terrius เเละ The Last Empress ก่อนเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากเพลง Start ประกอบซีรีส์ Itaewon Class ที่ทะยานสู่อันดับ 1 ในหลายๆชาร์ตทั่วเกาหลี
ขณะเดียวกันหลายๆครั้งที่มักเชิญศิลปินบอยแบนด์หรือเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังมาร้องเพื่อสร้างสีสันเเละทำการตลาด จนหลายๆคนกลายเป็นขาประจำในสายเพลงประกอบซีรีส์อย่าง คิมเเทยอน (SNSD), เฉิน (EXO), เวนดี้ (Red Velvet) เเละ จองอึนจี (Apink)
เเม้ช่วงทศวรรษปีที่ผ่านมา ศิลปินชื่อดังจำนวนมากได้ผันตัวเข้าสู่สายงานเเสดง อาทิ ยูอี (After School), ท็อป (BIGBANG), ยูชอน (TVXQ/JYJ), คริสตัล (fx), ยุนอา (SNSD), จียอน (T-ara) เเต่เเทบไม่มีใครที่เข้ามารับบทบาทร้องเพลงประกอบให้กับซีรีส์ที่ตัวเองเเสดงจนกลายเป็นภาพคุ้นชินตาเหมือนอย่าง เเบซูจี (Bae Suzy) อดีตสมาชิกวง Miss A ที่ในปี 2010 เดบิวต์งานเเสดงจากซีรีส์ Dream High เเละได้รับโอกาสร้องเพลงประกอบที่ชื่อว่า Winter Child จนภายหลังไม่ว่าเธอจะเเสดงซีรีส์เรื่องไหนก็มักจะถูกเชิญให้ร้องเพลงประกอบในเรื่องนั้นๆด้วย อาทิ You’re My Star (Dream High 2 OST.), I Still Love You (Big OST.), Don’t Forget Me (Gu Family Book OST.), Ring My Bell (Uncontrollably Fond OST.) เเละ I Love You Boy (While You Were Sleeping OST.) นักเเสดงอีกคนที่เเจ้งเกิดจาก Dream High อย่าง ไอยู (IU) ปัจจุบันกลายเป็นนักเเสดงเเละนักร้องเเถวหน้าของเกาหลี เวลาเล่นซีรีส์เรื่องไหนเธอจะมีบทบาทต่อเพลงประกอบในทางใดทางหนึ่ง อย่าง Someday ที่เธอร้องใน Dream High กลายเป็นเพลงฮิตติดหูประจำซีรีส์, Dear Moon เพลงที่เธอเขียนเนื้อร้องเองใน My Mister เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่ลึกซึ้งของตัวละครที่เธอเล่น, Our Happy Ending เพลงที่เธอเเต่งเเละร้องเพื่อถ่ายทอดบทสรุปของความสัมพันธ์คู่พระนางใน Hotel Del Luna เเละบางครั้งจะถูกเชิญไปร้องเพลงประกอบในซีรีส์ที่เธอไม่ได้เล่นด้วยเช่นกัน อย่าง I Give You My Heart (Crash Landing on You OST.) เเละ Take My Hand (The Greatest Love OST.)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆครั้งความนิยมของตัวซีรีส์ได้ส่งผลถึงความสำเร็จของเพลงประกอบในเชิงธุรกิจ ทั้งยอดขายอัลบั้มหรือยอดดาวน์โหลดผ่านสตรีมมิ่งอย่าง Secret Garden ซีรีส์เเนวโรเเมนซ์-เเฟนตาซี เล่นปมรักสลับร่างของพระนางที่นำโดยฮยอนบิน เเละฮาจีวอน เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของช่อง SBS ทำเรตติ้งเฉลี่ยทั่วเกาหลีสูงถึง 24.3% ยอดขายอัลบั้มล็อตเเรกที่ทะลุ 30,000 เเผ่น เเละยังมียอดสั่งซื้อตามมาอีกจำนวนมาก โดยมีเพลงฮิตติดหูอย่าง You Are My Spring ที่ขับร้องโดย ซองชีคยอง (Sung Si-kyung) กับ That Woman ของ แพคจียอง (Baek Ji-young) หรือจะเป็นซีรีส์ยอดฮิตในปี 2009 อย่าง You’re Beautiful ที่พูดถึงหญิงสาวที่เเฝงตัวไปอยู่วงบอยเเบนด์ชื่อดัง ตัวเนื้อหาพูดถึงวงการเพลงโดยตรงทำให้ซีรีส์มีเพลงประกอบจำนวนมากเเละต่างก็เป็นเพลงยอดนิยม ทำยอดขายอัลบั้มกว่า 57,000 เเผ่น หรืออย่างในช่วงถ่ายฟุตเทจคอนเสิร์ตเพื่อเป็นฉากประกอบซีรีส์ได้มีเหล่าเเฟนคลับเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จกว่า 25,000 คน อีกทั้งยังเป็นซีรีส์เรื่องเเรกๆที่ถูกจดจำในฐานะนักเเสดงนำทุกคนได้มีส่วนในการร้องเพลงประกอบซีรีส์อย่าง พัคชินฮเย (Lovely Day, Without Words) จางกึนซอก (Goodbye เเละ Without Words) เเละเพลง Promise ที่เป็นการร่วมร้องโดย อีฮงกิ (นักร้องนำวง F.T. Island) กับ จองยงฮวา (นักร้องนำวง CNBLUE)
นอกจากความสำเร็จในเชิงธุรกิจ กระเเสความนิยมของตัวซีรีส์เเละเพลงประกอบยังส่งผลเชิงบวกต่อด้านการเมืองเเละการเเลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศอย่าง Winter Sonata ซีรีส์ระดับตำนานในต้นยุค 2000s กลายเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมสัมพันธไมตรีเเละส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างญี่ปุ่นเเละเกาหลี เมื่อช่องโทรทัศน์ชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง NHK เป็นเจ้าภาพจัดคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิกที่มีเพลงประกอบซีรีส์ Winter Sonata ที่ขับร้องโดยศิลปินเกาหลีเอง ขณะเดียวกันซีรีส์เเอคชั่น-สายลับอย่าง Iris ที่หลายฉากถ่ายทำในอาคิตะของญี่ปุ่นได้นำไปสู่การท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์ของคนเกาหลี รวมถึงความนิยมของเพลงประกอบเรื่องนี้ ที่ต่างขับร้องโดยศิลปินชื่อดังอย่าง แพคจียอง (Baek Ji-young), ชินซึงฮุน (Shin Seung-hun), คิมเเทวู (Kim Tae-woo) เเละ วงบิ๊กเเบง (BIGBANG) จนเกิดคอนเสิร์ตใหญ่ญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง Osaka Castle Hall มีผู้ชมกว่า 20,000 คน เเละ Saitama Super Arena ที่ครั้งนี้ต้องโชว์ต่อหน้าคนญี่ปุ่นกว่า 60,000 คน
เป็นที่รู้กันดีว่าซีรีส์เกาหลีหนึ่งเรื่องมักจะมีหลายเเนว หลากรสชาติ ทำให้การทำเพลงประกอบเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครหรือเนื้อหาของซีรีส์เรื่องหนึ่งจะมีความหลากหลายเเนวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น บัลลาด, ป๊อป, ร็อก, ฮิปฮอป ฯลฯ บางครั้งจะใช้การ ฟีเชอริง (Featuring) ระหว่างศิลปินชายเเละหญิงเพื่อสะท้อนความรู้สึกของตัวละครพระนาง เพียงเเต่วิธีการนี้จะไม่ได้เห็นมุมมองในสัดส่วนที่เท่าๆกันของตัวละครเหมือนอย่าง การร้องเเบบ ดิวเอท (Duet) ศิลปินทั้งสองจะมีท่อนร้องในสัดส่วนใกล้เคียงกัน มีการร้องโต้ตอบ ประสานเสียงกัน โดยฝั่งผู้ชายถูกเเทนด้วยตัวละครพระเอก หญิงเเทนด้วยนางเอก ซึ่งเพลงที่กลายเป็นเเม่เเบบเเละถูกพูดถึงมาจนปัจจุบันคือ Perhaps Love เพลงประกอบซีรีส์ Princess Hours ขับร้องโดย ฮาวล์ (Howl) เเละ เจ (J) ถูกใช้เป็นตัวเเทนความรู้สึกของพระนาง ที่ทั้งคู่เริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง เเต่ยังเก็บซ่อน ไม่กล้าเปิดเผยเพราะกลัวอีกฝ่ายจะคิดไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ในยุคหลังก็มีเพลงเเบบดิวเอทอีกหลายเพลงที่ประสบความสำเร็จ ติดท็อปชาร์ต ยอดวิวถล่มทลายในยูทูป อาทิ Stay With Me (Goblin OST.) ร้องโดย ชานยอล เเละพันช์, Say Yes (Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo OST.) ร้องโดย โลโค่ เเละพันช์, All For You (Reply 1997 OST.) ร้องโดย ซออินกุก เเละจองอึนจี
ต้นทศวรรษที่ 2010s เพลงประกอบซีรีส์เกาหลีได้ถูกเเบ่งออกเป็น พาร์ท (Part) เเต่ละพาร์ทใช้เเทนความรู้สึกตัวละคร เนื้อหาบางเหตุการณ์ หรือบางพาร์ทก็ถูกใช้เป็นธีมของตัวละคร ที่เพลงดังกล่าวจะมีเนื้อหาสัมพันธ์เเละถูกใช้กับตัวละครนั้นเเค่คนเดียว อย่าง Itaewon Class ซีรีส์กระเเสเเรงต้นปี 2020 มีเพลงประกอบ Part 11 ที่ชื่อว่า No Words ขับร้องโดย ครัช (Crush) เป็นเพลงธีมสำหรับพระรองที่สื่อถึงความในใจที่มีต่อเพื่อนสนิทเเละเป็นรักเดียวเสมอมา นอกจากนั้นเพลงประกอบเรื่องนี้อีกหลายๆเพลง ยังกลายเป็นเพลงยอดนิยม ฮิตติดชาร์ตไปทั่วโลกโดยเฉพาะ Sweet Night (Part 12) ขับร้องโดย วี (BTS) ที่สร้างสถิติเป็นเพลงประกอบซีรีส์เกาหลีเพลงเเรกที่ติดชาร์ตบน iTunes ของอเมริกา เเละทะยานสู่ท็อปชาร์ตบน iTunes กว่า 80 ประเทศทั่วโลก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณภาพเสียงของนักร้องเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญของปรากฏการณ์ เเต่ก็มีปัจจัยสำคัญอีกส่วนหนึ่งอย่าง การเป็นสมาชิกของ BTS ที่ปัจจุบันกลายเป็นวงเคป๊อปทรงอิทธิพลมากที่สุดในเกาหลี รวมถึงการใช้ เนื้อเพลงภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลที่คนทั่วโลกสามารถฟังเเละอินไปกับความหมายที่ถูกขับเคลื่อนผ่านเสียงเเละดนตรีอันไพเราะได้ในทันที ที่ผ่านมามีเพลงประกอบซีรีส์หลายๆเรื่องที่บางพาร์ทเลือกใช้เนื้อร้องภาษาอังกฤษเเละขับร้องโดยนักร้องเกาหลี อาทิ It’s You (While You Were Sleeping OST.), Good All Days (Vagabond OST.), Satellite (Chicago Typewriter OST.), Take Me Out (Black OST.) เเละ With You (He Is Psychometric OST.)
เพลงประกอบซีรีส์เเต่ละเรื่องมักจะถูกปล่อยเเค่สัปดาห์ละ พาร์ท (Part) ผ่านสตรีมมิ่งของเกาหลีอย่าง Melon, Bugs, Mnet รวมถึงช่องออฟฟิเชียลเครือย่อยของค่ายเเละบริษัทตัวเเทนที่ช่วยประชาสัมพันธ์บน Youtube อย่าง Stone Music Entertainment, 1theK ซึ่งเเต่ละพาร์ทที่ถูกปล่อยมักจะมีความหมายเพลงสัมพันธ์กับเนื้อหาของซีรีส์ที่จะถูกออนเเอร์ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น โดยทุกพาร์ทจะมีความถี่ในการใช้มากน้อยต่างกัน ขึ้นกับความสำคัญของเพลง เเต่ทุกพาร์ทมักปรากฏในซีรีส์ตอนใดตอนหนึ่ง ยกเว้นซีรีส์บางเรื่องที่ผู้สร้างอาจมีเหตุผลบางอย่างที่เห็นควรว่าไม่จำเป็นต้องใช้ อย่าง Stranger ซีรีส์สืบสวนคอรัปชั่นในเเวดวงอัยการ กวาดรางวัลมากมายทั่วเกาหลีในปี 2017 เเละมีเพลงประกอบถึง 10 พาร์ท เเต่กลับถูกใช้จริงในซีรีส์เเค่ Back In Time (Part 9) ที่ร้องโดย ปีเตอร์ฮัน (Peter Han) เเละเน้นไปทางใช้ดนตรีของนักประพันธ์ชื่อดังอย่าง คิมจุนซ็อก (Kim Jun-Seok) เพื่อตรึงโทนที่ขึงขังจริงจัง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องของผกก.อันกิลโฮ (Ahn Gil-Ho) นอกจากเรื่องนี้ก็มียังมีซีรีส์เกาหลีอีกไม่น้อยที่เน้นไปทางใช้ดนตรีมากกว่าเพลงประกอบ โดยเฉพาะช่อง OCN ที่ซีรีส์มักมีเนื้อหาเข้มข้น มืดมน ไม่มีเลิฟไลน์ การใช้เพลงประกอบอาจทำให้ซีรีส์หลุดไปจากอารมณ์ที่ผู้สร้างต้องการจะสื่อได้
เเม้ว่าเกาหลีจะเป็นชาติที่มียอดผู้ชมวิดีโอบน Youtube ติดระดับท็อป 10 ของโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา เเต่การปล่อยเพลงเเละมิวสิกวิดีโอบนแพลตฟอร์มนี้ ไม่ได้มุ่งหวังไปยังตลาดผู้ชมในประเทศ เพียงเเต่เป็นการส่งออกศิลปะเเละวัฒนธรรมเพลงไปยังกลุ่มผู้ชมทั่วโลก เพราะบางวิดีโอได้ถูกรัฐบาลบล็อก VPN ไม่ให้คนเกาหลีเข้าถึง เหตุผลหนึ่งเพื่อหวังให้คนในประเทศเน้นใช้บริการสตรีมมิ่งของตัวเอง อาทิ Melon, Naver TVcast ที่ยอดดาวน์โหลด ยอดวิวต่างๆจะถูกเเบ่งเปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นรายได้ให้กับค่ายเพลง นักร้อง นักเเต่งเพลง เเละสตรีมมิ่ง สร้างรากฐานที่คอยหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมเพลงอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันก็ส่งผลถึงยอดวิวบางรายการที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะพวกมิวสิกวิดีโอประกอบซีรีส์ที่ส่วนใหญ่จะเเตะเเค่ล้านต้นๆ น้อยครั้งที่จะไปถึง 50, 60 หรือหลัก 100 ล้านวิว เหมือนอย่าง Descendants of the Sun ซีรีส์ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในปี 2016 คว้ารางวัลสูงสุดจาก แพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ (Baeksang Arts Awards) ครั้งที่ 52 โดยพล็อตโฟกัสไปยังวิชาชีพเเพทย์เเละทหาร ตั้งคำถามทางเลือกระหว่างความรักเเละหน้าที่ ซึ่งสารถูกส่งเสริมผ่านเพลงประกอบ 10 เพลงที่ขับร้องโดยเหล่าศิลปินชื่อดัง ได้อย่างไพเราะเเละมีประสิทธิภาพ จนหลาย ๆ เพลงมียอดวิวถล่มทลายบน Youtube ขึ้นไปติดท็อป 10 มิวสิกวิดีโอประกอบซีรีส์เกาหลีที่มียอดวิวสูงสุดตลอดกาล
TOP10 OST ที่มียอดวิว MV เพลงสูงสุดตลอดกาลบน Youtube (ที่ปล่อยผ่านทางแชนแนล Official เท่านั้น)
อันดับ 1 | ‘Stay With Me’ จากซีรีส์ Goblin ขับร้องโดย ชานยอล (EXO) เเละ พันช์ (Punch) ยอดผู้ชม 204.4 ล้านวิว
อันดับ 2 | ‘This Love’ จากซีรีส์ Descendants of the Sun ขับร้องโดย ดาวิชี (DAVICHI) ยอดผู้ชม 107.1 ล้านวิว
อันดับ 3 | ‘Everytime’ จากซีรีส์ Descendants of the Sun ขับร้องโดย เฉิน (EXO) เเละ พันช์ (Punch) ยอดผู้ชม 106.0 ล้านวิว
อันดับ 4 | ‘Beautiful’ จากซีรีส์ Goblin ขับร้องโดย ครัช (Crush) ยอดผู้ชม 82.3 ล้านวิว
อันดับ 5 | ‘Say Yes’ จากซีรีส์ Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo ขับร้องโดย โลโค่ (Loco) เเละ พันช์ (Punch) ยอดผู้ชม 66.2 ล้านวิว
อันดับ 6 | ‘Talk Love’ จากซีรีส์ Descendants of the Sun ขับร้องโดย เควิลล์ (K.will) ยอดผู้ชม 63.7 ล้านวิว
อันดับ 7 | ‘Always’ จากซีรีส์ Descendants of the Sun ขับร้องโดย ยุนมีเร (Yoon Mi Rae) ยอดผู้ชม 63.5 ล้านวิว
อันดับ 8 | ‘Beautiful’ จากซีรีส์ EXO Next Door ขับร้องโดย แบคฮยอน (EXO) ยอดผู้ชม 57.4 ล้านวิว
อันดับ 9 | ‘For You’ จากซีรีส์ Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo ขับร้องโดย เฉิน, แบคฮยอน, เเละ ซิ่วหมิน (EXO-CBX) ยอดผู้ชม 56.3 ล้านวิว
อันดับ 10 | ‘You Are My Everything’ จากซีรีส์ Descendants of the Sun ขับร้องโดย กัมมี่ (Gummy) ยอดผู้ชม 48.3 ล้านวิว
หวังว่าบทความนี้จะทำให้หลายๆคนรับรู้ถึงอิทธิพลของเพลงประกอบซีรีส์เกาหลีที่เเตกต่างเเละพิเศษกว่าชาติอื่นๆ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงองค์ประกอบที่เชื่อมอารมณ์คนดูเข้ากับเนื้อหา เเต่โยงใยไปถึงการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างชาติ การส่งออกวัฒนธรรม เเละเป็นอีกหนึ่งตัวเเปรสำคัญที่ผลักดันอุตสาหกรรมเพลงเคป๊อปจนปัจจุบันมีมูลค่ากว่าเเสนล้านบาท…
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : เหตุใด ซีรีส์เกาหลี ถึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก?…
บทความโดย Review_me สามารถติดตามคอนเทนต์อื่นๆจากนักเขียนได้ทาง เพจ Review-me / Twitter : @Review_me / Pantip : In The Darkness
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries