ถ้าถามถึงพระเอกคนแรกที่ทำให้เปิดโลกและก้าวเข้าสู่วงการคอซีรีส์เกาหลีแบบเต็มตัว หลายคนอาจมีคำตอบคล้ายกัน นั่นคือ “จูจีฮุน” หรือ “องค์รัชทายาทลีชิน” จาก เจ้าหญิงวุ่นวายเจ้าชายเย็นชา (Princess Hours) ที่ห่างหายจากบทบาทพระเอกซีรีส์รักหวาน ๆ ไปนาน แต่ล่าสุดเขากลับคัมแบคด้วยผลงานซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ Love Your Enemy ในบทบาท ซอกจีวอน อดีตผู้อำนวยการบริหารของบริษัทด้านก่อสร้าง ซึ่งมาทำงานเป็นประธานในโรงเรียนไฮสคูลที่เขาเรียนจบ
กว่าที่จะได้เห็นจูจีฮุนกลับมาในพิสูจน์ฝีมือในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้อีกครั้ง เขาได้ผ่านมรสุมชีวิต รวมทั้งพัฒนาฝีมือการแสดงทั้งจากภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องไหนบ้าง วันนี้ Korseries จะพาทุกคนไปรู้จักเส้นทางชีวิตของหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้นผ่านบทความ SPOTLIGHT กัน
จูจีฮุน (Ju Ji Hoon / 주지훈) เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1982 อายุ 42 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคยองกี ปัจจุบันสังกัดภายใต้ BLITZWAY ENTERTAINMENT ร่วมกับนักแสดงชื่อดังมากมาย อาทิ ควักดงยอน จองรยอวอน อูโดฮวาน และ ยุนพัค เมื่อย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นเขาเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบจากรูปร่างสูงยาวเข่าดี และหน้าตาหล่อเหลาเป็นเอกลักษณ์
กระทั่งในปี 2006 เขาก็ได้เริ่มต้นเส้นทางใหม่ในฐานะนักแสดงจูจีฮุนกับผลงานเดบิวต์ซีรีส์โรแมนติก เรื่อง Princess Hours หรือ เจ้าหญิงวุ่นวายเจ้าชายเย็นชา และผลงานนี้ก็ได้พลิกชีวิตของเขาไปตลอดกาล ด้วยปรากฏการณ์ความฮอตกับบทบาท “องค์ชายลีชิน” ที่ดังเป็นพลุแตกไปทั่วเอเชีย การันตีด้วยรางวัล Best New Actor จากเวที MBC Drama Awards และในปีต่อมาเขาก็ได้พิสูจน์ฝีมือในซีรีส์สืบสวนสอบสวนอย่าง The Lucifer (2007) ประกับนักแสดงมากฝีมือ ออมแทอุง และ ชินมินอา
ไม่เพียงรันวงการซีรีส์เท่านั้น แต่พระเอกคิวทองคนนี้ ยังได้รับโอกาสมาเฉิดฉายในแวดวงภาพยนตร์โดยประเดิมผลงานเรื่องแรกกับ Antique (2008) ที่รีเมคจากการ์ตูนญี่ปุ่นขายดี และจูจีฮุนก็ถ่ายทอดชีวิต “คิมจินฮยอก” หนุ่มเซอร์ทายาทร้านขนมชื่อดังที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งเงินทอง หน้าตา แต่สิ่งที่เขาตามหาคือรักแท้ออกมาได้อย่างลงตัว และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เขาได้รับรางวัล Most Popular จากเวที 2009 (45th) BaekSang Arts Awards ด้วย
ปีถัดมา จูจีฮุนยังคงทำหน้าที่นักแสดงอย่างเต็มที่ ในภาพยนตร์ The Naked Kitchen (2009) กับการถ่ายทอดเรื่องราวรักสามเส้าที่ครั้งนี้ได้กลับมาร่วมงานกับ ชิมมินอา อีกครั้ง พร้อมประชันบทบาทกับนักแสดง คิมแทอู แม้จะมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องแต่เส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบกลับต้องหยุดชะงักทันที เมื่อ จูจีฮุน ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งศาลยังตัดสินจำคุก 6 เดือน รอลงอาญา 1 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์อีก 120 ชั่วโมง พร้อมจ่ายค่าปรับ
จากความนิยมที่พุ่งทะยานจนฉุดไม่อยู่ งานแสดงทั้งซีรีส์และภาพยนตร์มากมายที่ถูกทาบทามให้รับบทกลับพังทลายและหายไปเพียงชั่วข้ามคืน กระแสด้านลบนี้ถูกโหมกระหน่ำผ่านการรายงานข่าวไปทั่วโลก สุดท้าย แม้จะรับโทษตามกฎหมายแล้ว นักแสดงหนุ่มก็ตัดสินใจเข้ากรมรับใช้ชาติในช่วงเวลานั้นต่อทันที
ห่างหายจากวงการบันเทิงเกาหลีใต้ไปนานถึง 3 ปี เขากลับมาอีกครั้งใน Five Fingers (2012) บทบาท “ยูจีโฮ” นักเปียโนอัฉริยะที่แม้จะเป็นเด็กกำพร้าแต่ได้รับการอุปถัมป์จากครอบครัวร่ำรวย เจ้าของบริษัทผลิตเปียโนชื่อดัง ท่ามกลางการแย่งชิงความรักและความแค้นในครอบครัวกับน้องชายต่างสายเลือดที่รับบทโดย จีชางอุค ซึ่งจูจีฮุนก็ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่สมกับการหวนคืนวงการบันเทิงอีกครั้ง และในปีเดียวกัน เขาก็ปล่อยพลังการเป็นนักแสดงแบบใส่ไม่ยั้งในภาพยนตร์ I am the King (2012) กับบทฝาแฝดสามัญชนและพระราชาที่ไม่เอาไหน การเล่น 2 บทบาทที่ต่างกันสุดขั้วนี้เองก็ทำให้ผู้ชมเริ่มเปิดรับเขาอีกครั้ง และเป็นอีกผลงานสำคัญที่เขาก้าวได้มั่นคงมากยิ่งขึ้น
ในปี 2013 จูจีฮุน กลับมากับบทบาทหนุ่มเย็นชาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เป็นทีมคุณหมออัจฉริยะจากซีรีส์ Medical Top Team นับเป็นอีกบทบาทที่คอซีรีส์ต่างตกหลุมรักคุณหมอไปตาม ๆ กัน โดยเรื่องนี้เขายังได้ประชันบทบาทกับนักแสดงชื่อดังมากมาย ทั้ง ควอนซังอู จองรยอวอน ชเวมินโฮ SHINee และโอยอนซอด้วย และในปีเดียวกันเขายังได้แสดงในภาพยนตร์ถึง 2 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์จีนสุดเร้าร้อนเรื่อง Love Suspects (2013) และภาพยนตร์ Marriage Blue (2013) งานรอมคอมแนวรวมเรื่องสั้นของคู่รักหนุ่มสาวชีวิตคนเมืองและในปีถัดมาเขาก็ยังมีงานภาพยนตร์มาให้ผู้ชมได้ติดตามกันต่อกับ Confession (2014) ที่บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนสนิท 3 คน ที่เติบโตมาด้วยกัน แต่กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เคลือบแคลงใจและสงสัยซึ่งกันและกันหลังมีส่วนพัวพันกับเรื่องผิดกฎหมายที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งเรื่องนี้จูจีฮุนได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือจีซองและอีกวางซู ด้วย
เหมือนทางที่ส่องไปด้วยสปอร์ตไลต์ของจูจีฮุนจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากเขาตัดสินใจแสดงในซีรีส์เรื่อง Mask (2015) บอกเล่าเรื่องราวทายาทตระกูลดังที่ต้องสืบทอดกิจการและต้องแต่งงานกับลูกสาวจากตระกูลร่ำรวยที่ผู้ใหญ่จัดหาไว้ให้ และซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำให้คอซีรีส์ตกหลุมรักเขาอีกครั้งด้วยการแสดงความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมาได้อย่างลงตัว และซีรีส์เรื่องนี้ยังทำให้เขาได้รับรางวัล Excellent Actor และ Ten Star Award จาก 2015 SBS Drama Awards ด้วย ความฮอตที่พุ่งเข้ามาก็เริ่มฉุดไม่อยู่ เพราะจูจีฮุนยังปล่อยผลงานภาพยนตร์ The Treacherous (2015) ภาพยนตร์อีโรติกที่เขาได้ปล่อยของทั้งงานสายตา สีหน้า อินเนอร์ จนเห็นได้ชัดถึงพัฒนาการด้านการแสดงที่ก้าวไปอีกขั้นจนขนลุกจนใครหลายคนยกให้เขาเป็นนักแสดงมากฝีมือแถวหน้าคนหนึ่งของเกาหลีใต้ได้อย่างเต็มปาก
ด้วยความหลงใหลในการแสดงจอเงิน และความกระหายพิสูจน์ฝีมือในฐานะนักแสดง จูจีฮุน ยังคงเดินหน้าท้าทายกับบทบาทที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ในปี 2016 เขาได้รับบท คุณตำรวจ มุนซอนโม จาก Asura: The City of Madness หนังบล็อกบัสเตอร์ของเกาหลีที่กวาดรางวัลมากมายผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของนักสืบที่ทำงานสกปรกให้นักการเมืองท้องถิ่นแต่กลับถูกแบล็กเมล์จนต้องหักหลังพวกเดียวกัน โดยจูจีฮุนเองก็ได้รับรางวัล Popular Film Star Award จากเวที 2016 The Korea Film Actor’s Association ด้วยผลงานชิ้นนี้เช่นกัน
ต่อมาในปี 2017 จูจีฮุนก็ได้ร่วมเป็นหนึ่งในนักแสดงนำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Along With the Gods: The Two Worlds (2017) กับบทบาท นักรบยมทูตสุดเท่ “แฮวอนเมก” ขาเกรียนฮาประจำทีม แต่ฝีมือต่อสู้ขั้นเทพ และในปี 2018 นับเป็นปีทองของหนุ่มจูจีฮุนกับผลงานภาพยนตร์ 3 เรื่องติด ที่ได้กระแสตอบรับอย่างท่วมท้น และทำให้เขากวาดรางวัลไปอย่างถล่มทลาย ทั้งรางวัล Best Supporting Actor ในเวที 2018 27th Buil Film Awards และ เวที 2018 38th Korean Association of Film Critics Awards จากภาพยนตร์เรื่อง The Spy Gone North (2018)
รางวัล Best Actor ในเวที 2018 23rd KCA Consumer Day Awards จากภาพยนตร์เรื่อง Along with the Gods: The Two Worlds (2018) รวมถึงรางวัล Best Actor ในงาน 2018 5th Korean Film Producers Association Awards จากภาพยนตร์เรื่อง Dark Figure of Crime (2018) หนังสืบสวนอาชญากรรมที่พล็อตแปลกใหม่ เล่นเกมจิตวิทยากัน โดยเขารับบทเป็น คังแทโอ หนุ่มขี้ยาซอมซ่อที่แท้จริงแล้วคือฆาตกรโรคจิตฆ่าหั่นศพอำพรางคดีโดยไร้ความรู้สึกและจิตสำนึกใด ๆ ตอกย้ำศักยภาพด้านการแสดงของหนุ่มหล่อคนนี้ได้เป็นอย่างดี
พักงานจอเงิน กระโดดมารับงานซีรีส์อีกครั้งก็ได้โปรเจ็กต์ใหญ่ 2 เรื่องมาให้ได้ท้าทายกันต่อกับ Item (2019) ในบทบาท คังกน อัยการที่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและจิตใจดี เพื่อที่จะช่วยเหลือ ดาอิน หลานสาวของเขาให้รอดพ้นจากอันตราย เขาต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับสิ่งของชิ้นหนึ่งซึ่งมีพลังเหนือธรรมชาติ ก่อนที่จูจีฮุนจะมาสร้างตำนานบทใหม่กับซีรีส์ยอดฮิต Kingdom (2019) ในบทบาท องค์รัชทายาทอีชาง ที่พยายามค้นหาความจริงเบื้องหลังอาการป่วยของพระราชบิดา และพบว่าเกิดโรคประหลาดกำลังแพร่กระจายจนทำให้คนกลายเป็นอสูรกาย ด้วยเนื้อเรื่องสุดเข้มข้นทำให้ซีรีส์นี้ปลุกกระแสซอมบี้เกาหลีไวรัลไปทั่วโลกได้อีกครั้ง ทั้งยังทำให้เขาได้รับรางวัล Best Actor จากเวที 2020 2nd Asia Contents Awards ด้วย
เมื่อกระแสแรงแบบฉุดไม่หยุด Kingdom Season 2 (2020) ก็มาสานตำนานบทใหม่ต่อ พร้อม ๆ กับซีรีส์ Hyena (2020) กฎหมายที่จูจีฮุนในบทบาท ยุนฮีแจ ทนายความหนุ่มที่มีพื้นฐานครอบครัวร่ำรวยและไฮโซมาเชือดเฉือนบทบาทกับนางเอกตัวแม่ คิมฮเยซู จนทำให้เขาได้รับรางวัล Best Actor จากเวที 2020 SBS Drama Awards และไม่ปล่อยให้กระแสเงียบหายไป Kingdom: Crown Prince (2021) ก็ตามมา และต่อด้วยซีรีส์สืบสวนสอบสวนสุดลึกลับ Jirisan (2021) กับการเป็น คังฮยอนโจ หนุ่มนักปีนเขาน้องใหม่ที่กำลังมาแรง จบการศึกษาจากโรงเรียนทหารและเป็นมีความลับบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ และกลายมาเป็นเพื่อนร่วมงานกับ ซออีคัง ที่รับบทโดยนักแสดงตัวแม่ตลอดกาล จอนจีฮยอน คดีที่ซับซ้อนที่ทำให้ลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้คอซีรีส์หลายคนถูกตกไปตาม ๆ กัน
หลังมีผลงานมาให้ได้ชมกันเรื่อย ๆ จูจีฮุน ก็เลือกพักงานซีรีส์ถึง 2 ปี เพื่อเดินหน้าในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ต่อกับภาพยนตร์แนวแอ็กชั่น-ดราม่าสุดเข้มข้นเรื่อง Hunt (2022) ที่บอกเล่าเรื่องราวการตามหาสายลับเกาหลีเหนือที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ และ Gentleman (2022) ในบทบาท จีฮยอนซู นักสืบเอกชนที่บังเอิญถูกจับข้อหาก่ออาชญากรรมทำให้ต้องพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองแต่ดันเข้าไปพัวพันกับคดีสำคัญอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจตามมาด้วยภาพยนตร์เรื่อง Ransomed ภาพยนตร์ที่ถูกจับตาเข้ากลุ่มเป็นหนึ่งใน BIG 4 ของหนังที่ออกฉายซัมเมอร์ในปี 2023 สร้างสรรค์โดยผู้กำกับ คิมซองฮุน จาก Kingdom โดยครั้งนี้จูจีฮุนมาในบทบาทของ คิมพันซู โชว์เฟอร์หนุ่มชาวเกาหลีที่เป็นมิจ (ฉาชีพ) ขับรถหาเงินอยู่ในกรุงเบรุต ก่อนจะได้รับงานช่วยตามหาทูตเกาหลีที่ถูกลักพาตัวในต่างแดน ซึ่งก็เล่นได้แสบทรวงน่าหมั่นไส้สมความเป็นมิจจริง ๆ
กลับมาที่ปัจจุบันหลายคนอาจเคยสงสัยว่าทำไมพระเอกที่เคยมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดถึงยังได้รับการยอมรับจากเหล่าคอซีรีส์และกลับมามีที่ยืนได้แบบทุกวันนี้ คำตอบจากทุกผลงาน และบทบาทน่าจะสะท้อนถึงความพยายามและความทุ่มเทในฐานะนักแสดง “จูจีฮุน” ออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงโอกาสต่าง ๆ ที่ถูกหยิบยื่นมาและเขากล้าที่จะคว้าไว้ และแน่นอนว่า ในปี 2024 นี้ก็ถือเป็นอีกปีทองสำหรับพระเอกวัย 42 ปีคนนี้ เพราะเขาจัดเต็มผลงานการแสดงทั้งภาพยนตร์ Project Silence (2024) ผลงานเขียนบทของผู้กำกับ คิมยงฮวา เจ้าของบทหนัง Along with the Gods : The Two Worlds (2017) ร่วมกับ พัคจูซอก ผู้เขียนบท Train to Busan (2016) ซึ่งเรื่องนี้เขามาในลุกหนุ่มผมยาว โจบัก ที่มีเจ้าหมา โจดี้ เป็นสุนัขคู่หู คอยตระเวนขับรถลากหางานไปตามท้องถนน กระทั่งกลายเป็นผู้ประสบภัยบนสะพานสนามบินหลังเกิดอุบัติเหตุรถชนกันครั้งใหญ่และต้องเผชิญกับสุนัขปริศนาที่หลุดออกมาจากแล็ปทดลองไล่ขย้ำผู้คนไปทั่ว
ขยับมาที่ฝั่งซีรีส์ปีนี้ จูจีฮุน มีผลงานต่อเนื่องถึง 4 เรื่อง ตั้งแต่ต้นปีกับ Blood Free (2024) กับการถ่ายทอดชีวิตของ อูแชอุน อดีตนายทหารหน่วยนาวิกโยธินที่สมัครเข้าเป็นบอดีการ์ดให้ CEO BF Group (รับบทโดย ฮันฮโยจู) ผู้พัฒนาสินค้าเนื้อเทียมเพาะเลี้ยงและส่งเสริมวิวัฒนาการด้านเซลล์ต่าง ๆ เพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในอดีต
ไปกันต่อกับซีรีส์ที่ออนแอร์เรื่องล่าสุด Love Your Enemy (2024) ผลงานซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่หลายคนตั้งตารอคอยในบทบาท ซอกจีวอน อดีตผู้อำนวยการบริหารของบริษัทด้านก่อสร้าง ซึ่งมาทำงานเป็นประธานในโรงเรียนไฮสคูลที่เขาเรียนจบ รวมถึงซีรีส์อีก 2 เรื่องที่มีแพลนจะออกมาให้ทุกคนได้รอชมกันในปีนี้อย่าง The Trauma Code: Heroes on Call (2024) และ Light Shop (2024) หากใครที่อยากติดตามเสน่ห์ของแดดดี้ 40+ ที่อายุยิ่งมากขึ้น ออร่าความหล่อก็ยิ่งทวีคูณ สามารถติดตามได้ทาง Instagram @_jujihoon แล้วมาติดตามกันต่อว่าบทบาทครั้งหน้าของจูจีฮุนจะเป็นอย่างไร
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡