สารคดีออริจินัลคอนเทนต์ K-POP เรื่องแรกของ Netflix BLACKPINK : Light Up The Sky พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังเส้นทางของทั้ง 4 สาว เจนนี่ จีซู โรเซ่ และ ลิซ่า ที่มาจากพื้นฐานที่แตกต่างกันแต่มารวมตัวกันกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ในฐานะ BLACKPINK ที่พวกเธอไม่เพียงแค่เป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป K-POP ผู้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จในระดับโลก ไม่เพียงแค่เป็นแฟชั่นไอค่อนทรงอิทธิพลแห่งยุค แต่พวกเธอยังเป็นคนที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น เพียรพยายามจนความฝันของตัวเองเป็นจริงซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนทั่วโลก
เรื่องราวของ BLACKPINK ถูกนำมาถ่ายทอดในรูปแบบหนังสารคดี เล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของพวกเธอมาสู่ความสำเร็จที่ไม่คาดคิด รวมไปถึงเจาะลึกความรู้สึกช่วงเวลาที่ผ่านมาของแต่ละคน ผ่านฝีมือของผู้กำกับ-ผู้สร้างหญิงชื่อดัง Caroline Suh ที่เคยร่วมงานกับ Netflix มาก่อนหน้านี้ในซีรีส์ 4 ตอน เรื่อง SALT, FAT, ACID, HEAT เนื่องในโอกาสที่สารคดีดังกล่าวเปิดตัวพร้อมฉายทั่วโลก Korseries ได้รับการเอื้อเฟื้อบทสัมภาษณ์ถาม-ตอบ ของผู้กำกับ จาก Netflix ซึ่งจะพูดถึงที่มา เบื้องหลังการทำงานหนังสารคดี และ สมาชิก BLACKPINK แต่ละคน ที่จะทำให้ตกหลุมรักพวกเธอมากยิ่งขึ้น
คุณเข้ามารับหน้าที่กำกับสารคดีเรื่องนี้ได้อย่างไร และเป็นแฟนเพลง K-POP มาก่อนหรือเปล่า
ฉันเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ก็เลยไม่แปลกที่จะสนับสนุนทุกอย่างที่เป็นเกาหลีค่ะ (หัวเราะ) หลานชายฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับ K-POP ฉันก็เลยซึมซับมาจากหลานด้วย ในขณะเดียวกัน ทีมงาน Netflix ก็มีแนวคิดที่จะทำภาพยนตร์เกี่ยวกับ BLACKPINK อยู่แล้ว และมาถามฉันว่าสนใจทำไหม ซึ่งฉันสนใจและได้เข้ามาร่วมทีม หลังจากนั้นเราก็ไปประชุมกับ YG Entertainment หลายครั้ง โชคดีที่ทุกอย่างลงตัวพอดีค่ะ
หลังจากตกลงรับงานและได้เข้ามาสัมผัสเรื่องราวและเพลงของ BLACKPINK มากขึ้น คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
ถ้าพูดถึง K-POP ในภาพรวม ฉันไม่เคยรู้เลยว่าวงการนี้ใหญ่ขนาดไหนและสำคัญกับเกาหลีมากแค่ไหน การได้เรียนรู้เรื่องราวทั้งหมดในภาพรวมเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากค่ะ หลังจากนั้น ฉันก็เริ่มดูวิดีโอต่าง ๆ ของ BLACKPINK แล้วก็ทึ่งไปกับงานโปรดักชั่นที่อลังการและล้ำสมัยมาก ตั้งแต่ เสื้อผ้า หน้า ผม ไปจนถึง ฉากการแสดง เพลงทั้งหมดก็ทำมาดีมาก ๆ พอได้เริ่มดูแล้ว กลายเป็นว่ายากที่จะหยุดดูเลยค่ะ
ตอนนั้นใช้เวลาหาข้อมูลนานไหม และคุณต้องติดตามถ่ายทำสารคดีกับ BLACKPINK นานแค่ไหน
เราใช้เวลาหาข้อมูลไม่กี่เดือนก่อนเริ่มถ่ายทำจริง จากนั้นจึงเดินทางไปเกาหลี 2 ครั้ง ครั้งแรกคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2019 แล้วกลับไปอีกครั้งก่อนโควิดระบาดช่วงต้นปี 2020 เราโชคดีที่กลับไปเกาหลีก่อนที่ทุกอย่างจะล็อกดาวน์ ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนที่ทุกคนจะทราบข่าวค่ะ แต่จริง ๆ แล้วคนเกาหลีติดตามข่าวและทำงานกันไวอยู่แล้ว เวลาจะเข้าโรงแรม ก็จะมีคนมาคอยตรวจวัดเชื้อโรคและอุณหภูมิ ฉันได้ไปพบคุณเท็ดดี้ก่อนที่ทางวงจะตอบรับทำหนังเรื่องนี้ และฉันเองก็ไปดู BLACKPINK ที่ Prudential Center ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ด้วย คอนเสิร์ตครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นกับตาว่าแฟน ๆ เหนียวแน่น และ ตื่นเต้นกับวงแค่ไหน สถานที่จัดงานเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ มีแฟน ๆ ทุกกลุ่มมาดูคอนเสิร์ตกันล้นหลาม ฉันจึงเข้าใจว่าแฟนคลับของพวกเธอเป็นวงกว้างมากจริง ๆ
BLACKPINK ต้องเก็บโปรเจ็กต์นี้ไว้เป็นความลับตลอดเวลา และต้องปิดปากเงียบไม่แพร่งพรายบอกสาธารณชน คุณรู้สึกอย่างไรในฐานะคนวงใน และต้องระวังเรื่องใดบ้างในการเก็บข้อมูลภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
สารคดีทุกเรื่องต้องเก็บไว้เป็นความลับอยู่แล้วค่ะ เราระวังตัวมาก ต้องไม่เล่าเรื่องการถ่ายทำให้คนนอกรับรู้ ก็เลยถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ฉันได้มาเข้าใจภายหลังว่าใคร ๆ ก็อยากรู้ข้อมูลความเป็นไปของ BLACKPINK กันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัว แฟชั่นการแต่งตัวที่เลือกใช้ ไปจนถึงเพลงของวง สมาชิกทุกคนในวงช่วยกันทำเพลงที่ยังไม่ปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันตลอดเวลา ซึ่งน่าสนใจมากเพราะเราดูไม่ออกว่าผลงานที่ปล่อยออกมาเกิดจากความทุ่มเทของวงขนาดไหน ฉันรู้สึกประทับใจที่พวกเธอหมั่นเข้าสตูดิโอกันอยู่ตลอด ลองทำเพลงใหม่ ๆ แล้วดูว่าสิ่งไหนทำออกมาได้ดีที่สุด
BLACKPINK กำลังทำอะไรกันอยู่ ตอนที่ถ่ายสารคดีเรื่องนี้
ตอนที่เรายกกองไปถ่ายทำ พวกเธอกำลังทำเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมาอยู่ค่ะ เราเลยได้ช็อตที่ BLACKPINK กำลังฟังเพลง “Sour Candy” ที่ฟีเจอริ่งกับเลดี้กาก้า ก่อนจะปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟัง ซึ่งมันเจ๋งมาก ฉันชอบเพลงนั้นมากค่ะ!
เป็นสิ่งที่น่าเซอร์ไพรส์ที่เห็นว่าสมาชิกแต่ละคนต่างอินกับการพูดถึงเรื่องการฝึกหัดศิลปินที่ฝึกกันโหดมาก ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องนี้มากเท่าไหร่
BLACKPINK เล่าเรื่องนี้แบบเปิดเผยมากค่ะ ซึ่งฉันเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน ฉันรู้สึกดีที่พวกเธอยอมเล่าให้ฟังว่าการเป็นศิลปินฝึกหัดนั้นโหดและเครียดแค่ไหน ประสบการณ์ส่วนนี้ถือเป็นหัวใจของหนังสารคดีเลยค่ะ ทุกคนต้องผ่านการฝึกหัดแบบนั้นตอนยังเป็นวัยรุ่น และผ่านมาได้ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทสุด ๆ ซึ่งช่วยให้ทุกคนในวงพร้อมรับการเปิดตัวมาก ๆ แม้ว่าทุกคนจะเล่าว่าการฝึกครั้งนั้นมันหนักจริง ๆ แต่สิ่งที่แต่ละคนพูดเป็นเสียงเดียวกันนั่นคือ ‘ฉันจะไม่ยอมล้มเลิกมัน’
มาพูดถึงสมาชิกในวงทีละคนกันบ้างดีกว่า เริ่มจาก จีซู พี่ใหญ่ของวง และ เป็นสมาชิกคนเดียวที่เติบโตอยู่ในเกาหลีตลอดช่วงวัยเด็ก
จีซู เล่าในหนังว่าเธอเป็นออนนี่ หรือพี่คนโตของวงค่ะ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เธอคอยดูแลน้อง ๆ ทุกคน สิ่งที่ฉันประทับใจมากก็คือตอนที่ เท็ดดี้ พูดถึง จีซู ว่า “คนมองว่าเธอเป็นคนหัวดี แต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะเธอยังไหวพริบดีด้วย เธอเป็นคนสุขุมใจเย็น มีความเข้มแข็งแบบหนักแน่นอยู่ลึก ๆ คนอาจจะมองข้ามความเข้มแข็งของเธอไป เพราะเธอดูเป็นคนอ่อนโยน แต่จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนที่เต็มไปด้วยพลังมากจริง ๆ”
มาถึง เจนนี่ ที่เผยลุคสุดโฉบเฉี่ยวทั้งในมิวสิกวิดีโอและบนเวที แต่มีบุคลิกจริงๆที่แตกต่างออกไป คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นแฟน ๆ เห็นด้านไหนในตัวเธอบ้าง
เจนนี่เป็นคนตรงและคนจริง เวลาเห็นอะไรก็จะพูดออกมาแบบไม่อ้อมค้อม ฉันรู้สึกประทับใจเธอในจุดนี้มากค่ะ เธอบอกว่าตัวเองเป็นคนขี้อายมากซึ่งหลายคนคงรู้สึกประหลาดใจ และเธอก็เป็นคนประเภท Perfectionist ตลอดช่วงถ่ายทำเธอจะคอยมาคุยกับเราว่าจะถ่ายอะไรบ้างเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูจริงที่สุด เจนนี่เป็นคนที่กล้าพูดในสิ่งที่คิด ฉันชอบดูการสัมภาษณ์ของเธอ เพราะเธอพูดตรงแบบไม่มีสร้างภาพเลยค่ะ
ต่อด้วย โรเซ่ สาวชาวเกาหลีที่เติบโตในประเทศออสเตรเลีย
โรเซ่เป็นคนที่ไฟแรงมากและพยายามพัฒนาตัวเองในฐานะศิลปิน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับเธออยู่เหมือนกัน มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากที่เธอผลักดันตัวเองในการทำสิ่งต่าง ๆ บนทางสร้างสรรค์ ช่วงหนึ่งที่ฉันชอบในหนังมากเป็นพิเศษ คือตอนที่เธอพยายามเขียนเพลงในห้องอัด เหมือนเธอลืมไปเลยว่าเราอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งไม่มีสคริปต์นะคะ หลังจากนั้นโรเซ่ก็บอกว่าคิดถึงช่วงที่เป็นเด็กฝึกหัดที่มีดนตรีรายล้อมอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เธอต้องหาเวลาลองผิดลองถูกกับการทำเพลงทั้งคืน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมุ่งมั่นและรักการทำเพลงมากขนาดไหน
และคนสุดท้าย ลิซ่า น้องเล็กที่สดใสร่าเริงของวง
ลิซ่าเป็นคนที่น่ารักมาก ทุกคนในวงรักและดีใจที่มีลิซ่าในวง เวลาพูดถึงลิซ่าก็จะพูดด้วยความชื่นชม ฉันว่าลิซ่าช่วยดึงอารมณ์ของทุกคนไว้ได้ และทุกคนในวงพูดเหมือนกันว่าตอนที่เป็นเด็กฝึกหัด ลิซ่ามีพรสวรรค์ทำได้ดีในทุกด้านและเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ลิซ่าก็ไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบเครียดจนจริงจังหรือกดดันตัวเองเกินไป เป็นคนที่ปล่อยตัวเองสบาย ๆ มากกว่า
คนสำคัญอีกคนหนึ่งในสารคดีเรื่องนี้คือ ‘เท็ดดี้ พาร์ค’ โปรดิวเซอร์มือทองของค่าย YG Entertainment และเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตส่วนใหญ่ของ BLACKPINK เราไม่ค่อยได้ยินได้ฟังอะไรจากเขามาก เพราะเขาขึ้นแท่นตำนานแห่งวงการ K-POP ไปแล้ว ช่วยเล่าเรื่องเท็ดดี้ให้เราฟังหน่อยได้ไหม
ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องเท็ดดี้มากเท่าไหร่หรอกค่ะ ตอนที่ฉันเจอเขาครั้งแรก เขาเป็นคนน่ารักมาก ช่างคิดละเอียดลออ แต่ก็น่าเกรงใจด้วยเหมือนกัน เขาไม่อยากเผยตัวเองในหนังเพราะเกลียดการเข้ากล้องค่ะ ตอนแรกเขายอมแค่ให้เสียงสัมภาษณ์เท่านั้น แต่พอเราเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น เขาก็ยอมให้สัมภาษณ์ออกกล้องค่ะ บางครั้งคนที่ไม่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกลับมีเรื่องเล่ามากมายเลยทีเดียว เขาเป็นคนที่พูดฉะฉานมาก สาว ๆ พูดถึงเขาด้วยความชื่นชมและนับถือ ซึ่งฉันมาเข้าใจด้วยตัวเองในภายหลัง เขาเป็นคนที่มีความคิดโตมาก ๆ และเป็นเพื่อนที่ดีของคนในวงด้วย
ตอนที่คุณถ่ายทำ BLACKPINK ดูเหมือนว่าสาวๆ จะปูทางมาดีมากจนดังเป็นพลุแตกในปี 2020 คุณคิดว่า BLACKPINK รู้สึกไหมว่านี่เป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญในอาชีพของพวกเธอ
เวลาถามคำถาม ฉันมักจะเกริ่นว่า “ตอนนี้น้องๆ ประสบความสำเร็จแล้ว…” แล้วทุกคนในวงก็จะพูดออกมาจากใจจริงว่าไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย กลับรู้สึกว่าเดินมาได้เพียงครึ่งทางต่างหาก พวกเธออยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากขึ้นไปอีก อย่างที่เจนนี่พูดว่าทุกคนยังมีอะไรให้ทุกคนได้เห็นอีกเยอะ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกกดดันประมาณว่า “เราประสบความสำเร็จมากแล้ว ต้องทำให้ดีกว่าเดิมอีก” แต่ฉันว่า BLACKPINK กำลังสนุกไปกับมันมากกว่าค่ะ
มีช่วงไหนไหมที่คุณรู้สึกได้จริงๆ ว่าวงนี้ดังแค่ไหนหรือแฟนคลับเหนียวแน่นขนาดไหน
มีงานอีเวนต์หนึ่งที่ BLACKPINK ไปที่ห้าง ซึ่งเปิดให้แฟนคลับ 100 คนแรกเข้ามาขอลายเซ็นได้ มันน่าทึ่งมากค่ะ แฟนคลับทุกคนเอาของขวัญมาให้ สาว ๆ ต้องแจกลายเซ็น 100 ครั้ง มันดูน่าเหนื่อยเหมือนกันนะคะ แต่ สาว ๆ ใจดีกับแฟนคลับมาก แล้วแฟนคลับก็อยากเข้ามาใกล้ชิดกับพวกเธอ ฉันคิดกับตัวเองว่า “โอ้โห BLACKPINK ทรหดเหมือนกันนะ” พวกเธอเป็นมืออาชีพกันจริง ๆ ค่ะ
คุณคิดว่าสมาชิกในวงผูกพันกันแบบไหน จะอธิบายความเป็นพี่เป็นน้องของวงอย่างไร
ทุกคนเป็นเหมือนพี่น้อง เป็นครอบครัวกันจริง ๆ มีการพูดคุยกันถึงการให้ความสำคัญทุกคนเท่า ๆ กัน คือไม่มีการเอาเปรียบกัน ทุกคนจัดการอารมณ์ความรู้สึกและการใช้ชีวิตเพื่อให้ไปด้วยกันทั้งทีมได้ ทุกคนรู้ซึ้งถึงการทำงานเป็นกลุ่มเป็นก้อนในวงเล็ก ๆ ของตัวเอง อยากให้ทำทุกอย่างออกมาแล้วมีความสุข ดีกับทุกคน และ ต่างอยากมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่กันและกัน และเมื่อพวกเธอรู้ว่าจะมารวมตัวอยู่วงเดียวกันแล้ว ทุกคนต่างรับผิดชอบกันและกันด้วย
คุณหวังว่าผู้ที่ชมสารคดีเรื่องนี้จะได้แง่คิดอะไรไปบ้าง
สารคดีเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวธรรมดา ๆ ของวัยรุ่นที่ทำความฝันให้เป็นจริงผ่านเส้นทางที่เหนื่อยยากและน่าท้อใจ ฉันว่าเรื่องราวแบบนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนได้เป็นอย่างดีจากการได้เห็นคนที่ทุ่มเทสุดตัวและผลักดันตัวเองไปสู่ความสำเร็จ พวกเธอแบกรับความคาดหวังไว้เยอะมากในฐานะไอดอล ดังนั้นฉันหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเผยให้ผู้ชมได้เข้าใจพวกเธอในด้านความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งและมองพวกเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วยเช่นกัน
BLACKPINK : Light Up The Sky พร้อมให้รับชมทั่วโลก ผ่าน Netflix ในวันที่ 14 ตุลาคม 2020
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡