รู้จัก ‘อีบูจิน’ ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้ กับดราม่ารักข้ามชนชั้น และ เรียนรู้หลักคิดในการทำธุรกิจของเธอ
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่บทความแรกของเราใน Korseries นะคะ อยากขอบคุณทาง Korseries ที่ชวนมาเขียนในคอลัมน์เปิดใหม่ Korbiz เพื่อแบ่งปันเรื่องราวและมุมมองธุรกิจจากเกาหลีใต้ บทความแรกนี้คิดอยู่นานเหมือนกัน ว่าจะนำเสนอหัวข้ออะไรดีให้ชาว Korseries ได้อ่านกัน หลังจากนั่งคิดนอนคิดเกือบเดือน เลยขอแบ่งปันเรื่องราวของผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้ เพราะชีวิตเธอนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย แถมเธอยังเป็นนักธุรกิจหญิงเกาหลีที่ได้ชื่อว่าชาญฉลาดอย่างยิ่ง และอีกอย่างเธอคนนี้ยังสวยมาก ซึ่งสื่อในเกาหลีต่างให้ความสนใจในทุกอิริยาบถและการปรากฏตัวของเธอยิ่งกว่าคนดังในวงการบันเทิง และยังเรียกเธอว่าเป็น ‘แฟชั่นนิสตาแห่งโลกธุรกิจเกาหลี’ เธอคนนี้ครบเครื่องทั้งความ สวย รวย เก่ง บทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ อีบูจิน ประธาน และ CEO เครือ Shilla ที่ดูแลทั้งโรงแรม และธุรกิจ Duty Free ซึ่งเป็นธุรกิจที่โดดเด่นภายใต้อาณาจักร Samsung
ลูกสาวแชบอลคนเก่งผู้ได้รับฉายาว่า “เก่งเหมือนพ่อ”
อีบูจิน (Lee Boo-jin) เกิดปี 1970 ปัจจุบันอายุ 51 ปี เธอเป็นลูกสาวของ “อีกอนฮี” (Lee Kun-hee) ประธานเครือซัมซุงที่ถือเป็นวีรบุรุษผู้พลิกโฉมซัมซุงจากบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปให้ขึ้นมาเป็นแบรนด์เทคโนโลยีระดับโลก โดย อีกอนฮี มีลูก 4 คน คือ ลูกชายคนโต (และเป็นลูกชายเพียงคนเดียว) ชื่อ อีแจยง (Lee Jae-yong) ส่วนที่เหลืออีก 3 คนเป็นลูกสาวหมดเลย ได้แก่ อีบูจิน, อีซอฮยอน (Lee Seo-hyun), และ อียุนฮยอง (Lee Yoon-hyung) ทั้งนี้ อียุนฮยอง ได้เสียชีวิตแล้วจากการฆ่าตัวตายอย่างปริศนาในปี 2005
ยุคก่อนหน้านี้ ตระกูลธุรกิจดังของเกาหลีมักให้ความสำคัญแก่ลูกชายเป็นหลัก โดยเฉพาะการบริหารธุรกิจนั้น หลายตระกูลถึงขั้นแบ่งสัดส่วนหุ้นให้ลูกชายมากกว่า แต่ในกรณีของ อีกอนฮี เขาถือเป็นนักธุรกิจแชบอลที่ให้ความสำคัญแก่ลูกสาวไม่น้อย โดยให้โอกาสลูกสาวได้ทำงานในเครือซัมซุงอย่างจริงจัง แต่การเป็นลูกสาวประธานเครือซัมซุง ก็ใช่ว่า อีบูจิน จะได้รับตำแหน่งระดับสูงทันที หลังเรียนจบปริญญาตรีจากสาขา Children’s Studies มหาวิทยาลัยยอนเซ เธอเริ่มต้นงานในปี 1995 ที่ Samsung Foundation ทั้งนี้แม้ Samsung Foundation จะมีความสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ธุรกิจหลักของเครือซัมซุง จนปี 2001 อีบูจิน ถึงมีโอกาสเข้าทำงานในโรงแรม Shilla และกว่าจะได้ขึ้นเป็นประธานและ CEO โรงแรม Shilla ก็ต้องรอจนปี 2010 เรียกได้ว่า เธอต้องเรียนรู้งานถึง 15 ปีกว่าจะได้รับโอกาสให้ขึ้นมาสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูง
และแม้จะเป็นลูกสาว แต่ อีบูจิน นั้นได้ชื่อว่า เหมือนพ่อมาก มีสไตล์การบริหารที่เฉลียวฉลาดและเก่งเหมือนอีกอนฮี จนสื่อเกาหลีให้ฉายาเธอว่า “Little Lee Kun-hee”
ลูกสาวแชบอลผู้หลงรักบอดี้การ์ด
สวย ฉลาด เก่งเหมือนพ่อ อีบูจินคือ Daddy’s girl ขั้นสุดก็ว่าได้ แต่กระนั้น เธอก็ตัดสินใจทำเรื่องที่แหกขนบธรรมเนียมของคนตระกูลดังในขณะนั้น ด้วยการตกหลุมรักชายหนุ่มที่ด้อยกว่าทั้งเงินตราและสถานะทางสังคม เขาคนนั้นคือ อิมอูแจ (Im Woo-jae) อดีตบอดี้การ์ดในเครือซัมซุง อิมอูแจเคยเล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า เขาทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้อีกอนฮี และมีโอกาสได้ดูแลความปลอดภัยให้อีบูจินด้วย
ในแง่การแต่งงานนั้น ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1999 โดยอิมอูแจให้ข้อมูลว่า อีบูจินเป็นคนพูดเรื่องแต่งงานก่อน ส่วนตัวเขาเห็นว่าสถานะแตกต่างกันเกินไป แต่ลงท้าย ประธานซัมซุงอย่างอีกอนฮี ก็เสนอแนะให้ทั้งคู่แต่งงานกัน พิธีแต่งงานระหว่างลูกสาวแชบอลคนดังในยุคนั้นกับบอดี้การ์ดส่วนตัวจึงถูกจัดขึ้น
หลังแต่งงาน อิมอูแจ ต้องบินไปศึกษาหลักสูตรธุรกิจที่ MIT ประเทศอเมริกา เพื่อพิสูจน์ตนเอง โดยการไปเรียน MIT ครั้งนั้น เขาบินไปโดยไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษแม้แต่นิดเดียว เขาเคยให้นิยามแก่ประสบการณ์ครั้งนั้นว่า “เหมือนฝันร้าย”
อย่างไรก็ตาม หลังจบจาก MIT อิมอูแจได้กลับมาทำงานในเครือซัมซุง จนขึ้นมาสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงของบริษัท Samsung Electro-Mechanics ซึ่งเป็นอีกบริษัทที่สำคัญของเครือ Samsung
ทว่า หลังแต่งงานกันได้ 15 ปี อีบูจินก็ยื่นฟ้องหย่าขาดจากอิมอูแจ การฟ้องหย่าครั้งนี้ถือเป็นข่าวใหญ่ในเกาหลีใต้ ผลที่ตามมาจากการฟ้องหย่า คือการแย่งชิงสิทธิ์ในการดูแลลูกชายคนเดียวของทั้งคู่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการแบ่งสินสมรสที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันหลายครั้ง โดยในช่วงที่ฟ้องร้องอย่างดุเดือดนั้น อิมอูแจได้ฟ้องขอแบ่งสินสมรสเป็นเงินจำนวน 1.1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท) โดยถือว่าเป็นการฟ้องสินสมรสที่มีมูลค่าสูงสุดเท่าที่เคยเกิดในประวัติศาสตร์เกาหลีเลย อย่างไรก็ตามแต่ สุดท้ายแล้ว อิมอูแจก็ไม่ได้รับสินสมรสตามจำนวนเท่าที่เรียกร้องแต่อย่างใด
ในช่วงที่มีการฟ้องร้องหย่านั้น ก็มีข่าวลือหลายกระแสออกมาตอบโต้กันจากทั้งสองฝ่าย โดยทนายฝั่งอีบูจินก็จะอ้างว่า อิมอูแจติดสุราและทำร้ายร่างกายอีบูจิน ขณะที่อิมอูแจก็ออกมาปฏิเสธและบอกว่า ทนายฝั่งเครือ Samsungพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง
ปัจจุบัน ศาลได้มอบสิทธิในการดูแลลูกชายให้ตกเป็นของอีบูจิน โดยที่อีบูจินต้องจ่ายเงินส่วนแบ่งสินสมรสแก่อดีตสามีจำนวน 8.6 พันล้านวอน (234 ล้านบาท)
ถือเป็นการปิดตำนาน “รักระหว่างลูกสาวแชบอลและบอดี้การ์ด” … แต่นี่อาจเป็นสัจธรรมของชีวิตที่เกิดได้กับมนุษย์ทุกคน-ไม่ว่าจะฐานะไหน รักได้ ก็เลิกได้ จริงแท้ที่สุด
หญิงแกร่งผู้พา Shilla สยายปีกกว้าง
นอกเหนือจากเรื่องความรักที่อีบูจินสร้างตำนานตั้งแต่ตอนคบหา แต่งงาน จนหย่าร้าง ในแง่มุมของการทำงาน เธอก็ถือเป็นอีกตำนานของผู้บริหารหญิงเกาหลีใต้ ที่ใช้ความเฉลียวฉลาดและความเก่งกาจด้านบริหาร จนพาโรงแรม Shilla สยายปีกกว้าง นอกจากธุรกิจโรงแรมและศูนย์ประชุมชั้นนำแล้ว เธอยังบริหารจนพา Shilla เติบโตในธุรกิจ Duty Free (ธุรกิจสินค้าปลอดภาษี) โดยธุรกิจ Duty Free ของ Shilla นั้นใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Lotte
ระหว่างช่วงปี 2010 – 2014 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่อีบูจินเริ่มเข้ามาบริหารโรงแรม Shilla แบบจริงจังนั้น เธอได้บริหารจนสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ทำกำไรเพิ่มขึ้น 61 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014
ผลงานสำคัญของเธอ คือ การเจรจาให้เครือ LVMH ลงร้านค้าในธุรกิจ Duty Free เครือ Shilla รวมถึงการเจรจาให้รัฐบาลเกาหลีใต้อนุมัติโครงการสร้าง Hanok Hotel (โรงแรมที่ออกแบบโครงสร้างแบบบ้านเก่าเกาหลี)
แม้เธอจะเป็นลูกสาวตระกูลดังของเกาหลี แต่ว่ากันว่าผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ของเครือโรงแรม Shilla นั้น เกิดจากฝีมือบริหารของเธอล้วน ๆ โดยหลักคิดในการบริหารงานของอีบูจินนั้น จะเน้นไปที่การให้เครดิตทีมงาน โดยหากธุรกิจไปได้ดี เธอจะยกความดีความชอบให้ทีมงาน ขณะที่หากมีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น เธอจะเสนอตัวรับผิดชอบเอง เรียกได้ว่า เป็นผู้นำหญิงแกร่งที่แทบจะไม่กล่าวโทษทีมงาน จึงซื้อใจผู้ใต้บังคับบัญชาไว้ได้
ครั้งหนึ่งในปี 2015 อีบูจิน เคยพูดกับเหล่าผู้บริหารเครือโรงแรม Shilla ในการประชุมเพื่อจัดงานใหญ่ชิ้นหนึ่ง เนื่องจากงานใหญ่นั้นเธอไม่สะดวกเข้าร่วม เธอจึงพูดเติมพลังและลดความกังวลแก่ทีมงานว่า
“If it goes well, it’s yours. And if it falls, it’s my fault.”
หรือแปลเป็นไทยก็คือ
“หากงานไปได้ดี นั่นคือฝีมือของพวกคุณ แต่หากงานพัง มันคือความผิดของฉันเอง”
ความเฉลียวฉลาดและเก่งกาจในการบริหารงานของเธอ ทำให้ธุรกิจที่เธอดูแลเติบโต จนเธอกลายเป็นนักธุรกิจหญิงที่โลกจับตา นับตั้งแต่ปี 2015 เรื่อยมา อีบูจินได้รับเลือกจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลของโลก และในปี 2020 เธอได้รับเลือกให้เป็น Power Women ลำดับที่ 90
ขณะเดียวกันในปี 2020 ก็ได้เกิดการระบาดของโควิด-19 แน่นอนว่าภาวะโรคระบาดย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรม และธุรกิจ Duty Free อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กระนั้นสินทรัพย์รวมของ อีบูจิน ก็ยังมากพอที่จะทำให้เธอยังคงรักษาตำแหน่ง “ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้” ไว้ได้ โดยเมื่อ 20 มกราคม 2021 นั้น เธอมีสินทรัพย์รวม 2.1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ (6.3 หมื่นล้านบาท)
ปัจจุบัน เครือโรงแรม Shilla มีโรงแรมอยู่ 15 แห่ง โดยแบ่งเป็น 3 แบรนด์ย่อย คือ The Shilla จำนวน 2 แห่ง (อยู่ที่โซลและเกาะเชจู), แบรนด์ Shilla Monogram ที่เมืองดานัง เวียดนาม 1 แห่ง, และ Shilla Stay ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ จำนวน 12 แห่ง
ส่วน Duty Free นั้น มีทั้งหมด 9 แห่ง อยู่ที่เกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเก๊า, และไทย
โดยของไทยนั้น ตั้งอยู่ที่ตัวเมืองภูเก็ต จำนวน 1 แห่ง
ผลประกอบการของเครือโรงแรม Shilla เป็นดังนี้
ปี 2017 มีรายได้ 3.5 ล้านล้านวอน (9.56 หมื่นล้านบาท) กำไรสุทธิ 2.5 หมื่นล้านวอน (688 ล้านบาท)
ปี 2018 มีรายได้ 4.7 ล้านล้านวอน (1.28 แสนล้านบาท) กำไรสุทธิ 1.1 แสนล้านวอน (3 พันล้านบาท)
ปี 2019 มีรายได้ 5.7 ล้านล้านวอน (1.55 แสนล้านบาท) กำไรสุทธิ 1.7 แสนล้านวอน (4.6 พันล้านบาท)
สำหรับผลประกอบการปี 2020 นั้น ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด จึงติดลบ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2021 นี้ คงต้องมาลุ้นกันต่อว่าภายใต้การนำของ อีบูจิน จะสามารถพาเครือโรงแรม Shilla ทำกำไรในโลกที่ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังซบเซาได้หรือไม่
ดราม่าระลอกใหม่? ใครจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 Samsung?
ธุรกิจที่โดดเด่นจนทำให้ Samsung กลายเป็นเครือบริษัทระดับโลกนั้น ได้แก่ ธุรกิจบริษัท Samsung Electronics ที่เน้นพัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบัน ผู้เป็นเบอร์ 1 ของ Samsung Electronics ได้แก่ อีแจยง พี่ชายของอีบูจิน ซึ่งปัจจุบัน อีแจยง ยังดำรงตำแหน่งรองประธานSamsungด้วย โดยหลังอีกอนฮีสิ้นลมเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 ตำแหน่ง “ประธาน” เครือSamsung ก็ว่างลง ทั้งนี้นับแต่อีกอนฮีล้มป่วยเมื่อปี 2014 อีแจยง ก็ถือเป็นเสาหลักในการบริหารเครือ Samsung มาตลอด
อย่างไรก็ดี จากการที่ อีแจยง เข้าไปพันพันกับกรณี “ติดสินบน” ผู้ช่วยอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย (Park Geun-hye) ทำให้เขาถูกศาลสูงกรุงโซลสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง ทั้งนี้เขาเคยถูกตัดสินจำคุกมาก่อนในปลายปี 2017 และถูกปล่อยตัวเป็นอิสระชั่วคราวในปี 2018 ซึ่งกรณีดราม่าของ อีแจยง ถือว่าสร้างรอยด่างพร้อยให้แก่อาณาจักร Samsung อย่างยิ่ง
ในช่วงปลายปี 2017 ที่อีแจยงถูกจำคุกหนแรก สื่อมวลชนเกาหลีมีการคาดเดาว่าใครจะขึ้นมากุมบังเหียนเบอร์ 1 ของ Samsung แทนเขา โดยสายตาส่วนมากต่างจับจ้องไปที่ อีบูจิน น้องสาวซึ่งเป็นลูกรักของพ่อ และเป็นนักธุรกิจหญิงผู้เก่งกาจของเกาหลีใต้
ทว่า อีบูจิน ก็ไม่ได้มีท่าทีอยากจะขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของ Samsung ครั้นเมื่อ อีแจยง ถูกปล่อยตัวในต้นปี 2018 เขาก็กลับมาบริหารงาน Samsung ตามปกติ สำหรับการต้องโทษจำคุก 2 ปีครึ่งหนล่าสุดนี้ แม้จะกระทบการดำเนินงานของ Samsung ในฐานะแบรนด์ระดับโลก แต่เนื่องจากมี CEO ที่ดูแล 3 ธุรกิจหลัก คือ เซมิคอนดักเตอร์, มือถือ, และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อยู่แล้ว ทำให้ อีบูจิน ไม่น่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานบริหารของ Samsung Electronics รวมถึงเครือ Samsung แต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการแบ่งสายงานกันค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ว่า อีบูจิน จะเน้นบริหารธุรกิจโรงแรมและธุรกิจ Duty Free
แนวโน้มที่น่าจะเป็นไปได้ คือ การที่ อีบูจิน พาเครือโรงแรม Shilla ออกจากอาณาจักรซัมซุง โดยก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ขอแยกตัวออกมาเพราะพ่อยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังการจากไปของอีกอนฮี ก็มีความเป็นได้ที่เราจะได้เห็นเครือโรงแรม Shilla แยกตัวออกมาจากเครือซัมซุง
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์เช่นกัน ว่า อีบูจิน อาจไม่พาโรงแรม Shilla ออกไปบริหารแยกเอง ส่วนหนึ่งเพราะเธอไม่ได้ถือหุ้น Shilla โดยตรง ทว่าถือสัดส่วนหุ้นของ Samsung C&T และ Samsung SDS เท่านั้น (ถือว่า 5.5% และ 3.9% ตามลำดับ)
ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน – ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการคาดการณ์ แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดที่เรารู้ได้ในตอนนี้คือ อีบูจิน นับเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในเกาหลีใต้จนกว่าจะมีใครมาแทนที่ตำแหน่งนี้นั่นเอง
หมายเหตุ : ข้อมูลในบทความ คำนวณโดยอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเดือน มกราคม 2021
_________________
เกี่ยวกับผู้เขียน : ติ๊กต่อก
ติ๊กต่อก เป็นผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการเว็บไซต์ www.oppamart.co ซึ่งเน้นบอกเล่าเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับแบรนด์สินค้าและธุรกิจของเกาหลีใต้ เธอสนใจและติดตามเรื่องราวของเกาหลีใต้มาตั้งแต่ปี 2007 จบการศึกษาด้านนโยบายสาธารณะจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ปัจจุบันทำงานเขียนบทความฟรีแลนซ์โดยปักหลักที่ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์
ทั้งนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับแอพพลิเคชั่น TikTok (แต่ถ้าทางแอพจะจ้างงานเธอก็ไม่ติดขัดอะไร >< )
อ้างอิง
https://www.shilladfs.com/comm/kr/en/main
https://www.shilla.net/seoul/index.do
https://www.matichonweekly.com/column/article_53003
http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210119000847
https://mgronline.com/around/detail/9640000004959
https://www.koreatimes.co.kr/www/tech/2020/10/694_298329.html
https://th.investing.com/equities/hotel-shilla-financial-summary
http://english.hani.co.kr/arti/english_edition/e_business/748512.html
http://www.koreatimes.co.kr/www/news/biz/2013/08/123_130243.html
https://en.yna.co.kr/view/AEN20200127001100315
http://celebonline.in.th/celebrity/worldceleb/47223/
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡