นับเป็นอีกความน่าตื่นตาของวงการซีรีส์เกาหลี สำหรับผลงาน Sci-Fi เรื่องใหม่ ‘Black Knight’ ที่ได้นำเว็บตูนต้นฉบับ มาผลิตเป็นเวอร์ชั่นซีรีส์ โดยเนรมิตโลกอนาคตในยุคที่เกาหลีล่มสลายออก มาเล่าเรื่องราวที่ตีแผ่ประเด็นทางสังคม โดยเฉพาะ เรื่องของความเหลื่อมล้ำในสังคมออกมาได้อย่างเห็นภาพอย่างชัดเจนตลอดทั้งเรื่อง
Black Knight เป็นซีรีส์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวฉากหลังในโลกอนาคต ยุคที่เกาหลีกลายเป็นดินแดนอันแห้งแล้ง ไม่มีแม้แต่ออกซิเจนจะหายใจ พร้อมกับ ติดตามชีวิตของ อัศวินขนส่งในตำนาน “5-8” และ ซาวอล เด็กหนุ่มลี้ภัยซึ่งใฝ่ฝันที่จะเป็นพนักงานส่งของ พวกเขาร่วมกันต่อต้านชอนมยองกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ครองอำนาจในช่วงเวลานั้น
แม้ช่วงเวลาที่ถูกเล่าในซีรีส์จะดูเหมือนห่างไกล แต่การดำเนินเรื่องราวที่ผู้ชมได้สัมผัสนั้น จะให้ความรู้สึกเชื่อมโยงได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกล หรือมีหลายอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจนี้ ถูกถ่ายทอดผ่านฝีมือการแสดงของเหล่านักแสดงมากฝีมือ นำโดย คิมอูบิน คังยูซอก ซงซึงฮอน อีซม และได้ ผู้กำกับโจอึยซอก ผู้กำกับภาพยนตร์สายแอคชั่น-ทริลเลอร์ อย่าง Cold Eyes (2013) และ Master (2016) มานั่งแท่นประเดิมกำกับซีรีส์เป็นเรื่องแรกในผลงานนี้ ซึ่งมีเรื่องราวมากมายที่ผู้ชมจะได้รู้เกี่ยวกับซีรีส์มากยิ่งขึ้น ผ่านบทสัมภาษณ์ของพวกเขา จากงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ที่จัดขึ้นในประเทศเกาหลี
ที่มาที่ไปของการใช้ชื่อเรื่อง ว่า ‘Black Knight’ คืออะไร
ผู้กำกับโจอึยซอก: ในช่วงกลางวันพนักงานส่งของมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนและของใช้จำเป็นต่าง ๆ ให้กับผู้คน แต่พอกลางคืนพนักงานส่งของซึ่งเคยเป็นผู้ลี้ภัยมาก่อนรวมตัวกันในนามของ Black Knight เพื่อปกป้องเหล่าผู้ลี้ภัย ผมคิดว่าพวกเขาเป็นเหมือนอัศวิน อัศวินที่ส่งของตอนกลางวัน และอัศวินลึกลับที่ปกป้องผู้คนในยามค่ำคืนครับ
อะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำให้คุณนำ Black Knight มาสร้างเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกของคุณ
ผู้กำกับโจอึยซอก: ครั้งแรกที่ผมได้อ่านเว็บตูนต้นฉบับ ผมชอบโลกที่ถูกเล่าถึงในเรื่อง รวมถึงองค์ประกอบของตัวละคร “นักล่า” ที่พนักงานส่งของต้องต่อสู้ด้วย เพื่อส่งสิ่งของจำเป็นให้กับประชาชน ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้เขียนเว็บตูนและดัดแปลงหลายจุด ต้องขอบคุณผู้เขียนเว็บตูนที่ให้อิสระในการปรับเปลี่ยนและเกิดเป็นซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมาครับ
ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่านบทซีรีส์ Black Knight ครั้งแรก เป็นอย่างไรบ้าง
คิมอูบิน: เมื่อไม่นานมานี้พวกเรายังต้องสวมใส่แมสกันอยู่เลยใช่ไหมครับ พอผมได้อ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกว่านี่มันอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงในอนาคต ทำให้ผมยิ่งสนใจเรื่องราวและตัวละครต่าง ๆ โดยเฉพาะตัวละคร 5-8 อีกอย่างผมเคยร่วมงานกับผู้กำกับโจอึยซอกมาก่อนในภาพยนตร์เรื่อง Master ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมาก ผมเชื่อในตัวผู้กำกับและนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมอยากร่วมงานกับเขาในซีรีส์เรื่องนี้ครับ
ซงซึงฮอน: ผู้กำกับเกริ่นกับผมถึงเรื่องราวของ Black Knight ตอนที่เขากำลังอยู่ในขั้นตอนเขียนบทครับ เขาเล่าถึงโลกดิสโทเปียที่แห้งแล้งเป็นทะเลทราย กรุงโซลที่กลายเป็นดินแดนรกร้าง ที่จริงผมเป็นเพื่อนกับผู้กำกับมากว่า 20 ปีแล้ว ผมจึงเชื่อใจเขา ผมบอกเขาว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแบบไหนก็ตาม ถ้ามีบทที่เหมาะกับผม ผมก็อยากมีส่วนร่วมด้วย ผมรู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับเพื่อนเก่าของผมครับ
คังยูซอก: ตอนที่ผมได้อ่านบท ผมชอบองค์ประกอบความเป็นไซไฟในเนื้อเรื่อง และก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะออกมาอย่างไรเมื่อไปอยู่ในจอจริง ๆ นอกจากความเป็นไซไฟแล้ว ยังมีฉากแอคชั่นอีกมากมาย เหล่าตัวละครไม่ว่าจะเป็น 5-8 ซาวอล และ ซอลอา ทุกตัวละครต่างก็มีเอกลักษณ์ที่น่าติดตาม ผมคิดว่าคุณผู้ชมเองก็ต้องชอบครับ
อีซม: ครั้งแรกที่ได้อ่านบทฉันรู้สึกว่าพนักงานส่งของมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตเรามากค่ะ และในโลกอนาคตพวกเขายิ่งมีบทบาทต่อการอยู่รอดของมวลมนุษย์ ซึ่งน่าสนใจมาก ฉันคิดว่าผู้กำกับตีความเรื่องราวจากต้นฉบับได้อย่างยอดเยี่ยม และเชื่อว่าเขาต้องถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นซีรีส์ได้ดีค่ะ
พอจะเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครของคุณในเรื่องนี้ได้ไหมคะ
คิมอูบิน: 5-8 เป็นพนักงานขับรถส่งของ ในเรื่องคนส่งของทำหน้าที่ขนส่งของใช้ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้คน แต่แล้วก็มีกลุ่มนักล่าที่คอยดักปล้นของเหล่านั้น ดังนั้น คนที่จะเป็นพนักขนส่งต้องแข็งแกร่งมาก และ 5-8 ก็เป็นอัศวินขนส่งในตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดครับ
ซงซึงฮอน: สิ่งที่จำเป็นที่สุดในโลกอันรกร้างที่แห้งเป็นผืนทรายและขาดอากาศหายใจก็คือออกซิเจน ชอนมยองกรุ๊ปผลิตออกซิเจนและควบคุมการจัดจำหน่ายทั้งหมด รยูซอกเป็นคนทะเยอทะยานและมั่นใจในตัวเองสูง เขามีแผนการร้ายและหวังจะเป็นผู้บงการทุกสิ่งในโลกใบใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลให้ 5-8 ซาวอลและซอลอาต้องการเปิดโปงและพยายามขัดขวางเขาครับ
คังยูซอก: ซาวอลชื่นชมและมุ่งมั่นที่จะเป็นแบบ 5-8 เขาอาศัยอยู่กับซอลอาในพื้นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ลี้ภัย เขาอยากมีชีวิตเหมือนอัศวิน 5-8 และอยากมีคิวอาร์โค้ดเป็นของตัวเอง เขาเป็นคนสดใสและกล้าหาญครับ
อีซม: ซอลอาเป็นคนมีเสน่ห์ กล้าหาญ และมีความเป็นผู้นำ ตอนเด็กเธอได้ช่วยเหลือซาวอล เด็กหนุ่มผู้ลี้ภัยและเลี้ยงดูเขามา เธอตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับรยูซอกและชอนมยองกรุ๊ป เธอจึงเริ่มสืบสวนเกี่ยวกับเขาด้วยตัวเองค่ะ
ตัวตนของ Black Knight ในเรื่องนี้คือใคร
คิมอูบิน: Black Knight เป็นการรวมตัวของเหล่าพนักงานส่งของทั้งหมด 11 คนรวมทั้ง 5-8 ด้วย พวกเขาเคยเป็นผู้ลี้ภัยมาก่อน ตอนกลางวันพวกเขาส่งพัสดุ แต่พอกลางคืนพวกเขาช่วยเหลือบรรดาผู้ลี้ภัยเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมครับ
สิ่งที่คุณให้ความสำคัญที่สุดในการแสดงเป็น 5-8 คืออะไร
คิมอูบิน: อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นผลงานเรื่องไหน ผมจะตั้งคำถามอยู่เสมอว่าทำไมตัวละครที่ผมรับถึงคิดแบบนี้ หรือพูด หรือกระทำแบบนั้น ผมว่ามันสำคัญที่สุดครับ ยิ่งสำหรับตัวละคร 5-8 ซึ่งเคยเป็นผู้ลี้ภัยมาก่อน ผู้ลี้ภัยมักจะอ่อนไหวทางอารมณ์เพราะมีสถานะเป็นคนลี้ภัย ดังนั้นผมจึงนึกถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญ และตระหนักว่าโลกใบใหม่ที่ดีกว่าสำหรับทุกคนแบบที่เขาต้องการนั้นจริงแล้ว ๆ เป็นโลกแบบไหนกันแน่ครับ
ในผลงานเรื่องนี้แฟนๆ จะได้เห็นคุณในมุมไหนบ้าง
อีซม: ในเรื่องนี้ฉันมีฉากต่อสู้เยอะมาก และต้องจับปืนเกือบทั้งเรื่อง ฉันอยากให้ทุกคนเห็นว่าฉันยิงปืนเก่งค่ะ
ช่วยเล่าถึงขั้นตอนในการสร้างฉากหลังของโลกที่รกร้างจนกลายเป็นทะเลทรายได้หรือไม่
ผู้กำกับ: ทีมนักแสดงต้องแสดงกับบลูสกรีน ซึ่ง CG ทำให้ทุกอย่างออกมาดูดีมาก เราใช้ความทุ่มเทและเวลาเยอะมากเพื่อให้ได้ภาพของดินแดนทะเลทรายที่เต็มไปด้วยมลพิษ ต้องขอบคุณทีม VFX ทุกคนที่ทุ่มเทด้วยครับ
อะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกประทับใจมากที่สุดในบรรดาองค์ประกอบในซีรีส์ Black Knight
ซงซึงฮอน: ในเรื่องคุณจะได้เห็นบรรยากาศที่คุ้นตาอย่างนัมซานทาวเวอร์ แต่ก็กลับดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ในโลกที่แห้งแล้งเป็นผืนทราย ถึงตัวผมเองยังไม่ได้ดูฉบับตัดต่อสมบูรณ์ แต่ผมคิดว่าเอฟเฟกต์ CG จะต้องสร้างภาพที่แปลกใหม่แน่นอน ตลอดการถ่ายทำเรื่องนี้ผมได้ตระหนักถึงความสำคัญของหลายๆ อย่าง เช่น ออกซิเจน ตอนนี้เราอาจไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเรื่องจริงเป็นเหมือนโลกใน Black Knight ที่ทุกคนไม่สามารถดำรงชีวิตโดยปราศจากหน้ากากออกซิเจนล่ะ คงไม่มีใครอยากให้เป็นอย่างนั้นแน่ๆ ผลงานเรื่องนี้ทำให้ตระหนักถึงปัญหามลภาวะทางอากาศมากขึ้นครับ
อีกหนึ่งองค์ประกอบของซีรีส์เรื่องนี้คือฉากแอคชั่น คุณเตรียมตัวอย่างไรสำหรับฉากเหล่านั้นบ้าง
คิมอูบิน: ในบรรดาฉากแอคชั่นของผม ฉากที่จำได้ขึ้นใจมากที่สุดคือฉากที่ 5-8 มองย้อนกลับไปยังอดีต ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ มันค่อนข้างโหดร้าย ในขณะที่ผมแสดง ผมต้องการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาให้ดีที่สุดและหวังว่ามันจะถูกส่งผ่านไปถึงผู้ชมครับ
ทั้งคุณคิมอูบิน และ คุณอีซมเคยเป็นนายแบบ-นางแบบมาก่อนที่จะเข้าวงการแสดง และนี่ก็เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่างพวกคุณทั้งสอง หลังจากเจอกันครั้งแรกในผลงานเดบิวต์ของคุณอูบิน รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง
อีซม: ฉันดีใจมากตอนรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับคุณคิมอูบิน แม้ฉากแรกที่แสดงด้วยกันพวกเราต้องใส่หน้ากาก แต่ฉันสัมผัสได้ถึงพลังจากสายตาของเขา ฉันคิดว่าเขาเป็นนักแสดงคุณภาพและรู้สึกปลื้มใจมากค่ะ
คิมอูบิน: ผมดีใจสุด ๆ ครับที่ได้ร่วมงานกับคุณอีซมอีก ผมคุยกับเธอถึงเรื่องราวในอดีตที่เราเคยโดนดุเพราะแสดงได้ไม่ดีเท่าที่ควรตอนเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่เราก็ฝ่าฟันและยังโลดแล่นอยู่ในวงการได้จนถึงทุกวันนี้ ผมดีใจมากครับ
คุณรู้สึกอย่างไรกับผลงานซีรีส์เรื่องแรกของคุณบ้าง
ผู้กำกับโจอึยซอก: ซีรีส์เรื่องนี้มี 6 ตอน แต่ผมรู้สึกเหมือนถ่ายทำภาพยนตร์ 2 เรื่อง นับถือผู้กำกับซีรีส์ทุกท่านเลยครับ นี่เป็นเรื่องแรกของผม ผมเลยอยากให้ออกมาดีตั้งแต่ต้นจนจบ มีทั้งแอคชั่นและดราม่า ทีมนักแสดงและทีมงานทุกคนทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อผลงานเรื่องนี้ หวังว่าคุณจะชอบการแสดงของพวกเขาครับ
มีหลายองค์ประกอบในซีรีส์ที่เหมือนและแตกต่างจากเว็บตูนต้นฉบับ เช่น ตัวละคร เป็นต้น สิ่งใดที่คุณอยากคงไว้ให้เหมือนกับต้นฉบับ และสิ่งใดที่คุณอยากดัดแปลงให้ต่างจากต้นฉบับบ้าง
ผู้กำกับโจอึยซอก: เทียบกับเว็บตูนต้นฉบับแล้วมุมมองโลกยังคงเหมือนเดิม แต่ข้อแตกต่างก็คือตัวละครใหม่ ๆ ที่ผมเพิ่มเติมขึ้นมา ผมคุยกับเจ้าของผลงานเว็บตูนและเขาก็ให้อิสระผมได้ดัดแปลงตามที่ต้องการครับ
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจากการรับชมซีรีส์เรื่องนี้
คังยูซอก: อย่างแรกคือ ตัวละครครับ คุณจะพบว่าตัวละครทุกบทบาทมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนั้นก็จะได้เห็นกรุงโซลในโลกอนาคตด้วยครับ
คิมอูบิน: คุณจะได้เห็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมอย่าง คุณคังยูซอก รวมถึงบทบาทใหม่ของคุณซงซึงฮอน และ คุณอีซมที่คุณอาจจะไม่เคยได้เห็นมาก่อนครับ
ซงซึงฮอน: คุณจะได้มุมมองใหม่ ๆ ที่คุณอาจไม่เคยพบจากผลงานอื่น เรามีตัวละครที่หลากหลาย มันอาจจะทำให้คุณตั้งคำถามว่าทำไมตัวละครรยูซอกถึงต้องตัดสินใจแบบนี้ อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้พวกเขาขัดแย้งหรือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และตระหนักถึงสิ่งที่ซีรีส์ต้องการสื่อครับ
อีซม: นอกจากพวกเราที่นั่งอยู่ตรงนี้แล้วยังมีนักแสดงหญิงคุณภาพอีกมากมายที่แข็งแกร่งและเพิ่มสีสันให้กับซีรีส์ค่ะ คิดว่าทุกคนต้องชอบค่ะ
ผู้กำกับ: มีตัวละครที่หลากหลาย แต่ละคนต่างก็มีเป้าหมายและแรงจูงใจที่ต่างกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมสนุกมากขึ้นขณะรับชมครับ
สามารถติดตามรับชม Black Knight ได้ทั้งหมด 6 ตอน ทั้งซับไทย และ พากย์ไทยได้แล้ววันนี้ ที่ Netflix
บทความที่เกี่ยวข้อง
Netflix เตรียมทุ่มเงินมหาศาล ลงทุนในเกาหลี เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ตลอด 4 ปีข้างหน้า
มองภาพใหญ่คอนเทนต์เกาหลี กับ ‘ดอน คัง’ แห่ง Netflix ที่ ปี 2023 ยังคงคาดหวังได้อีก!
พาทัวร์ออฟฟิศ Netflix Korea พื้นที่การทำงานที่ดีต่อใจ ตั้งแต่ของกินมากมาย ยันความใส่ใจทุกรายละเอียด
Netflix เปิดไลน์อัปคอนเทนต์เกาหลี ปี 2023 ซีรีส์-ภาพยนตร์-วาไรตี้-สารคดี จ่อคิวฉายแน่นตลอดปี
ติดตามข่าวสารและสิ่งที่น่าสนใจจากเราได้ที่
Facebook Fanpage : facebook.com/korseries
Twitter : twitter.com/korseries
Website : korseries.com
Youtube : Korseries
ขอความกรุณาไม่คัดลอก-ดัดแปลงบทความไปโพสต์ลงในเพจ-สำนักข่าวอื่น รวมถึงไม่นำบทความไปอ่านลง YouTube หรือแพลตฟอร์มใด ๆ โปรดช่วยแชร์เป็นลิ้งก์นะคะ ♡
Photo : Cr. Kim Jin-young/Netflix © 2023