ซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay ได้รับความสนใจตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นอกเหนือจากตัวพล็อต และ การแสดงของเหล่านักแสดงแล้ว ที่เป็นที่พูดถึงกันมากนั่นคือ “นิทาน” ที่ถูกใช้เป็นคอนเซ็ปต์ในการเล่าเรื่องราวในแต่ละตอน ซึ่งแฝงไว้ซึ่งความหมาย และยิ่งทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ผ่านการเล่าเรื่องมากยิ่งขึ้น ในวันนี้ โชว์มีเดอะซีรีส์ ขออาสาเพื่อน ๆ มาท่องโลกนิทาน ตั้งแต่ต้นถึงกลางเรื่องไปด้วยกัน~
บทความที่เกี่ยวข้อง : รวมนิทาน + บทวิเคราะห์ ซีรีส์ It’s Okay To Not Be Okay ฉบับที่ 2 (EP.9-16)
📚 Ep.0 นิทานของโกมุนยอง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…ในปราสาทลึกแห่งหนึ่งในป่ามีสาวน้อยโฉมงามอาศัยอยู่ วันหนึ่งสาวน้อยที่เหงาและเบื่อเพราะอยู่คนเดียวเสมอ ออกจากปราสาทเพื่อไปหาเพื่อนเล่นด้วย แต่ไม่ว่าเธอจะให้ของขวัญดีเลิศแค่ไหน ก็ไม่มีใครยอมรับเธอเลย
สาวน้อยมารู้เหตุผลหลังจากนั้นว่าเธอคือ ‘สัตว์ประหลาดที่มีเงาแห่งความตายติดตาม’ ผู้คนเรียกเธอแบบนั้น
“สัตว์ประหลาดล่ะ สัตว์ประหลาด”
สาวน้อยโกรธทุกคนบนโลกใบนี้มาก เธอต้องการระบายโทสะใส่ใครสักคน เธอตกปลาเพื่อหวังระงับโทสะ แต่กลับช่วยเด็กหนุ่มขึ้นมาจากความตายโดยไม่ตั้งใจ ตั้งแต่ช่วยเด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นมา เงาน่าหวาดกลัวที่คอยตามเธออยู่ตลอดนั้นก็หายไปอย่างประหลาด
กลายเป็นเด็กหนุ่มที่คอยเดินตามเธอเสมอแทน ไม่ว่าจะกลางวัน กลางคืน ขึ้นเขาหรือลงห้วย เขาก็จะเดินตามเธอต้อยๆ วันหนึ่งที่อากาศแจ่มใส สาวน้อยถามเด็กหนุ่มว่า “นี่ นายจะอยู่ข้างฉันตลอดไปใช่ไหม ?”
เด็กหนุ่มตอบอย่างมั่นใจทันทีว่า “แน่นอน ฉันจะไม่หนีไปไหนเด็ดขาด”
“ต่อให้เป็นแบบนี้น่ะเหรอ” ทันใดนั้นสาวน้อยก็ฉีกผีเสื้อออกเป็น 2 ท่อนพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนแวว เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นจึงวิ่งหนีไปทันที
หลังจากนั้นเงาแห่งความตายก็กลับมาหาสาวน้อย ที่เหลือตัวคนเดียวอีกครั้งและกระซิบบอกกับสาวน้อยว่า
“ไม่มีใครอยู่เคียงข้างแกได้หรอก เพราะว่าแกเป็นสัตว์ประหลาด อย่าลืมความจริงข้อนี้ล่ะ เข้าใจไหม ? “
สาวน้อยตอบกลับเสียงนั้นด้วยดวงตาที่ไร้แววไปว่า “ค่ะ…แม่”
————————————————————————————————————————————
📚 บทวิเคราะห์ Ep.0 นิทานของโกมุนยอง
นิทานเรื่องนี้คือเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของโกมุนยองที่ใช้ชีวิตไม่ต่างจากราพันเซลบนปราสาทต้องคำสาป เธอต้องอดทนกับการถูกแม่บังคับให้ไว้ผมยาวอยู่เสมอ ถูกแม่กรอกหูอยู่ทุกวันว่าเธอเป็นคนพิเศษมากเกินกว่าที่จะผูกมิตรกับใครได้ เมื่อใดที่เธอรู้สึกผูกพันกับใครมากไปกว่าขอบเขตที่แม่วางไว้ให้ คำขู่ที่จะทำร้ายใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิตของเธอก็จะเริ่มขึ้นทันที
ผมที่ถูกไว้จนยาวตามความต้องการของแม่แท้จริงแล้วมันคือเงาแห่งความตายที่ติดตามเธอไปทุกที่ เงานั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัวและตีตัวออกห่างเธอไปจนหมด แม้กระทั่งคังแทก็ยังหันหลังให้เธอ สุดท้ายเธอก็ต้องกลับมาเดียวดายอีกครั้ง…
📚 Ep.1 เรื่อง ‘เด็กน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย’
วันนี้หนุ่มน้อยตื่นเพราะฝันร้ายที่น่าหวาดกลัวเช่นเคย เพราะความทรงจำในอดีตที่อยากลืมตามมาหลอกหลอนในฝันทุกคืน ทำให้หนุ่มน้อยต้องทุกข์ทรมานไม่สิ้นสุด หนุ่มน้อยกลัวการนอนหลับอย่างยิ่ง วันหนึ่งเขาจึงไปหาแม่มดแล้วขอพร
“ท่านแม่มด ได้โปรดเถอะเพื่อไม่ให้ผมฝันร้ายอีก ช่วยลบความทรงจำเลวร้ายทั้งหมดในหัวผมที แล้วผมจะมอบทุกอย่างที่ท่านต้องการให้”
วันเวลาผ่านไป หนุ่มน้อยโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ฝันร้ายอีกต่อไปแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด เขาไม่มีความสุขเลยสักนิด
คืนที่จันทร์เต็มดวงสีเลือดลอยเด่น แม่มดปรากฎตัวอีกครั้ง เพื่อรับสิ่งตอบแทนจากพรที่ให้ไป แต่เด็กน้อยคนนั้นกลับตะโกนใส่แม่มดด้วยเสียงของผู้ใหญ่ที่คับแค้นใจว่า
“ลบความทรงจำเลวร้ายของผมไปหมดแล้ว แต่ทำไมผมยังไม่มีความสุขอีก!!!”
แต่หลังจากนั้นแม่มดก็เอาวิญญาณของเขาไปตามสัญญา แล้วพูดขึ้นว่า
“ความทรงจำที่เจ็บปวดและทุกข์ทรมาน ความทรงจำที่เสียใจอย่างสุดซึ้ง ความทรงจำที่ทำให้คนอื่นและตัวเองเจ็บปวด ความทรงจำของการถูกทอดทิ้ง มีแค่คนที่เก็บความทรงจำเหล่านั้นไว้ในใจและใช้ชีวิตต่อไป ที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มุ่งมั่นมากขึ้น และสุขุมกว่าเดิมได้ “
“ความสุขน่ะ…มีแต่คนเหล่านั้นที่จะได้มันไปครอง เพราะฉะนั้นอย่าลืมแล้วผ่านมันไปให้ได้ ถ้าผ่านมันไปไม่ได้ เธอก็จะเป็นแค่เด็กน้อยที่จิตวิญญาณไม่เติบโตเท่านั้นเอง….”
📚 บทวิเคราะห์ Ep.1 เด็กน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย
การลบความจำที่เลวร้ายทั้งหมดนั้นของหนุ่มน้อยไม่ต่างจากการ ‘วิ่งหนี’ ที่คังแทเลือกทำอยู่เสมอเท่าไหร่นัก คังแทวิ่งหนีทุกสิ่งโดยไม่คิดจะสู้หรือไตร่ตรองจัดการกับความรู้สึกนั้นเลย ความสุขจึงเป็นสิ่งที่คังแทไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัส ผิดกับมุนยองที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็เลือกที่จะ ‘เผชิญหน้า’ กับทุกสิ่ง
นิทานเรื่องนี้จึงต้องการจะบอกพวกเราว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตขึ้น หากเรา ‘กล้า’ ที่จะเผชิญหน้ากับมันเพราะถ้าหากคนเราไม่เคยทุกข์ จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ‘ความสุข’ มีหน้าตาเช่นไร จงเรียนรู้จากความทรงจำที่เลวร้ายนั้นและเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมให้ได้
📚 Ep.2 เรื่อง ‘คุณหนูรองเท้าแดง’ โดย ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน
เรื่องราวของคาเรน เด็กสาวยากจนผู้หลงใหลในรองเท้าแดงที่แม่ของเธอตัดเย็บให้ใส่ก่อนที่จะตายจากไป หลังจากนั้นคาเรนก็กลายเป็นเด็กสาวผู้คลั่งไคล้กับรองเท้าแดง ไม่ว่าจะงานศพของแม่เธอ โบสถ์ หรือที่ไหนก็ตาม เธอมักจะสวมใส่รองเท้าแดงไปทุกที่
จนกระทั่งวันหนึ่ง คาเรนให้ทหารแก่ขัดรองเท้าให้ เขาเตือนเธออีกครั้งถึงความไม่เหมาะสมในการใส่รองเท้าแดงเข้าโบสถ์ แต่คาเรนกลับเยาะเย้ยเขา ทหารแก่จึงสาปแช่งเธอว่า “ขอให้เธอสวมรองเท้าแดงและเต้นรำไปจนตาย”
เมื่อคาเรนสวมใส่รองเท้าแดงอีกครั้ง ครั้งนี้คาเรนกลับบังคับมันไม่ได้ และต้องเต้นรำไปเรื่อยๆ จนเมื่อทนไม่ไหวเธอจึงต้องขอร้องให้เพชฌฆาตฟันขาของเธอที่สวมใส่รองเท้าแดงนั้นให้ขาดออก แต่ขาที่สวมใส่รองเท้าแดงอยู่นั้นกลับเต้นรำต่อไปแม้จะถูกตัดไปแล้วก็ตาม
📚 บทวิเคราะห์ Ep.2 คุณหนูรองเท้าแดง
นิทานเรื่อง ‘คุณหนูรองเท้าแดง’ เป็นการเปรียบเทียบตัวของนางเอกกับคาเรนสาวน้อยผู้คลั่งไคล้รองเท้าแดง และเปรียบพระเอกกับรองเท้าแดง เป็นการบอกว่าต่อแต่นี้ไป เธอจะหมกหมุ่นและทุ่มความสนใจทั้งหมดให้กับคังแทแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น เหมือนกันกับที่คาเรนไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะใส่รองเท้าแดงไปที่ไหน เหมาะสมหรือไม่
📚 Ep.3 เรื่อง ‘เจ้าหญิงนิทรา’
ในงานเฉลิมฉลองการประสูติของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง มีนางฟ้าหลายตนเสกความงาม ปัญญา และความสามารถในดนตรี มอบให้เป็นของขวัญวันประสูติของเจ้าหญิง แต่เมื่อนางฟ้าทั้งหลายเสกให้พรเจ้าหญิงเสร็จสรรพ นางฟ้าใจร้ายที่โกรธแค้นที่ตนไม่ได้รับเชิญก็โผล่มาในงาน และด้วยความแค้นอาฆาต นางจึงเสกคำสาปให้เป็นของขวัญประสูติ คำสาปนั้นคือ ‘เมื่อเจ้าหญิงเติบใหญ่ พระนางจะถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ้วและสิ้นชีพทันที’
เมื่อนางฟ้าใจร้ายจากไปจากงาน นางฟ้าผู้ที่ยังไม่ได้ให้พรก็ตัดสินใจแก้คำสาป แต่ไม่สามารถแก้ได้ทั้งหมด ส่วนที่แก้ได้คือ แทนที่เจ้าหญิงจะสิ้นชีพเมื่อโดนเข็มตำ ความตายจะกลายเป็นการนอนหลับแทน เจ้าหญิงจะต้องบรรทมไปถึง 100 ปี จนกว่าจะมีเจ้าชายมาจุมพิต
พระบิดาของเจ้าหญิงได้สั่งให้ราษฎรเลิกใช้และทำลายเข็มปั่นด้ายทั้งหมดในราชอาณาจักร และถ้ามีผู้ขัดขืน ผู้นั้นจะได้รับการลงทัณฑ์ด้วยความตาย แต่เมื่อเจ้าหญิงอายุได้ 16 ปี เจ้าหญิงก็ได้เจอกับสาวชราผู้หนึ่ง ผู้ที่ไม่ได้รับข่าวการทำลายเข็มปั่นด้าย ด้วยความประหลาดตา เธอจึงสนใจอยากลองปั่นด้ายขึ้นมาทันที ในที่สุดเจ้าหญิงก็โดนเข็มปั่นด้ายทิ่มแทงนิ้วและกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราในที่สุด
ตามคำสาปของนางฟ้าใจร้าย นางฟ้าใจดีทั้งหลายก็ได้กลับมา พวกเธอเสกให้ทุกคนในวังหลับไปพร้อมกับเจ้าหญิง (ถ้าเจ้าหญิงตื่นเมื่อไร คนในวังก็จะตื่นเมื่อนั้น) และพวกเธอก็เสกให้ต้นงิ้วที่มีหนามมากมายขึ้นรอบๆวัง เพื่อไม่ให้มีใครเข้ามาได้
หนึ่งร้อยปีผ่านไป…มีเจ้าชายผู้ที่ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าหญิงนิทรา จึงตัดสินใจฝ่าฟันป่าขวากหนามเข้าไปหาเจ้าหญิง เมื่อเจ้าชายได้เข้าไปในวังของเจ้าหญิงนิทรา เจ้าชายก็ได้จุมพิตเจ้าหญิง ซึ่งทำให้เธอฟื้นขึ้นมาทันที หลังจากนั้นทุกคนในวังก็ตื่นพร้อมๆ กันกับเจ้าหญิง และสุดท้ายเจ้าหญิงก็ได้ครองรักกับเจ้าชายตราบนานเท่านาน
📚 บทวิเคราะห์ Ep.3 เจ้าหญิงนิทรา
โชคชะตาที่กำหนดไว้แล้ว ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เหมือนกันกับการกลับมาเจอกันของคังแทและมุนยองที่มีเหตุต้องห่างกันไป แต่สุดท้ายก็กลับมาเจอกันอยู่ดี เป็นโชคชะตาอย่างที่มุนยองชอบพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
และยังสามารถเปรียบได้กับปราสาทของมุนยองที่เป็นเหมือนดั่งเจ้าหญิงนิทรา ที่หลับไหลมาเป็นเวลานาน ถึงแม้มุนยองจะกลับมาอยู่ ปราสาทก็ยังคงคุมโทนความน่ากลัวไว้อยู่ดี แต่เมื่อคังแทและพี่ซังแทได้ย้ายเข้าไปอยู่ เห็นได้ชัดเลยว่าจากปราสาทอันน่ากลัวก็ถูกปลุกให้กลายเป็นปราสาทที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างดูสดใสและน่าอยู่ ตัวคังแทเองก็เปรียบได้กับเจ้าชายที่ถูกลิขิตไว้ให้กลับมาปลุกให้ทุกอย่างที่เคยหลับไหลให้ตื่นขึ้นทั้งปราสาทและตัวมุนยองเองด้วย
📚 Ep.4 ‘เด็กน้อยซอมบี้‘
เด็กชายคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง เขาเป็นเด็กที่มีผิวขาวซีดและมีลูกตาที่โตมาก เมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้น แม่ของเขาก็รู้ได้เองว่า เด็กคนนี้ไม่มีความรู้สึกใดๆ เป็นแค่ซอมบี้ที่ต้องการอาหารเท่านั้น
ดังนั้น เพื่อไม่ให้คนในหมู่บ้านรู้ แม่จึงเอาเขาไปขังไว้ในห้องใต้ดิน และทุกคืนเธอจะแอบไปขโมยสัตว์เลี้ยงบ้านอื่น มาให้ลูกกินและแอบเลี้ยงเขาเช่นนั้นเรื่อยมา
วันหนึ่งไก่ อีกวันหมู ผ่านไปหลายปี จนอยู่มาวันหนึ่งโรคระบาดมาเยือนหมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงที่เหลืออยู่พากันตายหมด ผู้คนก็ตายไปมากเช่นกัน ส่วนคนที่เหลือรอด ก็พากันออกจากหมู่บ้านไปกันหมด
แม่ที่ไม่สามารถทิ้งลูกไปได้ ในที่สุดก็ตัดขาข้างนึงของตัวเองให้ลูกที่ร้องด้วยความหิวกิน วันต่อมาก็ตัดแขนหนึ่งข้าง ตัดทุกอย่างให้ไปจนหมด ในที่สุดเมื่อเธอเหลือเพียงลำตัว เธอโผเข้าสู่อ้อมกอดของลูกน้อยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อมอบร่างที่เหลือของตัวเองให้
ลูกน้อยกอดแม่ที่เหลือแต่ลำตัวไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้าง แล้วพูดออกมาเป็นครั้งแรก “แม่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน”
📚 บทวิเคราะห์ Ep.4 เด็กน้อยซอมบี้
เป็นการสะท้อนการเลี้ยงดูลูกที่ตีความหน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ที่ผิดเพี้ยน เมื่อลูกไม่สามารถเป็นไปตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการได้ ‘ความอบอุ่น’ จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ได้รับ สิ่งที่พวกเขาได้รับมีแต่อาหารที่ทำให้อิ่มท้องเท่านั้น ซึ่งสามารถเปรียบเทียบอาหารเข้ากับเงินที่คนสมัยนี้มักใช้เลี้ยงลูกได้เช่นกัน เพราะคิดเพียงแต่ว่าเงินจะสามารถซื้อความสุขให้กับลูกได้ แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ลูกต้องการมากที่สุดคือ ความอบอุ่นจากพ่อแม่เท่านั้นเอง…
ในเรื่องไม่ว่าจะควอนกีโด (หนูจิ๋ว) ที่ไม่สามารถเป็นลูกชายที่เก่งและเพียบพร้อมเหมือนลูกคนอื่นได้ คังแทที่เกิดมาพร้อมกับภาระที่จะต้องคอยเป็นโล่ที่พร้อมปกป้องพี่ชาย หรือมุนยองที่เกิดมาเพื่อเป็นหุ่นเชิดตัวเก่งที่ถูกแม่ชักใยเพื่อให้มีชีวิตตามที่ลิขิตไว้ ทุกคนล้วนโหยหาความอบอุ่นที่ไม่เคยแม้แต่จะได้สัมผัส แต่ทุกคนกลับมองพวกเขาเป็นเพียงเด็กน้อยซอมบี้ที่หิวโหยเท่านั้น
📚 Ep.5 เรื่อง ‘ราพันเซล’ Ver.Disney
หญิงชรานามว่า ‘กอเธล’ พบเจอดอกไม้ที่สามารถคงความเยาว์วัยดุจหญิงสาวที่หุบเขาแห่งนึง นางจึงคิดจะครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว หลายร้อยปีผ่านไป มีอาณาจักรเกิดขึ้นบริเวณหุบเขานั้น แต่ราชินีของอาณาจักรกลับประชวรขณะใกล้ให้ประสูติ ทหารและพลเมืองจึงช่วยกันค้นหาวิธีแก้ไข และพบดอกไม้นั้นเข้าโดยบังเอิญ
ราชินีจึงได้รับการรักษา และได้ประสูติองค์หญิงตัวน้อยนามว่า “ราพันเซล” ผู้มีผมงดงามดั่งทอง และบัดนี้ผมของราพันเซลก็ได้กลายเป็นแหล่งสรรพคุณวิเศษของดอกไม้นั้นแทนแล้ว
แต่ในคืนนั้น กอเธลกลับลักพาตัวราพันเซลไปซ่อนไว้ในหอคอยสูงกลางป่า แล้วเลี้ยงดูประดุจบุตรในอุทร เพื่อใช้ผมของราพันเซลช่วยให้ตนเองยังคงความเยาว์วัยต่อไป โดยไม่ตัดผมนางออกเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะการตัดผมจะทำให้สรรพคุณเสื่อมสภาพ
กอเธลเลี้ยงราพันเซลโดยการกักขังไม่ให้ราพันเซลออกไปจากหอคอยเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยให้เหตุผลว่า “โลกภายนอกมีแต่ภยันตรายและความชั่วร้าย” ทั้งนี้ ทุก ๆ ปี ในวันคล้ายวันประสูติของราพันเซล พระราชาและราษฎรของพระองค์จะปล่อยโคมลอยนับแสนดวงขึ้นสู่ฟ้า พวกเขาหวังว่าโคมลอยจะนำพาพระธิดาของพวกเขากลับมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน กลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง นำโดย ฟลิน ไรเดอร์ ชายหนุ่มรูปงาม ได้ขโมยศิราภรณ์ของเจ้าหญิงผู้หายสาบสูญนั้นไปจากพระราชวัง ระหว่างที่เหล่าองครักษ์ไล่ตามกลุ่มโจร แม็กซิมัส ม้าของหัวหน้าองครักษ์ก็คลาดจากกลุ่มโดยไม่มีผู้ขี่
แม็กซิมัสจึงออกตามล่าฟลินเอง ในเวลานั้นฟลินหลอกเอาศิราภรณ์ไปจากเพื่อนร่วมกลุ่ม แล้วหนีขึ้นไปซ่อนตัวที่หอคอยของราพันเซลซึ่งเขาพบโดยบังเอิญ แต่เขาถูกราพันเซลฟาดด้วยกระทะจนสลบไป เธอซ่อนเขาไว้ในตู้เสื้อผ้าของเธอ แล้วริบศิราภรณ์ไว้
เมื่อกอเธลกลับมา ราพันเซลขอให้นางไปเก็บเปลือกหอยมาให้เป็นของขวัญวันเกิดเพื่อนำมาทำสีระบายภาพ กอเธลยอมใช้เวลาเดินทางสามวันไปเอาของขวัญมาให้ ระหว่างนั้นราพันเซลตกลงกับฟลินว่า ถ้าอยากได้ศิราภรณ์คืน ให้พาเธอออกไปนอกหอคอยเพื่อไปดูเหล่าโคมลอยที่เธอเข้าใจว่าเป็น “หมู่ดาว” ซึ่งปรากฏขึ้นทุก ๆ วันคล้ายวันเกิดของเธอ
ยูจีนจึงพาราพันเซลหลบหนีออกจากหอคอยโดยระหว่างทางก็พบเจอกับอุปสรรคต่างๆ จนเธอทราบว่า เธอคือเจ้าหญิงที่หายไปจากอาณาจักร และยังทราบอีกด้วยว่าฟลินแท้จริงมีนามว่า ยูจีน ฟิตซ์เฮอร์เบิร์ต แต่กอเธอที่ตามมาทันก็สามารถจับเธอกลับไปปราสาทได้ และเมื่อยูจีนมาถึงหอคอย กอเธลแทงเขาจากข้างหลัง แล้วกล่าวว่า นางจะพาราพันเซลหนีไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ราพันเซลขอใช้ผมรักษายูจีนก่อน และเธอจะยอมเป็นของกอเธลตลอดไป
ก่อนราพันเซลจะได้ช่วยเยียวยายูจีน ยูจีนคว้าเศษกระจกมาตัดผมของราพันเซลจนสั้น เส้นผมของราพันเซลจึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มและสูญเสียสรรพคุณไปทันที กอเธลโมโหเป็นอันมาก จนนางมิอาจยอมรับเงาของตนในกระจกได้
นางวิ่งพล่านจนล้มคะมำพุ่งออกจากหน้าต่างหอคอยดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่าง ร่างกายของนางก็ร่วงโรยขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนนางจะปะทะกับพื้นแล้วป่นเป็นเถ้ากระดูกสลายไป
หลังจากนั้นยูจีนก็ค่อย ๆ ตายลงในอ้อมแขนของราพันเซล ด้วยความเสียใจ ราพันเซลร้องไห้และร้องเพลงมนต์ หยาดน้ำตาของเธอหยดลงบนแก้มของยูจีน ทำให้เขาฟื้นคืนจากความตายอีกครั้ง ทั้งสองจึงพากันกลับอาณาจักร และครองรักกันอย่างมีความสุข
📚 บทวิเคราะห์ Ep.5 ราพันเซล
ชีวิตของโกมุนยองไม่ได้แตกต่างจากราพันเซลเท่าไหร่นัก เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทลึกกลางป่าที่ไร้ผู้คน โดยมีแม่คอยกรอกหูตลอดว่าเธอพิเศษมาก จนไม่สามารถที่จะปรับตัวและใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้ เพราะการเลี้ยงดูที่ผิดแปลกนี้ ได้สร้างบาดแผลให้กับเธอจนเธอต้องกลายมาเป็นคนต่อต้านสังคมและด้านชาต่อความรู้สึก อย่างที่ทุกคนได้เห็นและได้สัมผัส
คังแทก็เปรียบสเหมือนยูจีนผู้ชายที่เจอเธออย่างบังเอิญตอนตกน้ำ และสุดท้ายก็เป็นคนที่ช่วยเหลือเธอให้หลุดพ้นจากบ่วงที่รัดคอเธออยู่ ด้วยการตัดผมให้เธอเหมือนกันกับที่ยูจีนตัดผมให้ราพันเซล
📚 Ep.5 เรื่อง ‘เจ้าสาวหอยทาก’
ชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่เพียงลำพัง แต่เขาก็ยังคงทำงานหนักทั้งๆที่ไม่มีใครมาช่วยกินช่วยใช้นอกจากเขาคนเดียว วันหนึ่งขณะที่เขากำลังทำงาน เขารำพึงกับตัวเองว่า “ไม่รู้ว่าข้าจะไถนาปลูกข้าวไปทำไมในเมื่อไม่มีใครสักคนมากินด้วย”
แต่แล้วก็มีเสียงหญิงสาวพูดขึ้นมาว่า “ฉันจะกินกับท่าน” ชายหนุ่มมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเขาจึงคิดว่าตัวเองหูเพี้ยนไป แต่เมื่อชายหนุ่มก้มมองลงไปที่ปลายเท้า เขาพบกับหอยทากที่สวยงามมากตัวนึง โดยไม่ต้องคิดเขาหยิบหอยทากใส่กระเป๋าและมุ่งหน้ากลับบ้านทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเขาตื่นเขาก็ประหลาดใจมากที่เห็นอาหารร้อนๆหลายจานตั้งอยู่บนโต๊ะ เขารับประทานอาหารพลางคิดด้วยความประหลาดใจว่าใครหนอมาทำอาหารเหล่านี้ให้เขา
คืนนั้น เมื่อเขากลับมาบ้านเขาพบว่ามีอาหารร้อนๆตั้งโต๊ะรออยู่ เขารับประทานอย่างมีความสุข และคิดว่าคงจะวิเศษมากถ้าเขามีภรรยาสักคนคอยหุงอาหารอร่อยๆไว้ให้เขาตลอดไป โดยพรุ่งนี้เขามั่นหมายไว้แล้วว่าจะต้องสืบดูให้ได้ว่าใครหุงอาหารให้เขากิน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เขาออกจากบ้านเหมือนอย่างทุกวันและเอาเครื่องมือทำนาไปด้วย แต่ไปไม่ไกลนัก เขารีบเอาเครื่องมือไปซ่อนไว้หลังต้นไม้ใกล้ๆ แล้วกลับบ้านแอบย่องไปที่ครัวเพื่อแอบดู
เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่เห็นผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งกำลังปีนออกมาจากโอ่ง เธอยืดแขนและจัดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ให้เรียบร้อย แล้วเริ่มลงมือทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ซ่อมแซมเสื้อผ้าให้เขา เมื่อตะวันเริ่มตกดิน เธอจึงมาเตรียมอาหาร เสร็จแล้วก็กลับไปในโอ่งน้ำเหมือนเดิม
ขณะที่เขารับประทานอาหารเย็น ชายหนุ่มคิดว่าถ้าได้เธอเป็นภรรยาคงจะวิเศษมาก เขาตัดสินใจที่จะจับตัวเธอให้ได้ วันรุ่งขึ้น เขาเตรียมตัวออกไปทำงานเช่นเคย แต่เขากลับดอดเข้าไปในครัวแล้วแอบอยู่ข้างโอ่งน้ำรอให้หญิงสาวออกมาจากโอ่ง ไม่ช้าหญิงสาวก็ออกมา ชายหนุ่มคว้ามือนางไว้ แล้วพูดว่า “เป็นภรรยาของข้าเถอะนะ”
หญิงสาวแก้มแดง พร้อมกับผงกหัวแสดงความยินยอม
ทั้งสองอยู่ร่วมกันเช่นสามีภรรยาอย่างมีความสุข แต่แล้ววันหนึ่งด้วยความสวยของเจ้าสาวหอยทากดันไปเข้าตาพระราชา พระราชาจึงต้องการนางไปเป็นชายา โดยพระราชาต้องการจะจัดการประลองขึ้น
ครั้งแรกพระราชาประสงค์ให้แข่งกันโค่นต้นไม้ให้ได้มากที่สุด แต่พระราชาก็ทรงแพ้ แต่พระองค์ทรงไม่รักษาสัญญากลับท้าทายใหม่เป็นครั้งที่ 2 โดยประสงค์ให้ขี่ม้าข้ามแม่น้ำแข่งกัน แต่ก็ทรงแพ้อีก พระราชาทรงกริ้วมาก แทนที่จะรักษาสัญญา พระองค์กลับท้าให้แข่งเรืออีก
โดยพระราชาทรงมอบเรือเล็กๆให้ชายหนุ่ม แต่เรือของพระราชากลับมีลำใหญ่โต สวยงาม เมื่อเริ่มแข่งเรือของชายหนุ่มกลับแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พระราชาทรงเต้นด้วยความผิดหวัง แต่แล้วทันใดนั้นคลื่นลูกใหญ่ก็ได้โถมเข้ามา จนเรือของพระราชาจมหายไปในทะเล
เมื่อได้สมบัติมาชายหนุ่มจึงแจกจ่ายสมบัติของพระราชาแก่คนยากจน ส่วนเขากับเจ้าสาวหอยทากก็ครองรักกันอย่างมีความสุขสืบมา
📚 บทวิเคราะห์ Ep.5 เจ้าสาวหอยทาก
นิทานเรื่องนี้เปรียบได้กับผู้หญิงที่ทำอาหารเก่งและอร่อย เป็นเหตุผลว่าทำไมมุนยองจึงเรียกแม่ของจูรีว่าเจ้าสาวหอยทาก เพราะแม่ของจูรีเคยเป็นแม่ครัวมาก่อน รสมือการทำอาหารจึงอร่อยมาก และเมื่อไหร่ที่เธอปรากฏตัวอาหารก็จะมาพร้อมกับเธอเสมอ เป็นเหมือนพลังบวกที่พร้อมจะสนับสนุนและดูแลทุกคนอยู่ตลอดเวลา
📚 Ep.6 เรื่อง ‘เคราน้ำเงิน’
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีขุนนางเคราน้ำเงิน อาศัยอยู่ในปราสาทใหญ่โตเพียงคนเดียว แม้ว่าเขาจะรวยมาก แต่เพราะมีเคราสีน้ำเงินจากการถูกสาป ทุกคนเลยหวาดกลัวและหนีห่างจากเขาไปหมด แต่แล้ววันหนึ่ง มีหญิงสาวยากจนคนหนึ่งมาที่ปราสาทของเขา เพื่อที่จะเป็นเจ้าสาวของเคราน้ำเงิน เคราน้ำเงินดีใจมาก เขามอบของมีค่าทั้งหมดในแต่ละห้องที่เข้าไป ให้เป็นของขวัญแก่ภรรยา
แต่มีเพียงห้องเดียว ห้องที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน มีเพียงห้องนั้นที่เขาเตือนว่า ห้ามเข้าไปเด็ดขาด แต่หญิงสาวที่มากด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็แอบเปิดประตูห้องแห่งความลับนั้นโดยไม่ให้สามีรู้ ภายในห้องใต้ดินที่สามีเพียรห้ามไม่ให้ลงไปนั้นแท้จริง มีศพผู้หญิงแขวนเรียงรายโชว์อยู่ที่ผนังของห้อง นั่นคือจุดจบของเหล่าภรรยา ที่แอบเปิดประตู โดยไม่สนใจคำเตือนของเคราน้ำเงิน
เมื่อเคราน้ำเงินกลับมาเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของภรรยา เขาก็รู้ทันทีว่าภรรยาจะต้องแอบเข้าไปในห้องชั้นใต้ดินแล้วแน่ๆ เคราน้ำเงินจึงลากภรรยาลงไปในห้องใต้ดินและลงมือฆ่าภรรยาคนที่ 8 ทันที แต่ในขณะที่เคราน้ำเงินกำลังจะฆ่าภรรยา พี่ชายของภรรยาก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน และฆ่าเคราน้ำเงินทิ้ง ทรัพย์สมบัติจึงตกมาที่ภรรยาจนหมด
📚 บทวิเคราะห์ Ep.6 เคราน้ำเงิน
‘เคราน้ำเงิน’ เป็นนิทานที่นำเสนอแก่นเรื่องเกี่ยวกับผลลัพธ์ในการอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ ที่จะนำพาไปสู่ความน่ากลัวเกินที่จะจินตนาการ นิทานเรื่องนี้ถือว่าเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญต่อการเดาปมครอบครัวของมุนยองเป็นอย่างมาก เคราน้ำเงินแท้จริงแล้วก็คือโกแดฮวานพ่อของมุนยอง ภรรยาคนที่ 8 ก็คือโดฮีแจแม่ของมุนยอง และพี่ชายของภรรยาคนที่ 8 ก็คือตัวของมุนยองนั่นเอง
📚 Ep.7 เรื่อง ‘เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ’
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…มีหมาน้อยตัวหนึ่ง ที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก เจ้าหมาใช้ชีวิตโดยถูกผูกไว้ใต้ต้นไม้ซึ่งมีร่มเงา มันกระดิกหางเก่ง แถมยังน่ารักน่าเอ็นดูมาก ผู้คนในหมู่บ้านเลยพากันเรียกมันว่า ‘เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ’
แต่เจ้าหมาที่ตอนกลางวันเล่นกับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน พอตกดึกกลับส่งเสียงคราง แล้วแอบร้องไห้ ที่จริงเจ้าหมาในวันใบไม้ผลิก็อยากจะปลดเชือกที่ล่ามไว้ และไปวิ่งเล่นในทุ่งกว้างของฤดูใบไม้ผลิ แต่เพราะมันทำแบบนั้นไม่ได้ เลยร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยทุกคืน
จนวันหนึ่งหัวใจกระซิบถามเจ้าหมาในวันใบไม้ผลิว่า “นี่ ทำไมนายไม่ปลดเชือกที่ล่ามไว้แล้วหนีไปซะล่ะ”
แต่สิ่งที่เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิทำได้มีเพียงอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิมอย่างนั้น และตอบหัวใจกลับไปอย่างเศร้าสร้อยว่า “ฉันโดนผูกมานานมาก เลยลืมวิธีปลดเชือกไปแล้ว”
📚 บทวิเคราะห์ Ep.7 เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ
ทุกคนล้วนมีเชือกที่มองไม่เห็นนี้คล้องคอล่ามไว้ไม่ต่างจากหมาในวันใบไม้ผลิ คังแทใช้ชีวิตเพื่อให้พี่ชายมีความสุขจนลืมวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้พบเจอกับความสุขที่ใจปรารถนา ทำให้ในทุกค่ำคืนเพื่อระบายความเจ็บปวดที่ร่างกายไม่สามารถโกหกได้จึงได้แต่ส่งเสียงร้องระบายความเจ็บปวดนั้นออกมา บ่วงของคังแทแน่นอนมันคือพี่ชายของเขา
ตัวมุนยองบ่วงที่รัดเธอเอาไว้คือแม่ของเธอ หรือแม้แต่คนไข้คังอึนจาบ่วงของเธอก็คือลูกสาวที่จากไป
บางครั้งเมื่อเราเจอกับความเจ็บปวดจนกลายเป็นความเคยชินเพราะอดทนมานานจนลืมวิธีที่จะปลดมันออก ทำให้ต้องอาศัยความกล้าของใครซักคนที่มองเห็นเชือกเส้นนี้และปลดมันออกไปซะ เสียงครวญครางที่ดังอยู่ทุกค่ำคืนก็จะกลับมาเงียบสงัดดังเดิม
ถ้ารู้ตัวว่ามีเชือกเช่นนี้อยู่ ให้รีบตัดมันซะ อย่าปล่อยให้มันลุกลามจนสุดท้ายก็ควบคุมไม่ได้ อย่าปล่อยให้มันกัดกินใจจนด้านชา อย่าเพิ่งกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิด การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมย่อมเป็นผลดีกว่า
📚Ep.8 เรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’
มีพ่อค้าผู้ร่ำรวยผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกับลูกสาว 3 คน โดยลูกสาวคนสุดท้องมีชื่อว่า ‘เบลล์’ แต่หลังจากนั้นไม่นานพ่อค้าผู้มั่งมีก็กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว จนต้องย้ายไปอยู่ในชนบท
จนวันนึงพ่อค้าจะเข้าไปในเมืองเพื่อดูเรือสินค้าที่ตัวเองเคยส่งออก โดยเขาได้ถามลูกๆว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญ ลูกคนโตทั้งสองประสงค์ในเครื่องเพชรและชุดสวยงาม แต่เบลล์อยากได้แค่เพียงดอกกุหลาบดอกเดียวเท่านั้น แต่พอพ่อค้าถึงท่าเรือก็พบว่าเรือสรรพสินค้านั้น ถูกเจ้าหนี้ยึดไปเสียแล้ว
ระหว่างเดินทางกลับ พ่อค้าเกิดหลงทางในป่าจนเข้าไปในปราสาท ที่มีสวนดอกกุหลาบอยู่ เขาจึงหมายมั่นว่าจะเด็ดดอกกุหลาบนี้ไปให้เบลล์ลูกสาวของเขา แต่ในขณะที่เขากำลังเด็ดดอกกุหลาบ เขาก็ได้พบเจอกับอสูร
อสูรต้องการจะขังลืมพ่อค้าเป็นการลงโทษ แต่พ่อค้ากลับร้องขออิสรภาพและบอกว่าที่ตัวเองทำไปเป็นเพราะต้องการดอกกุหลาบให้ลูกสาวเท่านั้น เมื่อฟังแล้วอสูรก็ปล่อยพ่อค้า โดยมีข้อแม้ว่าพ่อค้าจะต้องนำตัวลูกสาวมาแทนที่ตน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน พ่อค้าพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เบลล์ก็จับได้ และยินยอมที่จะไปเป็นนักโทษในปราสาทของอสูร เพราะเธอรู้สึกผิดที่ร้องขอดอกกุหลาบตั้งแต่แรก
ในปราสาท เบลล์ได้รับการเลี้ยงดูและการเอาใจใส่อย่างดี ได้รับชุดสวยงามและอาหารอย่างดีโดยอสูรจะได้สนทนากับเบลล์ทุกคืน และทุกคืนอสูรก็จะขอเบลล์แต่งงาน แต่กลับถูกปฏิเสธทุกครั้ง และทุกครั้งที่เธอปฏิเสธเธอก็ได้ฝันเห็นถึงเจ้าชายรูปงามผู้ที่ต้องการอยากรู้ว่าด้วยเหตุใดเธอถึงทำเช่นนี้กับเขา โดยเบลล์ไม่คิดว่าเจ้าชายรูปงามนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับอสูร แต่กลับคิดว่าอสูรได้กักขังเจ้าชายรูปงามไว้ในปราสาท
จนวันนึงเบลล์เกิดอาการคิดถึงบ้าน อสูรตามใจเบลล์แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องกลับมาภายในหนึ่งสัปดาห์ เบลล์ให้คำสัญญา และกลับบ้านพร้อมกับกระจกวิเศษและแหวนวิเศษ ที่จะทำให้เธอเห็นความเป็นอยู่ของปราสาทและพากเธอกลับมาปราสาทได้ เมื่อถึงบ้านพี่สาวทั้งสองเห็นเบลล์อยู่สุขสบายกว่าพวกเธอ มีเสื้อผ้าหรูหราใส่ พวกเธอเกิดความริษยาน้องสาวขึ้นมาทันที และเล่นละครตบตาจนเบลล์ไม่สามารถกลับปราสาทภายในหนึ่งสัปดาห์ตามที่ตกลงกับอสูรไว้ได้
เบลล์รู้สึกไม่ดีที่ผิดสัญญาเลยใช้กระจกวิเศษมองดูว่าอสูรเป็นอย่างไรบ้าง แต่เธอกลับมองเห็นอสูรที่ใกล้จะตาย เธอจึงใช้แหวนวิเศษกลับไปหาอสูรทันที เมื่อเบลล์มาถึงอสูรก็ได้สิ้นชีวิตแล้ว เธอร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ และพูด ว่าเธอรักอสูร แต่เมื่อน้ำตาเธอหยดลงบนตัวอสูร อสูรก็ได้ฟื้นคืนชีพกลับมา และร่างกายเขาก็เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นเจ้าชายรูปงาม เพราะคำสาปถูกล้างหายไปจากการเจอรักแท้
📚 บทวิเคราะห์ Ep.8 โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
คติของเรื่องนี้คือ ‘อย่ามองคนแต่เพียงภายนอก’ ก็เหมือนกันกับผู้ป่วยจิตเวชที่คนเรามักจะมองพวกเขาแต่เพียงภายนอก ตีตราพวกเขาบ้างว่าเป็นคนบ้า คนไม่สมประกอบ เพียงเพราะเขาแตกต่าง และปฎิบัติตัวกับพวกเขาแตกต่างจากคนอื่น หรือคนธรรมดาทั่วไปอย่างคังแทที่ภายนอกดูเหมือนจะมีความสุขอยู่ตลอดเวลา แต่ใครกันจะรู้กันว่าภายในจิตใจของคังแทได้แหลกสลายไม่มีชิ้นดีแล้ว โกมุนยองก็เช่นกัน คนภายนอกมักมองว่าเธอเป็นตัวแรง ไม่เห็นหัวใคร แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เธอแสดงออกมาทั้งหมดล้วนมีไว้เพื่อปกป้องตัวตนข้างในที่แสนอ่อนแอเท่านั้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการรวบรวมนิทานจากในซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay ในช่วงครึ่งแรก สามารถอ่านครึ่งหลังต่อได้ที่นี่
ถ้าหากใครอยากติดตามอัปเดตข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับวงการบันเทิงเกาหลีในแง่มุมต่าง ๆ อย่าลืมนึกถึง Korseries.com หรือถ้าหากใครที่ชื่นชอบการวิเคราะห์เจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจจากในซีรีส์เกาหลี สามารถติดตามได้ที่ เพจโชว์มีเดอะซีรีส์
#ItsOkayToNotBeOkay #โชว์มีเดอะซีรีส์
ติดตามข่าวสารจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries